
ค่ำคืนหนึ่งในห้องจัดเลี้ยงของทำเนียบขาว เบื้องหลังโต๊ะอาหารใหญ่รายล้อมไปด้วยบุคคลผู้ทรงอิทธิพลระดับโลก กลายเป็นฉากที่สะท้อนชัดถึงความสัมพันธ์ระหว่างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีกับการเมืองสหรัฐฯ เมื่อบรรดาผู้นำบิ๊กเทคกว่า 30 ราย นำโดย Satya Nadella (Microsoft), Sundar Pichai (Google), Tim Cook (Apple), Sam Altman (OpenAI), Mark Zuckerberg (Meta) และ Bill Gates ต่างพร้อมใจเข้าร่วมงานดินเนอร์กับประธานาธิบดี Donald Trump และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง Melania Trump
งานเลี้ยงมื้อค่ำต้อนรับผู้นำเทคโนโลยีชั้นนำจากซิลิคอนแวลลีย์ จัดขึ้นที่สวนโรสการ์เดน หลังเสร็จสิ้นการประชุม “AI Education Summit” ซึ่งจัดขึ้นในช่วงกลางวัน โดย Melania Trump สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งและถือเป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญที่สะท้อนให้เห็นการขยับของรัฐบาลในการผลักดัน AI เป็นวาระแห่งชาติ
บรรยากาศที่ถูกถ่ายทอดผ่าน C-SPAN แสดงให้เห็นซีอีโอผู้ทรงอิทธิพลผลัดกันลุกขึ้นประกาศแผนลงทุนมูลค่ามหาศาลในสหรัฐฯ และแสดงความยกย่องต่อทรัมป์และภรรยา โดยมีการเน้นหนักไปที่ “โครงการ Presidential AI Challenge” ที่ Melania Trump เปิดตัวเมื่อเดือนก่อน เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนอเมริกันเรียนรู้และใช้เทคโนโลยี AI ซึ่งกลุ่มบิ๊กเทคมากกว่าร้อยบริษัทได้ลงนามสนับสนุนโครงการดังกล่าวนี้ด้วยเช่นกัน
งานดังกล่าวถือเป็นสัญลักษณ์ของการปรับความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ระหว่างภาคเทคโนโลยีกับรัฐบาลภายใต้ Donald Trump ในวาระสมัยที่สอง
Satya Nadella นำทีมอวดผลงานว่า Microsoft จะสนับสนุนโครงการ AI ของทำเนียบขาวด้วยการมอบสิทธิ์ใช้งาน Copilot AI ฟรีให้แก่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐ และจะขยายไปสู่ระดับประถม-มัธยม โดยมีมูลค่าการสนับสนุนด้านการศึกษาและบริการ AI รวมกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายใน 5 ปี ขณะที่ OpenAI เปิดตัวแพลตฟอร์มหางานและโครงการรับรองทักษะ AI ร่วมกับ Walmart ตั้งเป้าอบรมและรับรองทักษะชาวอเมริกันกว่า 10 ล้านคนภายในปี 2030
Google ก็ไม่น้อยหน้าด้วยแผนลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อการศึกษา AI ใน 3 ปีข้างหน้า โดย Sundar Pichai กล่าวยกย่อง Melania Trump ว่าเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชน ขณะเดียวกัน Tim Cook ที่ไม่ให้ Apple น้อยหน้าหลังประกาศลงทุน 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในสหรัฐฯ แม้จะถูกกดดันด้วยภัยคุกคามจากมาตรการภาษีของรัฐบาล กล่าวขอบคุณถึงการสนับสนุนจากประธานาธิบดีที่คอยช่วยเหลือบริษัทอเมริกันทั่วโลก
