
Universal Robots (UR) ผู้นำระดับโลกด้านหุ่นยนต์ปฏิบัติงานจากสหรัฐอเมริกา จัดงานสัมมนาหุ่นยนต์โคบอตที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน “Collaborate Thailand 2025” ภายใต้ธีม Collaborative Automation: The Future of Industry นำทัพโซลูชันหุ่นยนต์ครบวงจร ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และไลน์อัพรุ่นล่าสุดมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดไทย
ท่ามกลางการเติบโตของตลาดหุ่นยนต์ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่มักจะคุ้นชินกับการเข้ามาทำตลาดของบริษัทหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในภาคอุตสาหกรรมจากญี่ปุ่น ยุโรป โดยเฉพาะ จีน ที่รุกตลาดด้วยจุดขายด้านราคา พร้อมกับโชว์ศักยภาพการเติบโตในเรื่องนวัตกรรมหุ่นยนต์อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
Poi Toong Tang รองประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท Teradyne Robotics เปิดเผยกับ Thairath Money ว่า Universal Robots คือผู้บุกเบิกเทคโนโลยี “Cobot (Collaborative Robot)” หรือ “หุ่นยนต์ร่วมงานกับมนุษย์” เจ้าแรกของโลก ภายใต้การดูแลของ Teradyne Robotics หน่วยธุรกิจของ Teradyne Inc. บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากสหรัฐฯ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทดสอบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ขั้นสูงที่อยู่ในตลาดมานานกว่า 60 ปี
“การแข่งขันถือเป็นเรื่องดี เพราะมันผลักดันให้นวัตกรรมเดินหน้า แต่ในโลกวันนี้ ธุรกิจกำลังแยกเป็นสองทาง — ทางหนึ่งคือการแข่งขันด้านเทคโนโลยี อีกทางคือการแข่งขันด้านต้นทุน คำถามคือคุณจะเลือกทางไหน หรือจะหาจุดสมดุลระหว่างสองสิ่งนี้อย่างไร” เขากล่าว
สำหรับ UR คำตอบคือการให้ความสำคัญกับทั้งสองด้าน เพราะเทคโนโลยีที่ดีควรเข้าถึงได้โดยไม่สูญเสียคุณค่าทางนวัตกรรม “ความสามารถในการแข่งขันไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและคุณค่าระยะยาวที่ลูกค้าได้รับ
เขาอธิบายว่า การพัฒนาหุ่นยนต์ของ UR มุ่งเน้นให้ลูกค้าคืนทุนได้เร็วขึ้น ใช้งานได้นานขึ้น และได้ประโยชน์เชิงธุรกิจที่จับต้องได้ เปรียบได้กับวิวัฒนาการของสมาร์ตโฟน ทุกปีประสิทธิภาพสูงขึ้น ฟีเจอร์ดีขึ้น และมอบคุณค่ามากขึ้น
แนวคิด “Collaborative Automation” ของ UR ไม่ได้มุ่งหมายให้เครื่องจักรแทนที่คน แต่คือการออกแบบให้ “คนกับหุ่นยนต์ทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัยและเกิดมูลค่าเพิ่มสูงสุด”
Cobot จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อลดภาระงานที่ซ้ำซากหรือเสี่ยง เช่น การยกของหนัก ประกอบชิ้นส่วน ตรวจสอบคุณภาพสินค้า และยังใช้ต้นทุนต่ำกว่าหุ่นยนต์อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จึงเหมาะกับ SMEs และโรงงานขนาดกลาง–เล็ก ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องลงทุนสูง
ปัจจุบัน UR ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 40% ทั่วโลก และได้รับการยกย่องให้เป็น “ผู้นำยุคใหม่ของระบบออโตเมชัน” ที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของหุ่นยนต์แขนกลจากเครื่องจักรในโรงงาน ให้กลายเป็น “เพื่อนร่วมงาน” ที่ช่วยเพิ่มผลผลิต ยกระดับคุณภาพ และสร้างความปลอดภัยให้กับแรงงาน
Colin Soh ผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียของ Teradyne Robotics กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญของภาคอุตสาหกรรม ทำให้บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของไทย
แม้ไทยจะมีอันดับการติดตั้งหุ่นยนต์อยู่ในกลุ่มต้นของภูมิภาค แต่ “ความหนาแน่นในการใช้งานหุ่นยนต์ (Robotic Density)” ยังอยู่เพียง 13 หน่วยต่อแรงงาน 10,000 คน ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลกอย่างมาก ซึ่งสะท้อนว่า “ไทยยังมีช่องว่างให้เติบโตอีกมหาศาล”
“ไทยมีทั้งบุคลากรที่มีทักษะ ระบบการศึกษา และการสนับสนุนจากภาครัฐครบถ้วน สิ่งสำคัญคือการเร่งนำระบบอัตโนมัติมาใช้ เพื่อไม่ให้ไทยตกขบวนการแข่งขันระดับโลก” เขากล่าว
นโยบายภาครัฐ เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการลงทุนในระบบอัตโนมัติ และการผลักดันโครงการ Thailand 4.0 ได้วางรากฐานสำคัญ ขณะเดียวกันไทยยังเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ของภูมิภาค ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีจากทั่วโลก
Poi Toong Tang กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ผลิตทั่วโลกในวันนี้ต้องเผชิญความท้าทายซับซ้อนกว่าที่เคย ทั้งการขาดแคลนแรงงาน ต้นทุนการผลิตสูง และความต้องการสินค้าที่เฉพาะตัวมากขึ้น
“ระบบอัตโนมัติจะไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นความจำเป็นเชิงกลยุทธ์สำหรับผู้ผลิต” เขากล่าว พร้อมย้ำว่า Teradyne และ UR มุ่งช่วยผู้ผลิตให้แข่งขันได้ แม้ในสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ผ่านเทคโนโลยีแบบ Open Platform ที่เปิดให้ลูกค้าและพันธมิตรสามารถบูรณาการโซลูชันได้อย่างยืดหยุ่นตามความต้องการของแต่ละอุตสาหกรรม
แม้โลกกำลังเผชิญกระแส ลัทธิคุ้มครองทางการค้า (Protectionism) และ ชาตินิยมทางอุตสาหกรรม (Industrial Nationalism) ที่ขยายตัวในหลายประเทศ แต่ UR มองว่านี่คือ “โอกาสใหม่” สำหรับการใช้เทคโนโลยีเพิ่มความยืดหยุ่น (Agility) และยกระดับขีดความสามารถของผู้ผลิตในทุกภูมิภาค
การเปิดตัว “Collaborate Thailand 2025” สะท้อนชัดว่า Universal Robots ไม่ได้เพียงเข้ามาทำตลาด แต่ต้องการ “ปักหมุดประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอัตโนมัติของอาเซียน”
ด้วยจุดแข็งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมที่เข้าถึงได้ และความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมท้องถิ่น Universal Robots รวมถึงบริษัทแม่ Teradyne Robotics ตั้งเป้าที่จะเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของโรงงานไทย ตั้งแต่ระดับ SMEs ไปจนถึงผู้ผลิตรายใหญ่ เพื่อร่วมกันสร้างระบบการผลิตที่ยั่งยืน ทำให้ระบบอัตโนมัติขั้นสูงเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยหุ่นยนต์โคบอทรุ่นใหม่ล่าสุด ซอฟต์แวร์อัจฉริยะ รวมถึงรุ่นที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาด เช่น UR7e และ UR12e เพื่อสนับสนุนการเดินหน้าสู่เป้าหมายอุตสาหกรรม 4.0 ของประเทศไทยอย่างเต็มศักยภาพ
ภายในงานได้มีการสาธิตนวัตกรรมหุ่นยนต์โคบอท พร้อมกับพันธมิตร UR+ ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การประยุกต์ใช้จริงในหลายภาคอุตสาหกรรม เช่น การบรรจุภัณฑ์ การประกอบ การเชื่อม การตรวจสอบคุณภาพ และอื่นๆ
นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่หลายรายการ ได้แก่ โคบอทรุ่น UR8 Long ซึ่งได้เปิดตัวในระดับโลกไปในเดือนที่ผ่านมา และโคบอทรุ่น UR15 ที่มอบประสิทธิภาพการเคลื่อนไหวเหนือระดับ พร้อมความเร็วสูงสุดที่จุดศูนย์กลางของอุปกรณ์ที่ต่อเพิ่ม (tool center point: TCP) ได้สูงสุดถึง 5 เมตรต่อวินาที
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -