กลางสัปดาห์ที่ผ่านมาชื่อ “กบชายน้ำ” เป็นที่ฮือฮาของสังคม หลัง นายเกรียงศักดิ์ อุดมสิน หรือ คุณหมู วัย 50 ปี เจ้าของสวนผลไม้ออร์แกนิก “จิตร์นิยม” (ไม่ใช้สารเคมี-ปุ๋ยเคมี) อายุ 120 ปี ใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ประกาศให้จองทุเรียนกบชายน้ำ ซึ่งเป็นพันธุ์พื้นเมืองหายาก ในราคาสูงถึงกิโลละ 5 พัน ลูกละหมื่น ถึงสองหมื่นบาทตามน้ำหนัก
กับราคาที่สูงมาก หากเพิ่มเงินอีกไม่กี่พันก็สามารถซื้อสร้อยทอง 1 บาทได้ ทำให้สังคมเกิดข้อสงสัย สมควรหรือไม่กับราคานี้ แพงไปหรือเปล่า ลดราคาดีไหม มีความพิเศษอะไรทำให้ตั้งราคาแพงหูฉี่ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์จึงลงพื้นที่ไปที่สวนผลไม้เพื่อค้นหาความจริง
ของดี ควรสร้างคุณค่า หวั่นพันธุ์พื้นเมืองสูญหาย
“ความหลากหลายของคนก็มีหลายมิติ เห็นชัดเจนหลังคนรู้ข่าว กลุ่มคนที่ยังไม่ได้กินก็แสดงความคิดเห็นเสียๆ หายๆ ผมอยากให้เปลี่ยนแอดติจูด วัตถุประสงค์ของผมที่ตั้งราคาขายกิโลละ 5 พัน เกิดจากอยากให้เกษตรกรไทยได้แนวคิดใหม่ๆ ในการรักษาพันธุ์ผลไม้ดีๆ อร่อยๆ ของไทย
...
เมื่อมีของดีก็ควรอนุรักษ์ รักษาให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้รู้จัก อยากให้เห็นคุณค่าและนำมาเป็นจุดแข็ง สร้างความวาไรตี้หลากหลาย เพราะต่อไปจะเหลือแต่หมอนทองให้กิน พันธุ์พื้นเมืองอื่นๆ ก็จะไม่มีให้ชิม และกำลังจะสูญหายไปจากโลกนี้ เพราะถ้าแห่กันปลูกแต่พันธุ์ที่นิยม โดยตัดต้นที่ไม่เห็นคุณค่าทิ้งหมด สุดท้ายไม้ผลเหล่านี้จะไม่มีการผสมข้ามสายพันธ์ุ และถูกทำลายเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมจนหมดสิ้น ความหลากหลายของชีวภาพก็ไม่เหลือ” นายเกรียงศักดิ์ระบายความรู้สึกกับทีมข่าวฯ ขณะพาเดินดูต้นทุเรียนพันธุ์กบชายน้ำ หลังเกิดกระแสดราม่าราคาแพงหูฉี่
แรกเริ่มราคาเท่าทุเรียนหมอนทอง เผยทำมา 2 ปีแล้ว
พร้อมย้อนเล่าความหลังวัยเด็ก ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งในการเคาะราคาขายอยู่ที่โลละ 5 พันบาท ซึ่งน้อยคนนักจะทราบว่า จริงๆ แล้วนายเกรียงศักดิ์ขายราคานี้มา 2 ปีแล้วในลักษณะตลาดปิด กับเพื่อนนักธุรกิจต่างชาติ
“ตอนเด็กได้กินทุเรียนกบชายน้ำแล้วติดใจ พอไปเรียน กทม. กลับมาบ้านไม่มีทุเรียนให้กิน ทั้งๆ ที่เป็นลูกชาวสวนแท้ๆ บางทีต้องกินลูกมีตำหนิที่กระรอก กระแตมากัดกินทำลาย เพราะสวนไม่ใช้ยาฆ่าแมลง เน้นดูแลตามธรรมชาติ