เสียงตอบรับเชิงสรรเสริญดังลั่นตลอดค่ำคืน ตั้งแต่ Nadella ที่กล่าวขอบคุณรัฐบาลที่ทำให้ “เทคโนโลยี AI กลายเป็นวาระแห่งชาติ” ไปจนถึง Sam Altman ที่ชมเชย Donald Trump ว่าเป็น “ประธานาธิบดีที่หนุนธุรกิจและนวัตกรรมอย่างแท้จริง” (Pro-Business & Pro-Innovation) พร้อมยกย่องที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบริษัทรวมถึงสหรัฐอเมริกา
ตลอดปีที่ผ่านมา Altman พยายามสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลทรัมป์ หลังจากก่อนหน้านี้เคยวิจารณ์เขา แต่จากนั้นได้นำเทคโนโลยีของ OpenAI ไปนำเสนอแก่สมาชิกรัฐสภาและเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว พร้อมเน้นย้ำถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจของ AI ต่อสหรัฐฯ
นอกจากการอวดแผนลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ สิ่งที่สะดุดตาไม่แพ้กัน คือ การจัดที่นั่งของ Mark Zuckerberg ซึ่งนั่งข้างขวาของประธานาธิบดี ส่วน Bill Gates อยู่ข้าง Melania ขณะที่ Sergey Brin มาพร้อมคู่รักที่ประกาศตัวสนับสนุน MAGA อย่างชัดเจน ขณะที่ Satya Nadella ถูกจัดให้นั่งห่างออกไปในส่วนท้ายโต๊ะ
มากไปกว่านั้นและที่น่าจับตาไม่แพ้กัน คือ บุคคลที่ไม่ได้เข้าร่วมงานอย่าง Elon Musk ผู้ก่อตั้ง Tesla และเจ้าของบริษัท AI อย่าง xAI แม้จะได้รับเชิญ แต่เขาเลือกส่งตัวแทนมาแทน หลังจากเพิ่งมีความขัดแย้งกับทรัมป์เมื่อต้นปี ขณะที่ Jeff Bezos และ Jensen Huang แห่ง Nvidia ก็หายไปจากลิสต์เช่นกัน
แม้ในอดีตความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับบิ๊กเทคจะเต็มไปด้วยความขัดแย้ง แต่การรวมตัวครั้งนี้สะท้อนถึงการปรับจูนผลประโยชน์ใหม่ระหว่างรัฐบาลกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ต่างเล็งเห็นว่าความร่วมมือกับรัฐบาลคือกุญแจสำคัญต่อการเติบโตในสมรภูมิโลก
ผู้บริหารเทคโนโลยีเหล่านี้พยายามสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับทรัมป์นับตั้งแต่การเลือกตั้งปีที่แล้ว ขณะที่พวกเขาต้องการให้กฎระเบียบผ่อนคลายลง ได้รับเงินสนับสนุนสาธารณะมากขึ้นและบรรเทาผลกระทบจากภาษีศุลกากร เพราะหลายบริษัทก็ยังเผชิญความเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้องคดีผูกขาดโดยรัฐบาล นำโดย Google
ที่ผ่านมาพวกเขามีบทเรียนว่าหากการขัดใจประธานาธิบดีอาจตามมาด้วยราคาแพงที่ต้องจ่าย ซึ่ง Donald Trump เคยโจมตีบริษัทต่างๆ โดยตรง และขู่จะเก็บภาษีศุลกากรเฉพาะกลุ่ม เช่น Apple เพื่อบังคับให้ทำตามแนวนโยบายของเขา เช่น การส่งเสริมการผลิตในสหรัฐและผลักภาระต้นทุนภาษีไปยังบริษัทเอกชน
งานดินเนอร์ครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการเฉลิมฉลองมื้ออาหารสุดหรู แต่เป็นเวทีที่สะท้อนให้เห็นว่า ผู้นำบิ๊กเทคต่างเลือกเข้าหาและแสดงความภักดีต่อประธานาธิบดีที่สามารถกำหนดทิศทางกฎระเบียบ เงินอุดหนุนและภาษีที่จะส่งผลต่อธุรกิจของพวกเขาโดยตรง และเหนือสิ่งอื่นใดเหตุการณ์นี้ยังตอกย้ำว่าในโลกของการเมืองและเทคโนโลยี หลักการอาจเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นเรื่องของอำนาจ
ที่มาข้อมูล Forbes , Financial Times
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -