
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ออกโรงเตือน “ฟองสบู่ AI” หลังกระแสการลงทุนในเทคโนโลยี AI บูมหนัก ทำให้เกิดความกังวลว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกอาจกำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะปรับฐานฉับพลัน (Sudden Correction) เนื่องจากกระแสการลงทุนดังกล่าวดันมูลค่าหุ้นขึ้นไปแตะระดับที่คล้ายกับ “ฟองสบู่ดอทคอม” เมื่อปี 2000
Kristalina Georgieva กรรมการผู้จัดการของ IMF กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (8 ตุลาคม) ว่า ความคึกคักของตลาดที่มองว่า AI จะยกระดับประสิทธิภาพการผลิตในเศรษฐกิจโลกอาจพลิกกลับอย่างฉับพลัน และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเศรษฐกิจโลก
“มูลค่าหุ้นในวันนี้กำลังเคลื่อนไปสู่ระดับเดียวกับช่วงที่โลกเคยหลงใหลกับอินเทอร์เน็ตเมื่อ 25 ปีก่อน” Kristalina Georgieva กล่าว
เธอยังระบุเพิ่มเติมอีกด้วยว่า กระแสความตื่นตัวต่อ AI ช่วยจุดไฟให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกและช่วยพยุงเศรษฐกิจโลก แต่หากเกิดการปรับฐานรุนแรงของราคาหุ้นก็อาจจะฉุดการเติบโตทั่วโลกได้เช่นกัน และอาจทำให้ประเทศกำลังพัฒนาต้องเผชิญแรงกดดันหนักที่สุด
เช่นเดียวกันเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการนโยบายการเงินของ BoE (Financial Policy Committee) ได้ออกแถลงการณ์เปรียบเทียบสถานการณ์ปัจจุบันกับวิกฤตดอทคอม เมื่อปี 2000 พร้อมเตือนถึงความเสี่ยงของการปรับฐานรุนแรงในตลาดการเงินโลก โดย BoE ระบุว่า “ความเสี่ยงต่อการปรับฐานของตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”
BoE ชี้ว่า ตัวชี้วัดสำคัญอย่าง อัตราส่วนราคาต่อกำไรโดยใช้ค่าเฉลี่ยของกำไรต่อหุ้น 10 ปีย้อนหลังและปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อ (CAPE Ratio) ของหุ้นสหรัฐฯ กำลังเข้าใกล้ระดับที่เคยเกิดในยุคฟองสบู่ดอทคอม
ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ที่รวมบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดสหรัฐฯ ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ P/E ล่วงหน้า 1 ปี ราว 25 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในประวัติศาสตร์ แม้ยังไม่แตะระดับสุดโต่งเท่าฟองสบู่ดอทคอมในปี 2000 ก็ตาม โดยในปีนี้ S&P 500 พุ่งขึ้นกว่า 14% ดีดกลับขึ้นมาหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีประกาศเรื่องภาษีการค้าเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
BoE เตือนด้วยว่า ในหลายตัวชี้วัดมูลค่าตลาดหุ้นดูเหมือนจะถูกผลักขึ้นสูงเกินจริง โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีที่มุ่งเน้น AI เมื่อรวมกับโครงสร้างตลาดที่มีการกระจุกตัวสูง โดยเฉพาะดัชนีหลักอย่าง S&P 500 ทำให้ตลาดมีความเปราะบางมาก หากความคาดหวังใน AI ลดลงจากที่ประเมินไว้
ปัจจุบันหุ้นเทคโนโลยี 5 อันดับแรกครองสัดส่วนเกือบ 30% ของมูลค่ารวม S&P 500 ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้าน BoE ได้เตือนต่อว่า หากเกิดการปรับราคาของหุ้น AI ผลกระทบต่อผู้ลงทุนจะรุนแรงกว่าปกติ เพราะน้ำหนักของหุ้นเทคในตลาดรวมมีมากกว่าทุกยุคที่ผ่านมา
ท้ายที่สุด Kristalina Georgieva จาก IMF ระบุว่า แม้กระแส AI และการอ่อนค่าของดอลลาร์จะช่วยผ่อนคลายภาวะการเงินและกระตุ้นเศรษฐกิจโลก แต่ IMF ยังคาดว่า อัตราการเติบโตทั่วโลกจะชะลอตัวลงเล็กน้อยในปีนี้และปีหน้า
“เรามองว่าเศรษฐกิจโลกยังคงยืนหยัดได้ดี แม้จะผ่านแรงสั่นสะเทือนจากหลายเหตุการณ์รุนแรงในช่วงที่ผ่านมา” Kristalina Georgieva กล่าว
ด้าน Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่ากระแส AI ครั้งนี้แตกต่างอย่างมากจากยุคดอทคอม เพราะยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีในปัจจุบันอย่าง Microsoft, Google และ Meta เป็นบริษัทที่มีฐานทุนและรายได้แข็งแกร่งกว่าช่วงนั้นมาก
ซึ่งทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เห็นตรงกับซีอีโอของ Nvidia โดย Mary Daly ประธาน Fed ซานฟรานซิสโก กล่าวว่า “ทางเศรษฐศาสตร์เรียกสิ่งนี้ว่า ‘ฟองสบู่เชิงบวก’ เพราะแม้นักลงทุนบางรายอาจไม่ได้ผลตอบแทนตามคาด แต่สุดท้ายเงินลงทุนเหล่านี้ก็สร้างนวัตกรรมและผลผลิตที่มีคุณค่าให้เศรษฐกิจ”
ที่มา: Financial Times
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney