
เจฟฟ์ เบโซส์ (Jeff Bezos) ผู้ก่อตั้ง Amazon แสดงมุมมองที่มั่นคงต่อกระแสการลงทุนใน AI โดยยอมรับว่าสำหรับ AI เป็น “ฟองสบู่ดี” ที่ทำให้เงินทุนหลั่งไหลและจะสร้างผลประโยชน์มหาศาลต่อสังคมในระยะยาว แม้จะหลีกเลี่ยงเรื่องความผันผวนของราคาหุ้นที่ขึ้นลงในบางช่วงเวลาไม่พ้น แต่เชื่อว่า AI จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของโลก
เบโซส์ ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์บนเวที Italian Tech Week ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นับเป็นการออกงานสาธารณะในไม่กี่ครั้งหลังจากก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอตั้งแต่ปี 2021 โดยปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งประธานบริหารของ Amazon และยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทอวกาศ Blue Origin
เบโซส์ เปรียบเทียบ กระแสการลงทุน AI ในปัจจุบันกับช่วง “ฟองสบู่ดอทคอม” ที่แม้บริษัทจำนวนมากล้มไป แต่โครงข่ายไฟเบอร์ออปติกที่สร้างขึ้นยังคงเป็นรากฐานสำคัญของอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน เช่นเดียวกับฟองสบู่เทคโนโลยีชีวภาพในยุค 1990 ที่นำไปสู่การค้นพบการรักษาโรคที่ช่วยชีวิตผู้คนได้จริง
พร้อมกับยกตัวอย่าง ช่วงที่ Amazon เผชิญแรงเทขายรุนแรงในปี 2000 หลังฟองสบู่ดอทคอมแตก ราคาหุ้นของบริษัทร่วงจาก 113 ดอลลาร์สหรัฐเหลือเพียง 6 ดอลลาร์สหรัฐในเวลาอันสั้น ทั้งที่พื้นฐานธุรกิจยังแข็งแรง สะท้อนว่าความผันผวนในช่วงฟองสบู่ไม่ได้หมายความว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไม่จริง ซึ่งเขาย้ำว่า “AI เป็นของจริง มันจะเปลี่ยนทุกอุตสาหกรรมในโลก และจะสร้างประโยชน์ระดับมหาศาลให้กับสังคม”
นอกจากนี้มุมมองของเขายังขยายไปถึงภาพอนาคตที่ใหญ่กว่า โดยเขาเชื่อว่าในไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า มนุษย์หลายล้านคนจะอาศัยอยู่ในอวกาศ ขณะที่หุ่นยนต์และศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์จะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเศรษฐกิจแห่งอนาคต “นี่คือช่วงเวลาทองของมนุษยชาติที่เรากำลังอยู่ท่ามกลางยุคทองหลายยุคพร้อมกัน” เขากล่าว
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยกับมุมมองเชิงบวกนี้ เดวิด โซโลมอน (David Solomon) ซีอีโอของ Goldman Sachs เตือนในงานเดียวกันว่า เงินทุนจำนวนมากที่กำลังถูกเทเข้าสู่ธุรกิจ AI อาจไม่สร้างผลตอบแทนตามที่คาดและยอมรับว่ายังไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่าเรากำลังอยู่ในฟองสบู่หรือไม่
โดยโซโลมอนเปรียบเทียบว่า หากย้อนกลับไปปี 1998 นักลงทุนก็คงตั้งคำถามเดียวกันกับกระแสดอทคอม แต่ตลาดกลับพุ่งขึ้นต่ออีกหลายปีก่อนจะทรุดตัวในที่สุดและเรายังอยู่เพียงช่วงต้นของเรื่องนี้เท่านั้น พร้อมเสริมว่าแม้จะคาดว่าตลาดหุ้นอาจเผชิญแรงเทขายภายใน 12–24 เดือนข้างหน้า แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติหลังจากช่วงขาขึ้นที่ยาวนาน
แม้จะมีความเห็นต่างในมิติการเงิน แต่นักลงทุนระดับโลกทั้งสองรายต่างเห็นตรงกันในประเด็นหนึ่ง AI จะเป็นพลังขับเคลื่อนเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจโลกในระยะยาว ความผันผวนอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เบื้องหลังฟองสบู่นี้คือการเร่งลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และจุดประกายการค้นพบใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล
ที่มาข้อมูล Bloomberg , Financial Times
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -