พ่อเฒ่าวัย 81 ปี ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง อาการกำเริบหนักจนธาตุไฟแตก ทั้งเหงื่อ ฉี่ ออกจากร่างกายจนตัวเย็นเจี๊ยบ สุดท้ายนอนแน่นิ่ง ญาติจับชีพจร ลงความเห็น "หมดลมหายใจ" แต่ผ่านไป 5 นาที "กลับฟื้นขึ้นมา" บรรดาลูกๆ และญาติทั้งดีใจและตกใจ...
เรื่องราวสุดอัศจรรย์นี้เกิดขึ้น เมื่อเวลา 03.00 น. ในวันที่ 14 เม.ย. 61 ที่ ต.สำนักขุนเณร อ.ดงเจริญ จ.พิจิตร นางทอน เกิดแก้ว วัย 50 กว่า ซึ่งเป็นลูกสาวคนที่ 2 และอยู่ในเหตุการณ์ ย้อนเล่าวินาทีสุดเหลือเชื่อในวันดังกล่าวกับทีมข่าว ว่าผู้เป็นพ่อ คือ นายมี จิตชนะ อายุ 81 ปี มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง ต้องกินยาวันละเม็ด
สุดปาฏิหาริย์ วินาทีระทึก จู่ๆ พ่อสิ้นใจ และพลิกฟื้นคืนชีวิต
ก่อนวันเกิดเหตุ พ่อไม่ได้มีอาการป่วยหนักถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ และเดินไปไหนมาไหนได้ปกติ แต่ก็มีอาการกินข้าวไม่ค่อยได้ และจู่ๆ ก็อาการทรุดหนักกลางดึกสงัด และหมดลมหายใจไปชั่วขณะ แต่สุดท้ายก็เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นอย่างเหลือเชื่อ และพ่อกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
...
“จู่ๆ พ่อมีอาการทรุดตอนตีสาม มือสั่น วูบ และไม่รู้สึกตัวไปเลย ปัสสาวะ อุจจาระ ไหลออกมาหมด พี่สาวเอาหน้าแนบหน้าพ่อที่ซีดเหลือง ตัวเย็นเจี๊ยบ ลูกอีกคนบอกพ่อเสียแล้ว แฟนเลยไปจับชีพจรก็ไม่เต้น ทุกคนร้องไห้เสียใจ หาเสื้อผ้า ตังค์ ทอง มาใส่ให้พ่อ เพื่อจะได้เอาไปใช้ในอีกภพตามความเชื่อของคนโบราณ
ในช่วงระหว่างนี้ฉันก็นวดยาหม่อง โกยที่ท้องพ่อ เอายาลมให้ดม จู่ๆ พ่อก็หาววอดฟื้นขึ้นมา ทุกคนทั้งตกใจและดีใจกันมาก แต่หลังฟื้น ตอนนี้มีอาการหลงลืมบ้าง ถามพ่อว่าตอนหยุดหายใจไปไหนมา เห็นอะไรไหม พ่อก็บอกไม่รู้ จำไม่ได้” นางทอน ย้อนเล่าเหตุการณ์
สุดทึ่ง! ลูกยืนยัน พ่อเคยหยุดหายใจถึง 2 ครั้ง
นับว่าเป็นเรื่องราวสุดเหลือเชื่อ และแปลกประหลาด ผู้สื่อข่าวเน้นถามย้ำเพื่อความชัดเจนว่า นายมี หมดลมหายใจจริงๆ หรือ นางทอนก็ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ยืนกรานว่า หมดลมหายใจจริงๆ และก่อนหน้านี้นายมีก็เคยหมดลมหายใจมาแล้วหนึ่งครั้ง
“จริงๆ ก่อนหน้านั้นก็เหมือนกับว่าพ่อไม่ไหวแล้วเหมือนกัน นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล แล้วก็หยุดหายใจไปเป็นนาที แล้วก็ฟื้นขึ้นมาอีก กับเหตุการณ์ล่าสุดมั่นใจว่าหยุดหายใจแน่นอน เพราะดูจากหน้าตาที่ซีดเหลือง เหงื่อแตกเป็นเม็ดๆ จับชีพจรหัวใจก็หยุดเต้นด้วย หยุดหายใจน่าจะ 5 นาที” นางทอน กล่าวยืนยัน
เหตุการณ์นี้ ทว่าในมุมของผู้ฟื้นขึ้นมามีชีวิตต่อ หรือญาติๆ เอง นับเป็นเรื่องยินดีอย่างยิ่งที่ได้คนที่รักกลับคืนมา แต่หลายคนยังคงมีคำถามที่คาใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จะเป็นเรื่องที่อธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ หรือเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติหรือไม่นั้น วันนี้ทีมข่าวฯ มาคลายข้อสงสัยในเรื่องของการ “ตายแล้วฟื้น” ที่เกิดขึ้นจาก นพ.ทศนัย พิพัฒน์โชติธรรม เเพทย์นิติเวช รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี ที่มีประสบการณ์ และเชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์มากว่า 12 ปี
...
ธาตุไฟในตัวแตกสลาย สัญญาณบอก ใกล้ตายจริงหรือ
กรณีธาตุไฟในตัวแตก หลายๆ คนมีความเชื่อ คือ อาการของคนใกล้ตายนั้น นพ.ทศนัย อธิบายว่า ธาตุต่างๆ ที่คนทั่วไปพูดถึงกัน ไม่มีในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ส่วนกรณีธาตุไฟในตัวเเตก เป็นความเชื่อส่วนบุคคลว่าโกยลมบริเวณท้องแล้วจะดี ในทางวิทยาศาสตร์สายตะวันตกก็ไม่มีผลการวิจัยยืนยันเช่นกัน
“การนอนนิ่งสงบในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์มีหลายแบบ อาจแค่หมดสติ หรือแค่ชีพจรแผ่วมาก ซึ่งหากตรวจจับโดยบุคลากรทางการแพทย์ก็จะจับเจอชีพจรได้” นพ.ทศนัย ชี้แจงข้อมูล
เรื่องจริงที่ไม่ลี้ลับ แพทย์นิติเวชยืนยันตายแล้วฟื้น เกิดขึ้นได้หรือไม่
ทั้งนี้กับข้อข้องใจ ตายแล้วฟื้น มีจริงหรือ นพ.ทศนัย พิพัฒน์โชติธรรม ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวไทยรัฐออนไลน์ว่า ในวงการแพทย์ทั้งในไทยและต่างประเทศ ไม่พบรายงาน ตายแล้วฟื้น พร้อมเผยลักษณะอาการที่เรียกว่า ตาย
“ข่าวตายแล้วฟื้น ไม่พบรายงานทางการแพทย์เลย เกือบทุกเคสจะเกิดในเขตชนบททั้งสิ้น และ 100 เปอร์เซ็นต์ของเคส ไม่เคยเกิดขณะผ่านมือแพทย์ในโรงพยาบาลเลยทั้งในไทยและต่างประเทศ
...
กรณีเคสนี้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์คือ ยังไม่ตาย เพียงแต่ว่าการตรวจชีพจรด้วยคนธรรมดา กับตรวจโดยบุคลากรทางการแพทย์ไม่เหมือนกัน บางครั้งชีพจรที่เต้นเบามากจนคนที่ไม่เคยชินกับการตรวจ จะคิดว่าไม่มีชีพจรแล้ว
พอการทำงานของร่างกายแย่ลงๆ ก็คิดว่าหยุดทำงาน แต่จริงๆ แล้วอาจจะหยุดหายใจไปพักหนึ่ง พอระดับคาร์บอนไดออกไซด์ถึงระดับหนึ่งปุ๊บ ร่างกายก็จะกระตุ้นให้กลับมาทำงานใหม่ หัวใจบางทีมันหยุดเต้นไปช่วงหนึ่ง พอมีกลไกสำรองก็กลับมาทำงานได้
ความหมายของคำว่า ตาย คือ ระบบไหลเวียนของโลหิต หรือการหายใจหยุดทำงาน แบบไม่ฟื้นคืนกลับ และการตายจะมีกระบวนการ ไม่มีจุดตัด เหมือนสวิตช์ปิดเปิดไฟ ระบบในร่างกายจะค่อยๆ เสื่อมลงๆ” นพ.ทศนัย กล่าว
รอบรู้ ชี้แนะวิธีป้องกัน ความดันโลหิตสูง โรคฮิตของคนสูงอายุ
ด้านปัญหาสุขภาพของนายมี คือ โรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นโรคที่พบมากในผู้สูงอายุ นพ.อกนิษฐ์ ศรีสุขวัฒนา แพทย์เฉพาะทางด้านหทัยวิทยา อธิบายกับผู้สื่อข่าวว่า สาเหตุนอกจากอายุที่มากขึ้นแล้ว ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อาทิ พฤติกรรมการกินที่ไม่ถูกต้องก็ส่งผล เกิดภาวะแทรกซ้อนได้
...
“อายุมากขึ้น ผนังหลอดเลือดแดงจะหนาและแข็งขึ้น ความยืดหยุ่นน้อยลง ยิ่งถ้าผู้สูงอายุบางคนมีการสะสมของไขมันบริเวณผนังหลอดเลือด ก็ทำให้ผนังหลอดเลือดยิ่งมีความแข็งมากขึ้น นอกจากนี้ การตอบสนองของระบบประสาทลดลงอัตโนมัติ ทำให้ความสามารถหด และขยายตัวของหลอดเลือดลดลง ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่สำคัญ น้ำหนักเกิน พันธุกรรม ความเครียด สิ่งสำคัญที่สุด และพบมากในคนไทย คือ ติดกินเค็ม” นพ.อกนิษฐ์ ชี้แจง
อย่างไรก็ดี วิธีรักษาผู้สูงอายุความดันโลหิตสูงนั้น นพ.อกนิษฐ์ แนะต้องใช้ร่วมกันทั้ง 2 วิธี คือ การใช้ยา และไม่ใช้ยา โดยการปรับเปลี่ยนปรับพฤติกรรมควบคุมน้ำหนัก ลดเค็ม ลดอาหารที่มีไขมันสูง หยุดบุหรี่ และออกกำลังสม่ำเสมอประมาณ 150 นาทีต่อสัปดาห์ แบบแอโรบิก เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน เต้น ว่ายน้ำ
“การใช้ยารักษา แพทย์จะให้กินยาลดความดันโลหิต เมื่อพิจารณาตามข้อบ่งชี้หลังกิน ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ได้รับยาลดความดันโลหิต ต้องคอยสังเกตผลข้างเคียงจากการใช้ยาลดความดันโลหิต ซึ่งยาแต่ละกลุ่มก็ให้ผลที่แตกต่างกัน และคอยดูแลการกินยาให้ถูกต้อง สม่ำเสมอ
อาหารเค็ม สำคัญมาก การกินเค็มทำให้ความดันขึ้นง่าย อาหารไทยโดยทั่วไปมีปริมาณโซเดียมสูงมากอยู่แล้ว เราไม่ควรเติมเกลือ น้ำปลาเพิ่มในอาหาร เพราะเราจะได้รับปริมาณโซเดียมในจำนวนที่มากเกินไป คือ เกิน 2 กรัมต่อวัน ทำให้ความดันคุมได้ยากขึ้น ต้องใช้ปริมาณยาที่มากขึ้น และควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความดันโลหิตสูงดังที่ได้กล่าวข้างต้น" นพ.อกนิษฐ์ กล่าว
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราว หรือประเด็นปัญหาของท่าน
มาได้ที่ reporter.thairath@gmail.com หรือช่องทาง Facebook : ทีมข่าวเฉพาะกิจ