“ดีลชิป 2.6 แสนตัว”เขย่าตลาด เปิดเบื้องลึก “ไก่ทอดกับเบียร์” Nvidia เปิดเกมใหม่ สร้างฐาน AI นอกจีน

Tech & Innovation

Tech Companies

พิมพ์ชญา ภมรพล

พิมพ์ชญา ภมรพล

Tag

“ดีลชิป 2.6 แสนตัว”เขย่าตลาด เปิดเบื้องลึก “ไก่ทอดกับเบียร์” Nvidia เปิดเกมใหม่ สร้างฐาน AI นอกจีน

Date Time: 3 พ.ย. 2568 15:58 น.

Video

นโยบาย “นายกฯ อนุทิน” 4 เดือนวัดใจ พอร์ตหุ้นไปทางไหนดี? กับ เอ็ดดี้ กรภัทร | Thairath Money Night Stand EP.15

Summary

เบื้องหลัง “ชิป เบียร์ ไก่ทอด และการทูต” Nvidia เร่งกระจายฐานชิปนอกตลาดจีน ปิดดีล Blackwell ล็อตใหญ่กับเกาหลีใต้หลังการเจรจาสหรัฐฯ-จีน ไร้สัญญาณผ่อนคลาย

Latest


ภาพไวรัลที่ “เจนเซน หวง” ซีอีโอแห่ง Nvidia นั่งกินไก่ทอดและดื่มเบียร์กับสองมหาเศรษฐีเกาหลี อี แจ-ยอง แห่ง Samsung และ ชุง อี-ซอน แห่ง Hyundai ที่ร้าน Kkanbu Chicken กลางกรุงโซล อาจดูเหมือนแค่ภาพแห่งมิตรภาพ แต่เบื้องหลัง “วงชิแม็ก” หรือ การตั้งวงกินไก่ทอดกับเบียร์ หนึ่งในคัลเจอร์การสังสรรค์ของชาวเกาหลีครั้งนี้ คือ “ดีลชิป AI ล็อตใหญ่” ที่อาจเปลี่ยนทิศทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของเอเชีย

ชิป Nvidia 260,000 ตัว ส่งตรงถึงเกาหลีใต้

เมื่อวันศุกร์  (31 พ.ย.) ที่ผ่านมา Nvidia ประกาศอย่างเป็นทางการว่า บริษัทจะจัดส่ง ชิป AI ขั้นสูงกว่า 260,000 หน่วยให้แก่ รัฐบาลเกาหลีใต้ และกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Samsung Electronics, SK Group, Hyundai Motor Group รวมถึง Naver ซึ่งถือเป็นหนึ่งในข้อตกลงใหญ่ที่สุดของ Nvidia ในภูมิภาค

ทั้งนี้รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ระบุเบื้องต้นว่าจะนำชิปกว่า 50,000 หน่วยไปใช้สร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และศูนย์ประมวลผลระดับชาติ (National AI Computing Center) ขณะที่ Samsung, SK Group, และ Hyundai Motor Group จะได้รับชิปอีกกลุ่มละราว 50,000 หน่วย เพื่อพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) ระบบผลิตชิปและเทคโนโลยียานยนต์อัตโนมัติ ในส่วนของ Naver แพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ที่สุดของประเทศรายงานว่าจะซื้อ 60,000 หน่วย เพื่อเสริมศักยภาพคลาวด์และบริการ AI

ดีลนี้เกิดขึ้นหลังการหารือระหว่าง เจนเซน หวง และประธานาธิบดี อี แจ-มยอง และผู้นำจากกลุ่ม Samsung, SK, และ Hyundai ที่ขอบเวทีการประชุมสุดยอด APEC เมืองคยองจู ซึ่งผู้นำจีน สี จิ้นผิง และประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็เข้าร่วมด้วย

ภายใต้นโยบายของประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน รัฐบาลเกาหลีใต้ได้กำหนด “AI Economy” เป็นวาระแห่งชาติ โดยตั้งเป้าให้ประเทศกลายเป็น “ศูนย์กลาง AI ของเอเชีย” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่การค้ากับสหรัฐฯ ถูกกดดันจากมาตรการภาษี

“ไก่ทอด-เบียร์-ชิป AI” บทสนทนากลางวงที่ไม่ธรรมดา

ก่อนการประชุมเพียงหนึ่งวัน หวง สร้างโมเมนต์ไวรัลด้วยการพาสองผู้นำเกาหลีใต้เข้าร้านไก่ทอด พร้อมสั่น “ระฆังทอง” เพื่อเลี้ยงทุกคนในร้าน Kkanbu Chicken ใจกลางกรุงโซล ภาพนั้นเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียและเป็นไวรัลไปทั่วโลกส่งสัญญาณถึง “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ใหม่” ระหว่าง Nvidia กับสองยักษ์เทคของเกาหลีใต้ ที่ Nvidia กำลังสร้างภูมิคุ้มกันต่อแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ ด้วยการสร้างฐานผลิตและกระจายชิปนอกตลาดจีนและฮ่องกง

Samsung ที่กำลังพัฒนาหน่วยความจำความเร็วสูง (HBM) ซึ่งเป็นหัวใจของระบบประมวลผล AI รุ่นใหม่ของ Nvidia แม้ปัจจุบันยังไม่ได้รับการรับรองจาก Nvidia แต่การพบกันครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมมือเชิงเทคนิคอย่างจริงจัง

