
Alex Karp ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Palantir บริษัทเทคโนโลยีผู้พัฒนาและออกแบบซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูล และยังเป็นหนึ่งในบริษัทด้าน Data ที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการของ CNBC ถึงประเด็นเรื่อง AI ว่า
“ในมุมมองผม AI มันอันตราย ผลลัพธ์จะมีทั้งบวกและลบ แต่ไม่ว่าอย่างไร สหรัฐฯ ต้องชนะ ถ้าไม่ใช่เรา ก็จะเป็นจีน”
โดยก่อนหน้านี้ Alex Karp เคยออกมาให้สัมภาษณ์ไว้แล้วว่า ในยุคนี้ AI นั้นเปรียบเหมือน “อาวุธยุทธศาสตร์” ที่จะกำหนดทิศทางของอำนาจโลก แต่ต้องเร่งให้เร็วกว่าเดิม และต้องมีความพยายามระดับชาติ เพื่อพัฒนาโมเดล AI ที่เหนือกว่าจีนให้ได้
Palantir Technologies ก่อตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาและออกแบบซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนระบบบูรณาการข้อมูล ที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ เข้าใจและจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่และซับซ้อนได้ โดยทางกลุ่มผู้ก่อตั้งมีความเชื่อที่ว่า “ข้อมูลมีพลังและอำนาจ จึงเห็นคุณค่าในการให้ข้อมูลเชิงลึกแก่หน่วยงานรัฐบาล สถาบันการเงิน และองค์กรอื่น ๆ”
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: รู้จัก Palantir จากสตาร์ทอัพสุดลึกลับสู่ผู้นำ AI ด้านความมั่นคง ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ไว้ใจ
นอกจากนี้ Palantir ยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลสหรัฐฯ และกองทัพ มีเป้าหมายที่จะออกแบบซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีเพื่อป้องกันการก่อการร้าย จนต่อมาได้ขยายไปร่วมมือทางธุรกิจกับหน่วยงานเอกชนมากขึ้นด้วย ทาง Alex Karp ก็เคยกล่าวไว้ว่า “ต้องให้เครดิตกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโต”
ซึ่งล่าสุด จากการให้สัมภาษณ์กับ CNBC ทาง Alex Karp ยังย้ำถึงผู้ถือหุ้นล่าสุดว่า Palantir จะยังคงให้ความสำคัญกับภารกิจหลัก คือ การสนับสนุนความมั่นคงของสหรัฐฯ ผ่านการพัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลและระบบ AI โดยเฉพาะในฝั่งกลาโหมและหน่วยงานรัฐบาล
เขาเชื่อว่า จุดแข็งของสหรัฐฯ ไม่ได้อยู่แค่เทคโนโลยี แต่รวมถึงวัฒนธรรมขององค์กรธุรกิจที่พร้อมจะปรับตัวใช้นวัตกรรมใหม่ และเข้าใจบริบทเชิงลึกของตลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ Palantir กำลังใช้เป็นแต้มต่อในสงคราม AI
พร้อมกันนี้ ในช่วงท้ายของบทสัมภาษณ์ Alex Karp ได้ตอบโต้รายงานของ The New York Times ที่อ้างว่า Palantir กำลังช่วยรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดี Donald Trump ในการรวบรวมข้อมูลของประชาชนอเมริกัน
เขายืนยันว่า “Palantir ไม่ได้สอดแนมคนอเมริกัน” และระบุว่าบริษัทมีแนวทางชัดเจนในการรักษาความเป็นส่วนตัวและไม่ละเมิดสิทธิของพลเมือง
ที่มา: CNBC
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney