มหาเศรษฐีระดับล้านล้านคนแรก ถ้าSpaceXเข้าตลาดหุ้น จับตาอีลอนดันธุรกิจอวกาศ IPO ใหญ่ที่สุดในโลก

SpaceX บริษัทเอกชนด้านการขนส่งและเทคโนโลยีอวกาศของ “อีลอน มัสก์” (Elon Musk) เตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ในช่วงกลางถึงปลายปี 2026 ซึ่งอาจกลายเป็นการเข้าตลาดหุ้นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

รายงานระบุเพิ่มเติมว่า บริษัทอาจระดมทุนได้ราว 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 9.4 แสนล้านบาท และอาจประเมินมูลค่าบริษัทสูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 47 ล้านล้านบาท ขณะที่ในฝั่งของตลาดคาดการณ์ออนไลน์ Polymarket ประเมินว่า มีโอกาสราว 14% ที่ SpaceX จะมีมูลค่าตลาดเกิน 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 63 ล้านล้านบาทในวันแรกของการซื้อขาย

อย่างไรก็ตามมีรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างนี้บริษัทได้เปิดขายหุ้นรอง (Secondary Share Sale) ที่ได้มีการประเมินมูลค่าบริษัท ณ ปัจจุบันไว้ที่ราว 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 25 ล้านล้านบาท ทำให้ SpaceX กลับคืนสู่ตำแหน่งบริษัทเอกชนที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกอีกครั้ง 

การเดินหน้าสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนของ SpaceX ในระดับดังกล่าวได้แรงขับเคลื่อนหลักจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starlinkและความคืบหน้าของโครงการจรวด Starship สำหรับภารกิจสู่ดวงจันทร์และดาวอังคาร

ปัจจุบัน SpaceX เป็นผู้นำอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมการปล่อยยานขึ้นสู่วงโคจรด้วยจรวด Falcon 9 และให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านระบบดาวเทียม Starlink ทั่วโลก โดยก่อนหน้านี้บริษัทเคยถูกประเมินมูลค่าราว 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในการขายหุ้นรองเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ด้าน เบรต จอห์นเซน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ของ SpaceX ระบุว่า เงินทุนที่ได้จะถูกนำไปใช้เพื่อเพิ่มอัตราการบินของจรวด Starship และพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ AI ในอวกาศ รวมถึงสร้าง Moonbase Alpha และส่งภารกิจทั้งแบบไร้มนุษย์และมีมนุษย์ไปยังดาวอังคาร พร้อมกล่าวว่า หากภาวะตลาดเอื้ออำนวย การเข้าตลาดหุ้นอาจช่วยระดมทุนได้ในระดับที่มีนัยสำคัญ

ทั้งนี้หาก SpaceX ทำได้ตามเป้าหมายจะสามารถแซงหน้า Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเคยสร้างสถิติ IPO ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าระดมทุนราว 2.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2019 ทำให้ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของ SpaceX กลายเป็นที่จับตาครั้งใหญ่ของนักลงทุนสหรัฐฯ 

“มหาเศรษฐีล้านล้านดอลลาร์” คนแรกของโลก

นอกจากนี้การเข้าตลาดหุ้นในระดับดังกล่าวจะทำให้ อีลอน มัสก์ ซึ่งปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกนั้นร่ำรวยขึ้นอีก โดยล่าสุด Bloomberg Billionaires Index ได้ระบุถึงการประเมินครั้งใหม่ล่าสุดว่า มัสก์ มีทรัพย์สินสุทธิใกล้ 6.38 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 20 ล้านล้านบาท หลัง SpaceX มีมูลค่าราว 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐจากการขายหุ้นภายในบริษัท 

โดยปัจจุบันมัสก์ในฐานะผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ถือหุ้น SpaceX ราว 42% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.17 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหาก SpaceX สามารถเข้าตลาดหุ้นได้เร็วที่สุดในปีหน้าก็อาจผลักดันให้เขาขึ้นแท่นเป็น “มหาเศรษฐีระดับล้านล้านดอลลาร์คนแรกของโลก” เร็วกว่าที่หลายฝ่ายเคยคาดการณ์

เมื่อ SpaceX จะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจบนอวกาศ

สัปดาห์ที่ผ่านมามัสก์ระบุว่า รายงานที่ SpaceX อาจเข้าตลาดหุ้นเพื่อระดมทุนสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีดาต้าเซ็นเตอร์ในวงโคจรนั้นเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง และมีการเสนอแนวคิดเรื่อง Starlink ระหว่างการนำเสนอแก่นักลงทุน

มัสก์ต่อต้านการนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์มาอย่างยาวนาน เขาเคยย้ำหลายครั้งว่าเขาไม่ต้องการนำ SpaceX เข้าตลาดหุ้น เพราะกังวลว่าแรงกดดันจากนักลงทุนระยะสั้นจะกระทบเป้าหมายระยะยาว เช่น ภารกิจสำรวจดาวอังคารที่สามารถดำเนินการต่อโดยไม่ต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านกำไรรายไตรมาส

อย่างไรก็ตามความต้องการระดมทุนสำหรับโครงการที่ทะเยอทะยานในปัจจุบันได้กลายเป็นปัจจัยผลักดันให้เกิด IPO ในปัจจุบัน เหตุผลหลักสำหรับการเปลี่ยนแปลงทิศทางนี้ มุ่งเน้นไปที่ความต้องการเงินทุนจำนวนมากและความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปของบริษัท โดยเฉพาะการพัฒนาศูนย์ข้อมูลในอวกาศโดยใช้ดาวเทียม Starlink   ซึ่งจะกลายเป็นรากฐานโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลบนอวกาศในอนาคต 

นอกจากนี้ยังทำให้มัสก์สามารถเร่งเป้าหมายเพื่อมนุษยชาติที่ตนตั้งเอาไว้ โดยเงินทุนที่ระดมได้จะช่วยสนับสนุนการพัฒนา Starship จรวดขนาดมหึมา ซึ่งมีความสำคัญต่อวิสัยทัศน์ระยะยาวในการสร้างฐานที่มั่นของมนุษย์บนดาวอังคาร

แม้ว่า SpaceX จะประสบความสำเร็จในการระดมทุนจากภาคเอกชน แต่ตลาดหลักทรัพย์มีขนาดใหญ่กว่ามากและสามารถให้เงินจำนวนมหาศาลที่ไม่เคยมีมาก่อนซึ่งจำเป็นสำหรับโครงการที่ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก นอกจากนี้การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ช่วยให้ผู้ถือหุ้นเอกชนรายเดิมสามารถขายหุ้นและรับผลกำไรจากส่วนต่างราคาได้ง่ายขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ  Google ที่ออกมาสนับสนุนการ IPO ครั้งนี้ 

ที่มาข้อมูล Bloomberg , Reuters

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   

https://www.facebook.com/ThairathMoney