ไทย ดิจิทัลเพย์เมนต์แข็งแกร่ง EDC 9 แสนเครื่อง QR ทะลุล้านจุด ต่างชาติรูดบัตรแตะ 3 แสนล้านบาท

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ไทย ดิจิทัลเพย์เมนต์แข็งแกร่ง EDC 9 แสนเครื่อง QR ทะลุล้านจุด ต่างชาติรูดบัตรแตะ 3 แสนล้านบาท

Date Time: 25 ธ.ค. 2568 17:58 น.

Video

อวสานกองเอกสารหุ้น! รู้จัก TSD e-Document สมัครฟรี! ยุคนี้ใครไม่มี ระวังเอาต์ | Money Issue EP.40

Summary

การท่องเที่ยวระหว่างประเทศสร้างมูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท หรือ 9% ของ GDP ในปี 2024 โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากจีน, มาเลเซีย, อินเดีย, เกาหลีใต้ และรัสเซีย

  • การใช้จ่ายผ่านบัตรของนักท่องเที่ยวแตะ 327,000 ล้านบาทในปี 2024 จากกว่า 100 ล้านรายการธุรกรรม เพิ่มขึ้น 20% และสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19
  • ประเทศไทยมีเครื่อง EDC กว่า 900,000 เครื่อง และจุดรับ QR Code กว่า 1,000,000 จุดทั่วประเทศ แต่ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองใหญ่
  • นักท่องเที่ยวมาเลเซียมีการใช้จ่ายผ่านดิจิทัลสูงที่สุด, เกาหลีใต้พึ่งพาบัตรมากที่สุด, และอินเดียใช้บัตรกับค่าใช้จ่ายสูง
  • การชำระเงินผ่าน QR Code แบบข้ามพรมแดนมีมูลค่า 2,489 ล้านบาทในปี 2024 โดยมาเลเซีย, อินโดนีเซีย และลาวเป็นผู้ใช้งานหลัก

Latest


ท่ามกลางการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ระบบการชำระเงินกำลังกลายเป็นหนึ่งใน “โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ” ที่กำหนดประสบการณ์ของนักเดินทางจากทั่วโลก ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับ วีซ่า ประเทศไทย เผยรายงานวิจัย “Data-Driven Insights into Tourist Payment Behaviours” ซึ่งสะท้อนภาพชัดว่า ประเทศไทยมีระบบการชำระเงินที่พร้อมรองรับและได้รับการยอมรับในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างกว้างขวาง

รายงานฉบับนี้รวบรวมข้อมูลการใช้จ่ายและระบุให้เห็นว่า “ระบบดิจิทัลเพย์เมนต์” (Digital Payment) เป็นเครื่องมือเชิงนโยบายและเชิงธุรกิจที่เป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ของเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทย ตั้งแต่ระดับประเทศ ไปจนถึงผู้ประกอบการรายย่อย

โดยข้อมูลจากรายงานระบุว่า ในปี 2024 การท่องเที่ยวระหว่างประเทศสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นประมาณ 9% ของ GDP ไทย หรือราว 1.7 ล้านล้านบาท โดยเกือบครึ่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวทั้งหมดมาจาก 5 ตลาดหลัก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย

ทั้งนี้รูปแบบการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวยังสะท้อนโครงสร้างเศรษฐกิจท่องเที่ยวของไทยอย่างชัดเจน โดยค่าใช้จ่ายกระจุกตัวอยู่ในหมวดที่พัก (35%) และ อาหารและเครื่องดื่ม (23%) ซึ่งเป็นภาคส่วนที่พึ่งพาระบบการชำระเงินที่รวดเร็ว ปลอดภัย และรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงเวลาเดียวกัน

การชำระเงินดิจิทัลพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่

หนึ่งในสัญญาณสำคัญที่รายงานชี้ให้เห็น คือ การเติบโตอย่างต่อเนื่องของการชำระเงินดิจิทัล โดยเฉพาะการใช้บัตรของนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Card Payment) โดยในปี 2024 มูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรแตะระดับ 327,000 ล้านบาท จากกว่า 100 ล้านรายการธุรกรรม ซึ่งนับเป็นยอดที่สูงเป็นประวัติการณ์ คิดเป็น 20% ของมูลค่าธุรกรรมทั้งหมดและสูงกว่าระดับก่อนโควิด-19 อย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่อระบบการชำระเงินของไทย โดยเฉพาะในร้านค้าขนาดกลางและขนาดใหญ่

รายงานระบุว่า จุดแข็งสำคัญของประเทศไทย คือ โครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่ครอบคลุมและพร้อมรองรับเทคโนโลยีปัจจุบัน ไทยมี เครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) มากกว่า 900,000 เครื่อง และจุดรับชำระผ่าน QR Code กว่า 1,000,000 จุดทั่วประเทศ

ทั้งนี้แม้นักท่องเที่ยวจะมีความพร้อมด้านเครื่องมือดิจิทัล แต่การใช้งานจริงยังขึ้นอยู่กับโครงสร้างพื้นฐานในแต่ละพื้นที่ของประเทศไทย โดยพบว่า เครื่อง EDC กระจุกตัวอยู่ในเขตเมืองเป็นหลัก โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ที่มีสัดส่วนถึง 37% ของเครื่องทั้งหมด รองลงมาคือ ชลบุรี และสมุทรปราการ ทำให้ผลที่ตามมา คือ นักท่องเที่ยวจำนวนมากยังคงเผชิญกับ “จุดติดขัดด้านการชำระเงิน” เมื่อเดินทางออกนอกเมืองหรือใช้บริการจากผู้ประกอบการรายย่อยและ SMEs ซึ่งยังมีข้อจำกัดด้านต้นทุนการติดตั้งและค่าธรรมเนียมธุรกรรม

อย่างไรก็ตามแม้การใช้งานจะกระจุกตัวในเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยวหลัก แต่การขยายโซลูชันอย่าง “Scan to Pay” และ “Tap to Phone” ที่ช่วยให้ผู้ค้ารายย่อยรับชำระเงินผ่านสมาร์ตโฟนได้โดยไม่ต้องลงทุนสูงถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับการเข้าถึงระบบดิจิทัลเพย์เมนต์ในทุกพื้นที่

แนวโน้มและพฤติกรรมการชำระเงินดิจิทัลที่โดดเด่นของนักท่องเที่ยว

แนวโน้มปัจจุบันของพฤติกรรมการชำระเงินของนักท่องเที่ยวสะท้อนการเปลี่ยนผ่านจากเงินสดไปสู่ระบบดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยมีการชำระเงินผ่าน QR Code แบบข้ามพรมแดน (Inbound Cross-Border QR Payments) และการชำระเงินผ่านบัตรดิจิทัลเป็นสองกลไกสำคัญของระบบการชำระเงินดิจิทัลสำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศไทย ขณะที่ “เงินสด” ยังคงเป็นวิธีการชำระเงินหลักคิดเป็น 78% ของมูลค่าธุรกรรมทั้งหมด

อีกหนึ่งแนวโน้มสำคัญ คือ ความคุ้นเคยที่เพิ่มขึ้นกับ “ไมโครเพย์เมนต์” (Micro-payments) โดยนักท่องเที่ยวเริ่มใช้บัตรสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมูลค่าต่ำกว่า 500 บาท มากขึ้น โดยเฉพาะในหมวดอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายของชำ และร้านอาหารจานด่วน สะท้อนความเชื่อมั่นในความสะดวกและความปลอดภัยของการชำระเงินดิจิทัล

นอกจากนี้รายงานยังเผยอินไซต์เชิงพฤติกรรมที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวจากแต่ละประเทศที่มีรูปแบบการชำระเงินที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าระบบการชำระเงินในแหล่งท่องเที่ยวจำเป็นต้อง “หลากหลายและยืดหยุ่น” เพื่อรองรับความคาดหวังของนักเดินทางจากทั่วโลก และลดแรงเสียดทานในประสบการณ์การใช้จ่าย ยกตัวอย่าง