แรกๆ แม่ก็ขายทุเรียนกบชายน้ำราคาเท่าหมอนทองทั่วไป ผมนำทุเรียนกบชายน้ำไปฝากเพื่อนนักธุรกิจ และลูกค้าชาวจีน สิงคโปร์ พวกเขาติดใจ บอกอร่อย ภายหลังเพื่อนๆ ขอซื้อ พอผมมาดูแลสวนเองเป็นรุ่นที่ 3 จึงเริ่มต้นขายให้เพื่อนธุรกิจในราคาที่เหมาะสม กิโลละ 5 พันบาท ส่วนแม่ก็กังวลว่าจะขายได้ไหม แต่ผมมองว่าทุเรียนเมืองนนท์ที่แพงกว่านี้ยังขายได้ ผมเลยซื้อเหมาต้นจากแม่ ไว้แจกเพื่อน และเปิดให้จอง ตอนนี้ก็มีลูกค้าชาวจีนจองไปหลายสิบลูกแล้ว” นายเกรียงศักดิ์เล่าที่มา
ย้อนรอย 120 ปี กับความหฤโหด กว่าจะนำพันธุ์กบชายน้ำมาปลูกที่สวน
ทุเรียนกบชายน้ำ ปัจจุบันมีเพียง 20 ต้น ด้านประวัติความเป็นมานายเกรียงศักดิ์เล่าว่า เริ่มเมื่อประมาณ 120 ปีที่แล้ว ผู้นำมาปลูก คือ อากงที่มาจากซัวเถา ประเทศจีน แล้วมาพบรักและแต่งงานกับอาม่าที่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
อากงเป็นคนชอบต้นไม้ รักธรรมชาติ และดูฮวงจุ้ยเก่ง จึงบุกเบิกทำสวนแห่งนี้ตั้งแต่หนุ่มๆ และอากงยังเป็นนักอนุรักษ์พันธุ์ไม้ด้วย ในสวนจึงมีผลไม้พันธุ์แปลกๆ ส่วนอาม่าชอบค้าขายจึงเปิดร้านทองซึ่งเป็นร้านแรกในตลาดท่าประชุม ความเป็นมาของชื่อ “กบชายน้ำ” นั้น นายเกรียงศักดิ์คาดเดาเองว่า เดิมทีพันธุ์นี้อยู่ริมแม่น้ำ จ.นนทบุรี ด้วยเหตุนี้จึงถูกตั้งชื่อว่า “กบชายน้ำ”
...
สำหรับการขนพันธุ์ทุเรียนกบชายน้ำนั้น อากงนำขึ้นเรือเมล์แดง ล่องจาก จ.นนทบุรี มาตามแม่น้ำปราจีนบุรี แล้วขึ้นท่าเรือที่ท่าประชุม อ.ศรีมหาโพธิ จากนั้นใช้เกวียนบรรทุกมายังสวน โดยที่สวนจิตร์นิยมสมัยก่อนยังไม่มีถนนตัดผ่านเข้าถึง การสัญจรลำบากมาก ไม่มีรถราใช้ ผลผลิตที่ได้แต่ละต้นมากเกือบ 300 ลูก แต่สุดท้ายเหลือไม่กี่สิบลูก เพราะดูแลแบบธรรมชาติ
“สมัยอากงดูแลสวน จะมีทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองแทบทุกสายพันธุ์ เช่น กบก้านสั้น กบพวง กบเล็บเหยี่ยว ชมพูศรี กบแม่เฒ่า กบตาแพ ตอนนี้กบชายน้ำมีอยู่ 20 ต้น ให้ผลประมาณ 200-300 ต่อต้น แต่จะเหลือผลสมบูรณ์สำหรับขาย เพียงแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น เนื่องจากภัยธรรมชาติ ฝนตก ทำให้ผลหล่นเสียหาย หรือสัตว์ธรรมชาติ
...
ส่วนแมลงจะน้อย ตัวที่แอบมากัดกินเยอะ คือ กระรอก อย่างต้นนี้ (ทำท่าชี้) ตอนยังไม่แก่กระรอกกินไปประมาณ 50 ลูกแล้ว แล้วนี่โดนกัดกินอีก 1 ลูกแล้ว หนักประมาณ 2 กิโล ดูจากเปลือกที่ยังขาวอยู่ ไม่โดนกัดเมื่อเช้า เมื่อวานตอนเย็น ก็ต้องยอมปล่อย” นายเกรียงศักดิ์กล่าว
อยู่ร่วมกับธรรมชาติ ยืนหยัดสวนออร์แกนิก ไม่เคยคิดฆ่าศัตรูพืช
และในช่วงที่เงาะแดง ตอนกลางคืนค้างคาวแม่ไก่มาทีหลายพันตัว บินมากินแหว่งครึ่งลูก หล่นเกลื่อนพื้นก็ปล่อยให้กินจนอิ่ม ต้นไหนเก็บทันก็เก็บ วิธีแก้ปัญหาศัตรูพืชที่ดีที่สุด คือ “ทำใจ” ปล่อยไปตามธรรมชาติ
เพราะการทำสวนออร์แกนิก ต้องอยู่กับธรรมชาติให้ได้ หากเอาชนะด้วยการใช้ยาฆ่าแมลง เราก็ตายก่อนมัน ซึ่งที่สวนไม่ได้คิดทำ และผลดีของการทำสวนออร์แกนิก นอกจากได้กินผลไม้ที่ไร้สารพิษแล้ว ยังส่งผลให้สุขภาพของนางรุ่งอรุณ อุดมสิน คุณแม่ของนายเกรียงศักดิ์ ที่ปัจจุบัน อายุ 80 ปี แต่ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ เลย
...
“ไม้ไผ่ที่เห็นรอบๆ ต้นทุเรียนกบชายน้ำใช้ค้ำกันกิ่งหัก เวลาลูกใหญ่เต็มที่ การปลูกให้อยู่ตามธรรมชาติ บางทีก็ไม่ต้องใช้ไม้ค้ำ กิ่งต้นส้มโอช่วยค้ำแทน บางทีแข็งแรงกว่าไม้ไผ่ค้ำอีก ส่วนถุงที่ห่อทุเรียน และพันรอบโคนต้น ก็เอามากันกระรอก ผมพยายามทำทุกวิธีที่จะทำได้โดยที่ไม่ฆ่ามัน ให้อยู่ร่วมกันได้ ธรรมชาติกับมนุษย์ มนุษย์ไม่มีทางชนะได้หรอก”
นายเกรียงศักดิ์ยืนยันจากประสบการณ์ลูกชาวสวน โดยบอกอีกว่าในสวนปลูกต้นผลไม้สลับมั่วไปหมด เพราะหากปลูกเชิงเดี่ยว แมลงจะรุม ปลูกด้วยระบบนิเวศ ธรรมชาติจะต่อสู้กันเอง เช่น มดดำตัวเดียวจะสู้กับมดแดง 10 ตัวได้ เพราะมดแดงแข็งแรงกว่า แต่ถ้าฆ่ามดแดง เพลี้ยก็จะเต็มสวน เพราะมดดำพาเพลี้ยมากินผลไม้
อยากกิน ต้องมัดจำครึ่งหนึ่ง ส่งตรงถึงบ้านทางไปรษณีย์
นอกจากศัตรูพืชที่เป็นกระรอกแล้ว สิ่งที่ต้องเผชิญ คือ การถูกขโมยทุเรียนกบชายน้ำ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมนายเกรียงศักดิ์ปฏิเสธ เมื่อทีมข่าวฯ สอบถามขอดูต้นทุเรียนกบชายน้ำที่เหลืออย่างใกล้ชิด การขนส่งขายในต่างประเทศนั้น จัดส่งทางไปรษณีย์ โดยต้องไม่ให้หนามโผล่ออกมา
“จะรู้ได้อย่างไรว่า ทุเรียนลูกไหนเหมาะตัดขาย อันดับแรก คือ ผมจดบันทึกช่วงเวลาติดดอกออกผลไว้ อันดับสองปีนขึ้นไปเคาะ โดยใช้นั่งร้าน ต้นนี้ทีแรกออก 300 กว่าผล กะเก็บไว้กินบ้าง ปัจจุบันเหลือประมาณ 80 ผล หายไปเพราะนอกจากกระรอกแล้วก็ยังมีคนเข้ามาขโมย
ผมเปิดรับจองส่วนตัว โดยมัดจำ 50 เปอร์เซ็นต์ ใส่กล่องไม่ให้หนามทะลุ หรือกระทบกับของอื่นที่จะส่ง แล้วส่งไปให้ลูกค้าทางไปรษณีย์ ทุเรียนเวลาส่งจะไม่มีกลิ่น เพราะยังไม่สุก ผมทยอยส่ง เพราะทุเรียนไม่ได้แก่พร้อมกัน ลูกขนาดกลางๆ เฉลี่ยแล้วหนักประมาณ 2 กิโล ตอนนี้มีออเดอร์ไม่เยอะ มีหลักไม่ถึงร้อย เพราะมีแค่ 20 ต้นเอง ขายให้เพื่อนให้ฝูง นักธุรกิจที่รู้จักกันแค่นั้นก็หมดแล้ว ปลายเดือนนี้ก็เก็บได้แล้ว” นายเกรียงศักดิ์อธิบาย
จุดเด่นของกบชายน้ำ กับคุณค่าราคาสูงกิโลละ 5 พัน
ความโดดเด่นของทุเรียนกบชายน้ำนั้น นายเกรียงศักดิ์ชี้แจงพร้อมกับหยิบทุเรียนให้ทีมข่าวฯ ได้ยลโฉมใกล้ๆ ลักษณะเด่นชัดภายนอก ต้องตั้งด้วยตัวของมันเองได้ รูปทรงค่อนข้างสมบูรณ์ทั้งลูก มีฐานแผ่กว้างมั่นคง และก้นเป็นหลุม เอาเหรียญสลึงมาวางในหลุมได้ ขั้วขนาดเล็ก หนามถี่แหลม เล็ก พูจะประมาณ 5-6 พู
ส่วนลักษณะภายใน ขนาดเม็ดไม่ลีบ เนื้อละเอียดยิบ แกนแห้ง ไม่เป็นไส้ซึม เนื่องจากคุณสมบัติของต้นและผล เวลาฝนตกจะไม่ดูดน้ำเข้าไปในลูก ไม่ทำให้ไส้ซึมแฉะ ส่วนรสชาตินั้น นายเกรียงศักดิ์การันตีว่าหากใครได้ลิ้มลองแล้วจะติดใจ แม้แต่ตนเองที่กินมาตั้งแต่เล็กจนโตย้ำชัด “อร่อยที่สุด”
“ถ้าสายพันธุ์ทั่วๆ ไป ลักษณะก้นแหลม ถ้าตั้งไม่ได้แสดงว่าไม่ใช่พันธุ์กบชายน้ำ คนชอบกินทุเรียนเนื้อละเอียดเป็นครีม หวาน มัน กลมกล่อม ก็ต้องกบชายน้ำเลย กลิ่นละมุนละม่อมพอเหมาะพอดี ไม่ทำให้รู้สึกว่ากลิ่นแรง ข้อเด่นกินแล้วไม่กลัวว่าเรอให้คนอื่นเหม็น
ถ้าได้ลองชิม เนยที่ว่ามัน หอม หวาน กบชายน้ำกลมกล่อมกว่ามาก นี่คือความลงตัวของธรรมชาติ ลูกๆ ก็แย่งกันกินแต่กบชายน้ำ เพราะเขาอยู่กับทุเรียนหลากหลายสายพันธุ์ กินประจำจะรู้ว่าพันธุ์กบชายน้ำอร่อยที่สุด” นายเกรียงศักดิ์ชี้แจง จนทีมข่าวฯ อยากชิมว่ารสชาติเป็นจริงดังว่าหรือไม่ แต่น่าเสียดาย อดลิ้มลอง เนื่องจากทุเรียนยังไม่สุก
กบชายน้ำ เปรียบเสมือนสาวสวยในดงป่า ไม่ควรขายราคาต่ำกว่าโลละ 5 พัน
เนื่องจากราคาที่สูง จึงทำให้เข้าถึงการบริโภคได้น้อย ทีมข่าวฯ ซักถามต่อ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะขายให้ถูกลง ซึ่งนายเกรียงศักดิ์วิเคราะห์ตามกลไกตลาด ถ้าต่อไปมีคนปลูกเยอะขึ้น มีดีมาน ซัพพลายใกล้เคียงกัน ราคาก็คงลดลง แต่การปลูกทุเรียนกบชายน้ำต้องอาศัยเวลา และคุณสมบัติ อายุของต้นเยอะ ยิ่งทำให้รสชาตินิ่งและอร่อยมากขึ้น
“ทุเรียนกบชายน้ำที่สวนจิตร์นิยมมันถูกทะนุถนอมมา 120 ปี ราคาไม่ขึ้น ไม่ลงแล้ว ผมยินดี หากคนอื่นจะขายราคาเท่าไหร่ ขายไปเถอะ จะขายต่ำกว่าก็ได้ แต่ขอให้ขายให้ได้ราคาหน่อย อย่าขายถูก คุณสมบัติและรสชาติของมันค่อนข้างพรีเมียม
ถ้าใครมีอยู่ให้คิดเสียว่าถูกลอตเตอรี่ หรือว่ามีโชคร่วมกัน กบชายน้ำก็เหมือนกับว่ามีลูกสาวแสนสวยสักคนหนึ่ง ถึงแม้นจะเป็นเด็กสาวชาวป่า ถ้าคนเห็นคุณค่าก็อาจได้สินสอดแพงๆ หรือมีเศรษฐีมาตกหลุมรักก็ได้ หรือถ้าใครขายไม่ได้ก็เอามาฝากผมขายได้” นายเกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่าไม่ใช่แค่กบชายน้ำ ยังมีทุเรืยนอื่นๆ ดีๆ ซุกซ่อนอยู่ในไทยอีกหลายพันธุ์ อยู่ที่ว่าใครชอบอะไร โดยส่วนตัวในฐานะลูกชาวสวน ชอบพันธุ์กบชายน้ำมากที่สุด
เบื้องลึกราคาขายแพง รัฐอย่าปล่อยให้ของดีตายจากไทย แล้วค่อยเห็นค่า
สวนจิตร์นิยม เร่ิมจาก 20 ไร่ ปัจจุบันมีเนื้อที่กว่า 520 ไร่ ปลูกผลไม้หมุนเวียนหลายชนิด ขายได้ตลอดทั้งปี เช่น มังคุด เงาะ มะม่วง ขนุน ส้มโอ กระท้อน มะไฟ มะม่วงมหาชนก มะปรางยักษ์ ซึ่งมีรางวัลมากมายจากหลายหน่วยงานการันตีถึงผลผลิตว่าไร้สาร มีคุณภาพ และรักษาพันธุ์ผลไม้หายากให้คนไทยรุ่นหลัง
จากการเติบโต และเห็นความเปลี่ยนแปลงทางการตลาดและชีวภาพของผลไม้ไทย นายเกรียงศักดิ์ ยอมรับว่าปัจจุบันเกษตรไทยยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ สนับสนุนจากภาครัฐเท่าที่ควร จึงกังวลว่าต่อไปภายภาคหน้า ผลไม้ไทยคงสูญหายหลายพันธุ์
“ผมไม่ได้ห่วงแค่ทุเรียน ผมห่วงผลไม้ทุกชนิดที่จะสูญพันธุ์ ปัจจุบันอยากกินมะม่วงกะล่อนทองก็หาไม่ค่อยได้แล้ว คนไทยต้องรอให้บริษัทยักษ์ใหญ่ไปปลูกแล้วเอามาขายคนไทยแพงๆ หรือต่างชาติซื้อไป แล้วกลับมาขายไทยอย่างนั้นหรือ เหมือนมะม่วงอกร่อง กลับมาดังและราคาแพงกว่าน้ำดอกไม้ เพราะคนเห็นคุณค่าของมัน ต้องรอให้ราคา 150 เหมือนปัจจุบันที่หากินไม่ได้แล้ว ค่อยมาส่งเสริม ผมว่าไม่ถูกต้อง
เหมือนทุเรียน ตอนนี้พอมีสายพันธุ์ที่จะพัฒนาหรือเก็บรักษาไว้ให้ลูกหลานได้เห็นความหลากหลายของชีวภาพ ก็ควรส่งเสริม ภาคเกษตรก็จะเจริญรุ่งเรือง ผมวิงวอน เรียกร้องมาหลายปีแล้ว แต่ยังนิ่งเฉย อยากให้รัฐหันกลับมาดูไม้ยืนต้นในประเทศเราบ้าง กว่ามันจะเจริญเติบโต ชาวสวนไม่ได้ถูกดูแลอย่างจริงจัง ฤดูแล้งก็ช่วยเหลือไม่ทัน ถ้ารัฐบาลหันกลับมาช่วยส่งเสริมให้ชัดเจน อนุรักษ์สิ่งดีๆ ที่คนอื่นตามแข่งเราไม่ทัน เราก็จะมีจุดแข็งสู้กับชาติอื่นๆ ได้อย่างภาคภูมิใจ” นายเกรียงศักดิ์ได้เผยความรู้สึกอัดอั้นกับภาครัฐ.
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราว หรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่ reporter.thairath@gmail.com หรือช่องทาง Facebook : ทีมข่าวเฉพาะกิจ