ด้าน SK Hynix ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ HBM รายหลักของ Nvidia ก็อยู่ภายใต้เครือ SK Group ที่หวงเข้าพบด้วยเช่นกัน ทำให้ดีลนี้เชื่อมโยงทั้งซัพพลายเชนตั้งแต่การผลิตหน่วยความจำจนถึงปลายทางของการใช้งานในระบบยานยนต์อัจฉริยะและโรงงาน AI

ขณะที่ Hyundai ประกาศจะสร้าง Supercomputer สำหรับยานยนต์อัจฉริยะ โดยใช้ GPU ของ Nvidia เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI ภายในรถยนต์ รวมถึงการขับเคลื่อนอัตโนมัติ โรงงานอัจฉริยะและหุ่นยนต์อุตสาหกรรม
Nvidia เปิดเกมใหม่ สร้างฐาน AI นอกจีน

การเยือนเกาหลีครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังคุกรุ่น แม้ทรัมป์และสี จิ้นผิง จะพบกันที่เกาหลีใต้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลายฝ่ายจับตามองในฐานะสัญญาณของ “การละลายความตึงเครียดทางการค้า” ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างสองมหาอำนาจ แต่กลับกลายเป็นว่าประเด็นสำคัญที่หายไปจากโต๊ะเจรจา คือเรื่อง “ชิป AI” โดยเฉพาะชิปตระกูล Nvidia Blackwell ซึ่งถูกจำกัดการส่งออกเข้าสู่จีนภายใต้กฎควบคุมเทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐฯ

การไม่พูดถึงชิป Blackwell ในการเจรจาครั้งนี้ จึงสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ท่าทีของวอชิงตันยังคงแข็งกร้าวต่อเทคโนโลยีด้าน AI และไม่มีแนวโน้มจะผ่อนคลายข้อจำกัดในเร็ววัน ซึ่งกลายเป็นแรงกระตุ้นให้ Nvidia ต้องเร่ง “สร้างระบบกระจายศูนย์” สำหรับฐานการผลิต การออกแบบ และการประกอบชิปในภูมิภาคอื่น ๆ แทน

แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมระบุว่า Nvidia ได้เร่งขยายพันธมิตรและฐานประกอบในหลายภูมิภาค ทั้งใน ไต้หวัน, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, เวียดนาม, อินเดีย รวมถึงตะวันออกกลาง เพื่อสร้าง “เส้นทางสำรอง” สำหรับผลิตภัณฑ์ชิป AI ระดับสูง เช่น Blackwell และ Rubin Series ที่อยู่ระหว่างพัฒนา อีกทั้งยังเป็นการชดเชยรายได้ที่สูญเสียไปจากจีน ซึ่งประเมินว่ามีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ

แม้ข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ยังเป็นปัจจัยพื้นฐานในภูมิทัศน์อุตสาหกรรมชิปทั่วโลก โดยเฉพาะต่อประเทศที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงด้านความมั่นคง แต่เกาหลีใต้ในฐานะพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ ไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามที่มุ่งควบคุมจีนโดยเฉพาะ ทั้งนี้ Nvidia ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดด้านใบอนุญาต แต่ยืนยันว่าชิป Blackwell เหล่านี้จะถูกใช้เพื่อรองรับทั้งภารกิจเชิงพาณิชย์และงานวิจัยขั้นสูง

ชิปตระกูล Blackwell ถือเป็นแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลระดับเรือธงของ Nvidia สำหรับการประมวลผลทั้งด้าน training และ inference ของโมเดลขนาดใหญ่ รวมถึงงานด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการประมวลผล การใช้พลังงาน และเร่งการนำ AI เข้าสู่การใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ได้เร็วยิ่งขึ้น

ดีลนี้จึงถูกมองว่าเป็นก้าวเชิงยุทธศาสตร์ อีกทั้งเป็นตัวเร่งสำคัญของห่วงโซ่อุปทานใหม่ การสร้างงานคุณภาพสูง และการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในภูมิภาค ที่จะเปลี่ยนเกาหลีใต้จาก “โรงงานผลิตฮาร์ดแวร์” ที่เคยเป็นรากฐานการเติบโตทางอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในอดีต ไปสู่บทบาทการเป็น “โรงงาน AI โลก” 

หลังเหตุการณ์ค่ำคืนแห่งมิตรภาพนั้น หุ้นของบริษัทไก่ทอด Kyochon F&B พุ่งขึ้นกว่า 20% ตามด้วย Cherrybro พุ่งขึ้นกว่า 30% นอกจากนี้หุ้น Neuromeka ผู้ผลิต “หุ่นยนต์ทอดไก่” ก็พุ่งแรงตามเช่นเดียวกัน

ในโลกที่เทคโนโลยีกลายเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจและการทูต ภาพของมหาเศรษฐีบิ๊กเทคนั่งดื่มเบียร์จึงไม่ใช่แค่ภาพแห่งมิตรภาพ แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของการสร้างพันธมิตรใหม่ในสมรภูมิ AI ที่กำลังเปิดโอกาสใหม่ในตลาดเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตอนใต้ที่ได้กลายเป็นตลาดเกิดใหม่ศักยภาพสูง ฐานที่ตั้งใหม่ Nvidia ในการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานหลังจากนี้ 



ที่มาข้อมูล KoreaTimes , Bloomberg  , CNN , CNBC   Nvidia 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

พิมพ์ชญา ภมรพล

พิมพ์ชญา ภมรพล
from digital economies to the art of brand identity