Broadcom ไพ่ลับวงการเทคฯ ผูกขาดโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตโลก

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

Broadcom ไพ่ลับวงการเทคฯ ผูกขาดโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตโลก

Date Time: 23 พ.ย. 2568 11:39 น.

Video

เก็บเงินก็ยาก ลงทุนก็เสี่ยง คนไทยรอดจากความจนยาก? กับ ดร.บุรินทร์ อดุลวัฒนะ | Thairath Money Night Stand EP.17

Summary

Broadcom เป็นผู้ผลิตชิปที่สำคัญสำหรับโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต, รวมถึงชิป WiFi และเครือข่ายข้อมูล

  • บริษัทมีกลยุทธ์หลักคือการซื้อกิจการบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ, เช่น VMware, เพื่อขยายธุรกิจ
  • Hock Tan ซีอีโอของ Broadcom มีปรัชญาการบริหารแบบ 'แฟรนไชส์' เน้นการเป็นผู้นำตลาดและทำกำไร
  • Broadcom เน้นการออกแบบชิป AI แบบกำหนดเอง (Custom AI Chips) เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้า
  • บริษัทมีมูลค่าตลาดสูงมาก และมีการเติบโตของราคาหุ้นที่โดดเด่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

Latest


Broadcom ธุรกิจที่ใครๆ ก็บอกว่าเป็นไพ่ลับวงการเทคโนโลยี ผู้อยู่เบื้องหลังโครงสร้างพื้นฐานของโลกอินเทอร์เน็ตกว่า 99% จากธุรกิจชิปที่แทบไม่มีคนเข้าใจ รายการ Digital Frontiers ทางช่อง YouTube : Thairath Money ได้อธิบายถึงกลยุทธ์ที่ทำให้มูลค่าพุ่งขึ้นมหาศาล จนนักลงทุนพากันขนานนามว่า นี่อาจเป็นหุ้นเทคโนโลยีที่ทำให้ "7 นางฟ้า" ต้องสั่นคลอน

Broadcom คืออะไร? ทำไมต้องรู้จัก

ทุกครั้งที่คุณดู Netflix เล่นเกมออนไลน์ หรือแม้แต่วิดีโอคอล ข้อมูลทั้งหมดนี้ต้องวิ่งผ่าน "ทางด่วน" ดิจิทัล และ Broadcom คือผู้สร้างทางด่วนเหล่านี้

หากเปรียบ Internet เป็นเมือง Broadcom ก็คือผู้สร้างถนน สร้างสะพาน สร้างระบบไฟฟ้า ให้ทุกอย่างเชื่อมต่อกันได้ ตั้งแต่ชิป WiFi ในมือถือของคุณ ไปจนถึงชิปเครือข่ายในศูนย์ข้อมูลของ Google, Meta, Microsoft ล้วนเป็นผลงานของ Broadcom ทั้งสิ้น

ธุรกิจของ Broadcom แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก:

1. ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ ประกอบด้วย:

  • ชิปเครือข่ายสำหรับ Data Center

  • ชิปไร้สายในมือถือและอุปกรณ์ต่างๆ

  • ชิป Broadband ที่ทำให้อินเทอร์เน็ตผ่านสาย Cable TV ได้

  • ชิป Storage ควบคุมการเก็บข้อมูลใน SSD และ Hard Disk

  • ชิป AI แบบ Custom ออกแบบเฉพาะให้ Google, Meta, OpenAI

2. ธุรกิจซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย:

  • VMware: ซอฟต์แวร์ Virtualization และ Private Cloud

  • CA Technologies: ซอฟต์แวร์จัดการระบบ Mainframe

  • Symantec Enterprise: ความปลอดภัยไซเบอร์สำหรับองค์กร

สิ่งที่น่าสนใจคือ ก่อนปี 2018 Broadcom ไม่มีธุรกิจซอฟต์แวร์เลย แต่ภายใน 6 ปี บริษัทใช้เงินกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ซื้อบริษัทซอฟต์แวร์มารวม จนวันนี้ซอฟต์แวร์กลายเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด

เบื้องหลังการกำเนิด Broadcom ยุคใหม่

Broadcom ในวันนี้ไม่ใช่ Broadcom ดั้งเดิมที่ก่อตั้งในปี 1991 บริษัทที่เราเห็นวันนี้เกิดจากการควบรวมกิจการครั้งใหญ่ในปี 2016 เมื่อ Avago Technologies (บริษัทชิปที่แยกตัวมาจาก HP) ตัดสินใจซื้อ Broadcom Corporation ด้วยเงิน 37,000 ล้านดอลลาร์

คนที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้คือ Hock Tan (ฮ็อก แทน) ซีอีโอชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน ที่มีปรัชญาการบริหารแบบ "ไม่เหมือนใคร"

ย้อนกลับไปปี 2005 Hock Tan เข้ามารับตำแหน่ง CEO ของ Avago ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงแผนกชิปเล็กๆ ที่แยกตัวออกมาจาก HP แต่เขามีปรัชญาพิเศษ: มองธุรกิจชิปเหมือน "แฟรนไชส์" ต้องเป็นอันดับหนึ่งในตลาดเฉพาะนั้นๆ ถ้าไม่ใช่อันดับหนึ่ง ก็ขายทิ้ง หรือไม่ก็ซื้อผู้นำตลาดมารวม

ไทม์ไลน์การขยายจักรวรรดิ

  • 2013: ซื้อ LSI Corporation ได้เทคโนโลยี Storage

  • 2016: ซื้อ Broadcom Corporation ได้ชื่อและธุรกิจชิปยักษ์ใหญ่

  • 2016: ซื้อ Brocade ครองตลาด Networking

  • 2018: ซื้อ CA Technologies บุกตลาดซอฟต์แวร์

  • 2019: ซื้อ Symantec Enterprise ได้ธุรกิจความปลอดภัยไซเบอร์

ที่บ้าที่สุดคือปี 2017 เมื่อ Hock Tan พยายามซื้อ Qualcomm ด้วยเงินมากกว่าหนึ่งแสนล้านดอลลาร์ ซึ่งหากสำเร็จจะเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเทค แต่ประธานาธิบดี Trump ออกคำสั่งห้ามเพราะกลัวว่าจะกระทบความมั่นคงของอเมริกา

Hock Tan ไม่ยอมแพ้ ในปี 2023 Broadcom ทำสิ่งที่ทุกคนอึ้ง ซื้อ VMware บริษัทซอฟต์แวร์ virtualization ยักษ์ใหญ่ด้วยเงิน 69,000 ล้านดอลลาร์ นี่คือการซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดของ Broadcom

หลังซื้อมา Hock Tan ทำสิ่งที่สร้างความขัดแย้งมหาศาล: ยกเลิกการขาย license แบบซื้อขาด บังคับให้ทุกคนต้องจ่ายรายปี ตัดพาร์ทเนอร์รายเล็กทิ้ง มุ่งเน้นแต่ลูกค้าองค์กรใหญ่ นี่คือการเปลี่ยนให้ธุรกิจนี้กลายเป็น "เครื่องพิมพ์เงิน" ผลลัพธ์คือทั้ง Operating margin และรายได้ของซอฟต์แวร์พุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปีเดียว

ช่วงเวลาที่ Broadcom ซื้อ VMware พอดีเป็นช่วงที่ ChatGPT กำลังบูม ทุกบริษัทต้องการ AI การมี VMware ทำให้ Broadcom กลายเป็นผู้เล่นที่ควบคุมได้ทั้ง Hardware (ชิป) และ Software (Cloud) ในยุค AI

ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดจากโชคช่วย Broadcom เตรียมตัวมานานแล้ว บริษัทแอบทำชิป AI มาตั้งแต่ปี 2016 พวกเขาเป็นผู้ออกแบบชิป TPU (Tensor Processing Unit) ให้กับ Google ชิปพิเศษที่ Google ใช้ในการรัน AI ของตัวเอง

เมื่อยุค AI มาถึง รายได้จากชิป AI ของ Broadcom พุ่งขึ้นแบบจรวด ที่เจ๋งกว่านั้น Broadcom เพิ่งได้ดีลใหม่กับ OpenAI มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อผลิตชิป AI เฉพาะทาง ราคาหุ้นพุ่งทะยาน จนนักลงทุนลุ้นให้ขึ้นแท่น "7 นางฟ้า"

ในขณะที่ทุกคนแย่งกันซื้อ GPU จาก Nvidia ที่ราคาแพงและหายาก Broadcom เข้ามาเสนอทางเลือกใหม่ คือการทำ "ชิป AI สั่งทำพิเศษ" (Custom AI Chips) ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับแต่ละบริษัท

3 กลยุทธ์หลักที่ทำให้ Broadcom ผูกขาดโลกดิจิทัล

1. ปรัชญา "Franchise Business" ที่สร้างการผูกขาด

Hock Tan มีปรัชญาที่ชัดเจน: "ถ้าเราไม่ใช่อันดับ 1 หรือ 2 ในตลาดนั้น เราจะไม่เล่น"

วิธีการคือซื้อบริษัทที่เป็นผู้นำตลาดมารวมกัน แล้วใช้อำนาจผูกขาดในการขึ้นราคา ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น โฟกัสเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ที่ทำกำไรสูง

ผลคือ Broadcom ครองส่วนแบ่งตลาดมหาศาล:

  • 70% ของตลาดชิปสวิตช์สำหรับ Data Center

  • 99% ของ internet traffic ทั่วโลกผ่านชิปของ Broadcom

  • เป็นผู้ผลิตชิป WiFi อันดับ 1 ของโลก

การผูกขาดตลาดขนาดนี้ทำให้ลูกค้าไม่มีทางเลือก ต้องจ่ายในราคาที่ Broadcom กำหนด และนี่คือเหตุผลที่ Gross Margin ของบริษัทสูงมาก

2. การเดิมพันที่ถูกต้องในยุค AI

ในขณะที่ทุกคนมองว่า Nvidia คือราชาของชิป AI Broadcom แอบเล่นเกมอื่น บริษัทไม่ได้แข่งขายชิป GPU แบบ Nvidia แต่ทำสองสิ่ง:

  • Custom AI Chips: ออกแบบชิป AI เฉพาะสำหรับแต่ละบริษัท ทำให้ประหยัดและมีประสิทธิภาพกว่า

  • Networking Infrastructure: ขายชิปเครือข่ายที่ใช้เชื่อมต่อ GPU หลายพันตัวให้ทำงานร่วมกัน

หากเปรียบ Nvidia ขาย "เครื่องยนต์" Broadcom ขาย "ถนน" และ "ระบบไฟฟ้า" ที่ทำให้เครื่องยนต์เหล่านั้นทำงานร่วมกันได้ ไม่ว่าใครจะใช้ชิป AI ของใคร (Nvidia, AMD, หรือ Custom) ทุกคนต้องใช้ชิปเครือข่ายของ Broadcom อยู่ดี

3. โมเดลธุรกิจแบบ "Private Equity ในคราบบริษัทเทค"

สิ่งที่ทำให้ Broadcom แตกต่างจากบริษัทเทคทั่วไปคือ บริษัทไม่ได้เน้นการพัฒนานวัตกรรม แต่เน้นการ "ซื้อนวัตกรรมมารีดกำไร"

หลังซื้อบริษัทมา Hock Tan จะ:

  • ตัดค่าใช้จ่าย R&D ที่ไม่จำเป็น

  • ยกเลิกโปรเจ็กต์ที่ไม่ทำกำไร

  • ขึ้นราคาผลิตภัณฑ์

  • โฟกัสเฉพาะลูกค้ารายใหญ่

วิธีนี้ทำให้ Free Cash Flow ของ Broadcom สูงมาก และเงินสดจำนวนมหาศาลนี้ Broadcom ใช้ซื้อบริษัทใหม่เรื่อยๆ วนเป็นวงจร: ซื้อ → รีดกำไร → ได้เงิน → ซื้อใหม่

โมเดลนี้อาจดูโหดร้าย แต่มันได้ผลมากในการสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น ราคาหุ้น Broadcom เติบโต 662% ใน 5 ปี แซงหน้า Apple, Microsoft, Google ทั้งหมด

จากบริษัทชิปเล็กๆ มูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2009 วันนี้ Broadcom กลายเป็นยักษ์ใหญ่มูลค่ามากกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ เติบโต 150 เท่าใน 15 ปี

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของ Broadcom มาพร้อมกับคำถามใหญ่: เมื่อบริษัทเดียวควบคุมโครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตทั้งโลก เมื่อทุกครั้งที่เราออนไลน์ ข้อมูลต้องผ่านชิปของพวกเขา เราจะอยู่ในโลกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือโลกที่ถูกผูกขาดโดยบริษัทเดียว?

Broadcom พิสูจน์แล้วว่า ความยิ่งใหญ่ในโลกธุรกิจเทคโนโลยี คุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนสร้างนวัตกรรม คุณแค่ต้องเป็นคนที่ "ควบคุมนวัตกรรม" ก็พอ และนั่นอาจเป็นทั้งความฉลาด และความน่ากลัวที่สุดของ Broadcom


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