  • มาเลเซีย
    นักท่องเที่ยวจากมาเลเซียมีความนิยมใช้การชำระเงินดิจิทัลสูงที่สุด โดย 87% ของผู้ถือบัตรใช้บัตรเพื่อชำระเงินเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ใช้เพื่อถอนเงินสด และมีความคุ้นเคยกับการใช้บัตรในธุรกรรมมูลค่าต่ำ โดย 34% ของธุรกรรมมีมูลค่าต่ำกว่า 500 บาท
  • เกาหลีใต้
    เป็นกลุ่มที่พึ่งพาการใช้บัตรมากที่สุด โดย 95% ของบัญชีถูกใช้เพื่อการชำระเงิน อย่างไรก็ตามพบพฤติกรรมแบบ “การใช้งานสองรูปแบบ (Dual-usage)” คือ แม้จะใช้บัตรสำหรับการซื้อสินค้ามูลค่าต่ำอย่างสม่ำเสมอ (37% ต่ำกว่า 500 บาท) แต่มูลค่าการถอนเงินสดเฉลี่ยสูงกว่ามูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรถึงเกือบสองเท่า สะท้อนว่าการใช้เงินสดยังจำเป็นในพื้นที่ที่การรับบัตรยังไม่แพร่หลาย
  • อินเดีย
    นักท่องเที่ยวอินเดียมีแนวโน้มเดินทางแบบหลายเมืองมากขึ้น โดย 42% เดินทางมากกว่าหนึ่งเมือง และใช้บัตรเป็นหลักกับค่าใช้จ่ายมูลค่าสูง เช่น ที่พักและการช้อปปิ้ง ซึ่งรวมกันคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของการใช้จ่ายทั้งหมด แม้ 71% ใช้บัตรเพื่อการชำระเงินเท่านั้น แต่ยังมีการถอนเงินสดเฉลี่ยต่อครั้งสูงถึงประมาณ 22,000 บาท

สำหรับ “การชำระเงินผ่าน QR ข้ามพรมแดน” (Cross-Border QR Payments) พบว่ามีอัตราการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การชำระเงินผ่าน QR Code แบบข้ามพรมแดนเป็นอีกหนึ่งแนวโน้มใหม่ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในบางประเทศคู่ความร่วมมือ

ในปี 2024 มีมูลค่าการชำระเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติผ่านช่องทางนี้ 2,489 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนมูลค่าการใช้งานหลักจากมาเลเซีย 44% อินโดนีเซีย 15% และลาว 11% แม้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำมาใช้งาน แต่ระบบดังกล่าวช่วยเพิ่มทางเลือกที่สะดวกและคุ้นเคยให้กับนักท่องเที่ยวจากประเทศคู่สัญญาทั้ง 8 ประเทศคู่ความร่วมมือ ซึ่งคิดเป็นเพียง 29% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเข้าไทย

ระบบชำระเงินดิจิทัล “จุดแข็งไทย”

รายงานวิจัยฉบับนี้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ในหลายภาคส่วน โดยข้อเสนอเชิงกลยุทธ์จากรายงานมุ่งเน้นการผลักดันผู้ประกอบการ SMEs เข้าสู่ระบบดิจิทัล ขยายจุดรับชำระเงินในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และเร่งการติดตั้งเทคโนโลยีการชำระเงินขั้นสูงในภาคโรงแรม ค้าปลีก และธุรกิจบริการ

ทั้งนี้หัวใจสำคัญ คือ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน เพื่อสร้างระบบนิเวศการชำระเงินที่ครอบคลุม ปลอดภัย และพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวในระยะยาว เพราะ “ระบบการชำระเงิน” สะท้อนความสามารถแข่งขันระดับประเทศที่ส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ ความสะดวก และความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

หากประเทศไทยสามารถต่อยอดจุดแข็งด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลนี้ได้อย่างต่อเนื่อง ไทยอาจไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทางยอดนิยม แต่เป็นหนึ่งในต้นแบบประเทศท่องเที่ยวดิจิทัลของโลกในอนาคตอันใกล้



ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   

 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