Builder.ai สตาร์ทอัพ AI ทิพย์ บทเรียน AI Washing ที่หลง “นวัตกรรม” จนกลายเป็นหายนะทางการเงิน

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

Builder.ai สตาร์ทอัพ AI ทิพย์ บทเรียน AI Washing ที่หลง “นวัตกรรม” จนกลายเป็นหายนะทางการเงิน

Date Time: 26 พ.ค. 2568 16:58 น.

Video

Sony ทำได้ยังไง ? หาเงินจากทุกสิ่ง แบบไม่ต้องวิ่งแข่งกับใคร | Digital Frontiers EP.51

Summary

ข่าวฉาววงการเทคโนโลยี เมื่อ Builder.ai สตาร์ทอัพเจ้าใหญ่ระดับยูนิคอร์นที่มีบิ๊กเทคอย่าง Microsoft หนุนหลัง ประกาศล้มละลาย พร้อมกับมีการตรวจสอบภายในจนพบว่า บริษัทติดหนี้ มีปัญหาทางด้านการเงิน มีการรายงานรายได้เกินจริง พร้อมกับถูกแฉไม่ได้ใช้ AI ดำเนินงานแต่กลับใช้แรงงานวิศวกรมหาศาลทำงานแทน และยังมีการใช้ตัวแทนปลอม ๆ เพื่อให้ได้ยอดขายที่ไม่เกิดขึ้นจริง จนถูกหยิบยกขึ้นมาถกในประเด็น "AI Washing" หรือการตลาดเกินจริงในโลกที่กำลังหลงนวัตกรรม

Latest


ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคทองของปัญญาประดิษฐ์เช่นนี้ ธุรกิจต่าง ๆ ยิ่งเร่งรีบแข่งกันโชว์โซลูชัน AI เช่นเดียวกันกับธุรกิจเทคโนโลยี ตลอดจนเหล่าสตาร์ทอัพที่หันมาติดป้ายว่าเป็น AI เพื่อเรียกความสนใจจากนักลงทุน จนได้มีการจุดประเด็นอย่าง “AI Washing” หรือ กลยุทธ์ที่ใช้คำว่า AI มาล่อนักลงทุน ขึ้นมาอีกครั้ง

สำหรับ AI Washing คือ กลยุทธ์ทางการตลาดแบบหลอกลวง โดยที่บริษัทต่าง ๆ มักจะกล่าวอ้างเกินจริง หรืออ้างว่าใช้ AI ในผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน ทั้งที่ในความเป็นจริงอาจไม่ได้ใช้เลย หรือใช้ในระดับที่น้อยมาก เพื่อทำให้ดูเหมือนว่าบริษัทล้ำสมัยหรือมีนวัตกรรมมากเกินความเป็นจริง

หนึ่งในกรณีตัวอย่างที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในตอนนี้ คือ Builder.ai บริษัทสตาร์ทอัพจากสหราชอาณาจักร ที่เคยเคลมตัวเองว่า เป็นผู้ให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์ สามารถออกแบบแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนให้กลายเป็นเรื่องง่าย แม้จะไม่มีพื้นฐานด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ แต่บริษัทมีแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยออกแบบให้ จนมีสโลแกนในการพิชชิ่งว่า “สร้างซอฟต์แวร์ได้ง่าย ๆ เหมือนสั่งพิซซ่า แค่ไม่กี่คลิก”

ย้อนเส้นทาง “ความสำเร็จ” ของ Builder.ai

Builder.ai หรือชื่อเดิม Engineer.ai เป็นสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 ถือกำเนิดขึ้นที่ลอนดอน สหราชอาณาจักร จากความไม่พอใจของผู้ร่วมก่อตั้ง Sachin Dev Duggal ที่เห็นว่าขั้นตอนการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบเดิม ๆ นั้นควรปรับเปลี่ยน เขาจึงออกแบบโซลูชันที่ผสานการใช้โค้ดแบบโมดูลาร์ (Modular Code) ร่วมกับนักพัฒนามนุษย์ โดยมี AI คอยควบคุมประสานงาน

ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ชื่อว่า Builder Studio มีฟีเจอร์สำคัญที่มาพร้อมผู้ช่วยดิจิทัล (Agent) ชื่อว่า “Natasha” ซึ่งโฆษณาว่าจะมอบประสบการณ์สุดลื่นไหลให้แก่ผู้ใช้ด้วยพลังของ AI

