BOI ไฟเขียว 4 โครงการ Data Center กว่าแสนล้านบาท ลุย FastPass เร่งเครื่องลงทุน-ปรับสิทธิประโยชน์

บอร์ดบีโอไอ (BOI) เดินหน้ามาตรการ “Quick Big Win” เห็นชอบระบบ FastPass เฟสแรก จับมือ 7 หน่วยงานหลักเร่งรัดขั้นตอนอนุมัติลงทุน เดินหน้าปรับเงื่อนไขส่งเสริมกิจการ Data Center แก้ปัญหา ไฟฟ้า-ที่ดิน ปลดล็อกระบบ e-Visa และใบอนุญาตทำงาน พร้อมอนุมัติ 4 โครงการ Data Center ขนาดใหญ่ รวมมูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาท ในกรุงเทพฯ ปทุมธานี ชลบุรี สานต่อเป้าหมายหนุนไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งอาเซียน 

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดบีโอไอ ซึ่งมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธาน ได้เห็นชอบ 3 แนวทางเร่งรัดการลงทุน ได้แก่

1) การขับเคลื่อนระบบ FastPass เพื่ออำนวยความสะดวกและเร่งรัดโครงการลงทุนสำคัญ
2) ความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค 3 ด้านสำคัญ คือ เรื่องไฟฟ้า การจัดหาพื้นที่สำหรับการลงทุน วีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
3) การติดตามโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ได้รับอนุมัติในช่วงปี 2566-2567 จำนวน 74 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3 แสนล้านบาท

FastPass เครื่องมือเร่งรัดลงทุน ลดขั้นตอน-ลดเวลา 50%

บอร์ดบีโอไอเห็นชอบการขับเคลื่อนระบบ FastPass ในระยะแรก เพื่อเร่งรัดการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาต ที่สำคัญจาก 7 หน่วยงาน ได้แก่ บีโอไอ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และกรมการจัดหางาน และสำนักงาน EEC คาดว่าจะลดเวลาในการพิจารณาได้ 20-50% 

อีกทั้งบอร์ดบีโอไอยังได้แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการเร่งรัดการลงทุน (FastPass) โดยมีเลขาธิการบีโอไอเป็นประธาน และมีผู้แทนจากหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติ/อนุญาต อาทิ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน กพร.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) กรอ. กนอ. สผ. และสำนักงาน EEC โดยมุ่งเป้าในการขยายระบบ FastPass ให้ครอบคลุมขั้นตอนหลักในการอนุมัติ/อนุญาตที่ส่งผลต่อการเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทย

แก้จุดอ่อน 3 ด้านหลัก- ไฟฟ้า ที่ดิน วีซ่า

ที่ประชุมยังได้ติดตามความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคด้านการลงทุน เพื่อให้เกิดความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) และสนับสนุนให้ภาคเอกชนสามารถเริ่มลงทุนได้โดยเร็ว โดยเฉพาะอุปสรรค 3 ด้านสำคัญที่เป็นปัญหาร่วมกันของหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ ด้านไฟฟ้า ด้านการจัดหาพื้นที่สำหรับการลงทุน และด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน

• ไฟฟ้า จัดกลไกรองรับความต้องการใช้ไฟสูงของ Data Center เร่งจัดทำระบบ “หลักประกันการใช้ไฟ” และเตรียมเปิดโครงการ “ไฟฟ้าสีเขียว (UGT2)” และ “Direct PPA” ภายในปี 2568
• ที่ดิน ปรับผังเมืองและเพิ่มพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม โดยกรมโยธาฯ ร่วมกับ กนอ. และสำนักงาน EEC
• วีซ่า-ใบอนุญาตทำงาน เร่งระบบ e-Visa ให้อนุมัติภายใน 1–5 วัน เพิ่มคิวบริการ OSS จาก 200 เป็น 500 ต่อวัน และปรับระบบ e-Work Permit ให้เชื่อมกับ Single Window ของบีโอไอ

ปรับสิทธิประโยชน์ Data Center เน้นจ้างคนไทยและขยายภูมิภาค

เพื่อรองรับกระแสการลงทุนด้าน AI และ Cloud Service บอร์ดบีโอไอเห็นชอบปรับเงื่อนไขเพิ่มเติมเพื่อส่งเสริมกิจการ Data Center และเพื่อกระตุ้นให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ให้กับบุคลากรไทย

โดยมีการกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมว่า การจ้างงานในตำแหน่งผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญ จะต้องมีบุคลากรไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ภายในเวลา 3 ปี และเพื่อเป็นกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และบริหารจัดการทรัพยากรอย่างเหมาะสม จึงเห็นควรปรับสิทธิประโยชน์ให้การลงทุนในพื้นที่ EEC ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3-5 ปี และนอกพื้นที่ EEC ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5-8 ปี

ทั้งนี้ ในการส่งเสริมกิจการ Data Center ได้มีการกำหนดเงื่อนไขอื่น ๆ อยู่เดิมแล้ว เช่น มาตรฐานในการก่อสร้างและให้บริการ Data Center ตัวชี้วัดการใช้พลังงานไฟฟ้า (Power Usage Effectiveness: PUE) ระบบการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งต้องเสนอแผนสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทย เช่น การจัดฝึกอบรม การจัดทำหลักสูตรร่วมกับสถาบันการศึกษา การทำวิจัยและพัฒนา การพัฒนาทักษะของผู้ประกอบการ SMEs ไทย การสนับสนุน ห่วงโซ่อุปทานในประเทศ โดยต้องดำเนินการตามแผนที่เสนอให้แล้วเสร็จก่อนการใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล

อนุมัติ 4 โครงการ Data Center มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ บอร์ดบีโอไอยังได้อนุมัติโครงการลงทุน Data Center ขนาดใหญ่ จำนวน 4 โครงการ รวมมูลค่าการลงทุนเกือบ 1 แสนล้านบาท เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคและสร้างความมั่นคงทางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ ประกอบด้วย

1. บริษัท เทเลเฮ้าส์ (ประเทศไทย) จำกัด โครงการ Data Center ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร เงินลงทุน 7,550 ล้านบาท เป็นบริษัทในเครือ KDDI ประเทศญี่ปุ่น ที่มีการลงทุน Data Center 45 แห่ง ในกว่า 10 ประเทศทั่วโลก

2. บริษัท วิสตัส เทคโนโลยี จำกัด โครงการ Data Center ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี เงินลงทุน 9,091 ล้านบาท เป็นบริษัทในเครือ ZDATA Technologies ประเทศสิงคโปร์ มีการลงทุน Data Center มากกว่า 30 แห่งทั่วโลก

3. บริษัท เน็กซ์เจน ดาต้า เซ็นเตอร์ แอนด์ คลาวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด โครงการ Data Center ตั้งอยู่ที่เขตอุตสาหกรรมของบริษัท นวนคร จังหวัดปทุมธานี เป็นโครงการระดับ Hyperscale เงินลงทุน 26,720 ล้านบาท

4. บริษัท ซีนิท ดาต้า เซ็นเตอร์ แอนด์ คลาวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด โครงการ Data Center ตั้งอยู่ที่เขตอุตสาหกรรมของบริษัท นวนคร จังหวัดปทุมธานี เป็นโครงการระดับ Hyperscale เงินลงทุน 54,853 ล้านบาท

อ่านเพิ่มเติม 

• 5 ข้อได้เปรียบไทย ทำไม “ไทย” กลายเป็นที่มั่น Data Center บิ๊กเทคแห่ลงทุน 
• 2024 เปิดชื่อบริษัทเทคฯ ใครมาลงทุน Data Center & Cloud Service ในไทยแล้วบ้าง
  

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   

https://www.facebook.com/ThairathMoney