ตลอดระยะเวลารวมกว่า 8 ปีที่ผ่านมา Builder.ai เติบโตจนกลายเป็นสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น ด้วยมูลค่าธุรกิจที่สูงกว่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระดมทุนไปได้สูงกว่า 445 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยในปี 2022 บริษัทสามารถระดมทุนไปได้กว่า 195 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในเดือนพฤษภาคม 2023 ได้เพิ่มทุนอีก 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีกองทุนความมั่งคั่งแห่งรัฐกาตาร์ (QIA) เป็นผู้นำการลงทุน อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจาก Microsoft ที่เข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์เชิงกลยุทธ์ พร้อมผสาน Builder.ai เข้ากับบริการคลาวด์ของตัวเองอีกด้วย

การได้รับการยอมรับจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับนี้ ทำให้แบรนด์ Builder.ai ยิ่งดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น จนได้รับคำชมจาก Gartner ได้รับการจัดอันดับจาก Fast Company จนมีนักลงทุนคนดังและพาร์ตเนอร์ระดับบิ๊กแบรนด์เข้าร่วมมากมาย ถึงขั้นที่บริษัทเคยถูกมองว่าเป็นหนึ่งใน “เคสตัวอย่างแห่งยุค AI”

แล้วทำไมถึง “ตกต่ำ” ในที่สุด?

ในปี 2019 ทาง The Wall Street Journal เคยออกมาเปิดโปง Builder.ai ว่า เบื้องหลังที่ลูกค้าไม่เคยเห็นคือ งานส่วนใหญ่ถูกทำโดยนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในอินเดีย แทบไม่มี AI มาเกี่ยวข้อง พร้อมนิยามว่า Builder.ai เป็นเพียง “การตลาดที่ปลอม ๆ” หรือพูดง่าย ๆ ว่า “มีแต่วิศวกร ไม่มี AI”

อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะการโฆษณาที่เกินจริง และการประเมินรายได้ที่มีมูลค่ามหาศาล ทำให้นักลงทุนยังคงเชื่อมั่น และทุ่มเงินให้ต่อเนื่อง

แต่เรื่องเริ่มมาแดงในเดือนพฤษภาคม 2025 เมื่อบริษัทประกาศ “ล้มละลาย” จากปัญหาทางด้านการเงิน ที่ตอนนั้นเหลือเงินเพียง 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไม่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งยังมีปัญหาจากการที่ “เจ้าหนี้” ของบริษัท ประกาศยึดเงินสดหลังพบความผิดปกติทางการเงิน

จุดเริ่มต้นมาจากการที่ Builder.ai ถูกตรวจสอบภายในและพบว่า มีความผิดปกติทางด้านการเงิน บริษัทรายงานรายได้เกินจริงมาตลอด ซึ่งการส่งงบการเงินชั่วคราวแสดงให้เห็นว่ารายได้ที่เคยประกาศไว้เกินจริงไปมาก

โดยบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เผยว่า Builder.ai ได้ยื่นงบการเงินเบื้องต้นให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทต้องปรับลดรายได้ปี 2024 จากที่เคยประเมินไว้ 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือเพียงประมาณ 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ในขณะเดียวกัน รายได้ปี 2023 ที่เคยรายงานว่าอยู่ที่ 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็ต้องถูกปรับใหม่เหลือแค่ 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพียง 1 ใน 4 ของที่เคยนำเสนอต่อบอร์ดบริหาร

จากปัญหาทางด้านการเงิน ส่งผลให้ Builder.ai ต้องกู้เงินกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากกลุ่มผู้ให้กู้สายเทคโนโลยี ประกอบด้วย Viola Credit, Atempo Growth และ Cadma Capital Partners โดย Cadma Capital มีแบ็กอัปใหญ่จากบริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่อย่าง Apollo Global Management เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา

จากการกู้ยืมนี้ นำไปสู่การลาออกของ Sachin Dev Duggal ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง ที่ตัดสินใจลงจากตำแหน่งท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในปัญหาเรื้อรังที่นำไปสู่การลาออกของ Duggal คือ ยอดขายที่บันทึกไว้ไม่เคยเก็บเงินได้จริง โดยลูกหนี้บางรายปล่อยให้ใบแจ้งหนี้ค้างอยู่นานเกินควร จนเกิดข้อสงสัยว่ารายได้มีเข้ามาจริงหรือไม่ และก็นำไปสู่การตรวจสอบภายใน

การสอบสวนยังเจาะลึกไปถึงกลุ่ม “ตัวแทนจำหน่าย” หรือ Resellers โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งถูกอ้างว่าเป็นผู้ขายโซลูชันของ Builder.ai ให้ลูกค้า แต่ผลสอบพบว่าบางรายอาจเป็นตัวแทนปลอม และไม่ได้มีธุรกรรมจริงเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทาง Builder.ai ได้ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อสื่อ โดยกล่าวสั้น ๆ เพียงว่า “ขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการปิดตัวอย่างเป็นระบบ และพยายามรักษามูลค่าที่เหลือให้กับพนักงาน”

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