
OpenAI ประกาศเปิดตัวโมเดล AI ตัวใหม่ในชื่อ “GPT-4.5” ที่จะฉลาดขึ้นในแง่ของการใช้ภาษา งานเขียน โค้ดดิ้ง พร้อมกับมี EQ หรือสามารถรับรู้การใช้อารมณ์และโทนการสื่อสารของผู้ใช้ โดยโมเดลใหม่นี้จะออกมาให้ผู้ใช้กลุ่มเล็ก ๆ ได้ทดลองใช้ก่อน หลังจากเคยติดปัญหาหลายอย่างช่วงปีที่ผ่านมา โดย GPT-4.5 เป็นโมเดลที่หลายคนรอคอย เนื่องจากคาดว่าจะมีความสามารถที่ล้ำหน้ากว่าเดิม
ในบล็อกโพสต์ของ OpenAI ที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ระบุว่า GPT-4.5 สามารถรับรู้อารมณ์และโทนการสื่อสารของผู้ใช้ได้ดีขึ้น โดยสามารถตอบสนองต่อคำถามหรือบทสนทนาที่มีรายละเอียดและนัยยะแอบแฝงได้อย่างแยบยล ทั้งยังโดดเด่นเป็นพิเศษในงานแชท งานเขียน และการเขียนโค้ด อีกทั้ง OpenAI ยังคาดหวังว่า GPT-4.5 จะสร้าง “ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง” หรือที่เรียกว่า Hallucination น้อยลง เมื่อเทียบกับโมเดลรุ่นก่อน
GPT-4.5 (หรือชื่อรหัส Orion) จะเป็นโมเดลสุดท้ายที่ไม่ใช้ Chain-of-Thought (CoT) ที่ช่วยให้ AI คิดเป็นลำดับขั้นตอนและซับซ้อนขึ้น จากข้อมูลของ Sam Altman พบว่า ในอนาคตโมเดล GPT-4.5 นี้จะถูกรวมเข้ากับโมเดล o3 และจะถูกออกแบบเป็น GPT-5 ที่จะมีความสามารถตอบคำถามได้แบบทันทีแบบโมเดลตระกูล GPT อย่าง GPT-4.5 หรือ GPT-4.0 และจะสามารถใช้ความคิดได้แบบตระกูล o ทั้ง o1 และ o3 พร้อมกับมีฟังก์ชัน Deep Research ให้ใช้งานร่วมไปด้วย
ในช่วงแรกนี้ OpenAI จะเปิดให้ทดลองใช้งาน GPT-4.5 ในรูปแบบ “Research Preview” เฉพาะนักพัฒนาซอฟต์แวร์บางราย และผู้ใช้ ChatGPT Pro ที่จ่ายค่าสมาชิกเดือนละ 200 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น โดยทางบริษัทวางแผนว่าจะนำข้อเสนอแนะจากผู้ใช้กลุ่มแรกมาปรับปรุงตัวโมเดล ก่อนที่จะเปิดให้มีการใช้งานในวงกว้างในระยะถัดไป
ทั้งนี้ การที่ OpenAI ได้มีการจำกัดการใช้งาน ด้าน Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เปิดเผยว่า บริษัทจำเป็นต้องค่อย ๆ ปล่อยอัปเดตโมเดลใหม่ล่าสุดอย่าง GPT-4.5 ออกสู่ตลาดเป็นระยะ ๆ เนื่องจากประสบปัญหา “GPU ไม่พอใช้” ทำให้จำเป็นต้องจำกัดการเข้าถึงในช่วงแรก
Altman ได้โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า GPT-4.5 เป็นโมเดลที่ “ใหญ่” และ “มีค่าใช้จ่ายสูง” จะต้องใช้ GPU เพิ่มอีก “หลักหมื่น” ตัวก่อนที่จะเปิดให้ผู้ใช้ ChatGPT กลุ่มใหญ่เข้าถึงได้ โดยเบื้องต้นจะให้สิทธิผู้สมัครใช้งาน ChatGPT Pro ได้ใช้ก่อน และหลังจากนั้นจึงจะขยายไปยังผู้ใช้ ChatGPT Plus ในสัปดาห์ถัดไป
ความแพงของ GPT-4.5 ส่วนหนึ่งมาจากขนาดที่ใหญ่เป็นพิเศษ โดย OpenAI ตั้งราคาไว้ที่ 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 ล้านโทเคน (ประมาณ 750,000 คำ) สำหรับข้อมูลที่ผู้ใช้อัปโหลดเข้าไปในโมเดล และ 150 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 ล้านโทเคน สำหรับข้อความที่โมเดลสร้างขึ้น ซึ่งถือว่าแพงกว่าโมเดล GPT-4 รุ่นหลัก (GPT-4o) ถึง 30 เท่าในส่วนค่าข้อมูลที่ใส่เข้าไป และ 15 เท่าในส่วนค่าข้อมูลที่โมเดลสร้างออกมา
ทั้งนี้ Altman เคยระบุมาก่อนหน้านี้ว่า ปัญหาขาดแคลนกำลังประมวลผล (Computing Capacity) ทำให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของ OpenAI ต้องล่าช้าออกไป โดยในอนาคต OpenAI หวังว่าจะรับมือกับปัญหานี้ได้ด้วยการพัฒนาชิป AI ของตัวเอง และสร้างเครือข่าย Data Center ขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการเติบโตของโมเดล AI อย่างต่อเนื่อง
หลังจากเปิดตัว ChatGPT ที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดล GPT-3.5 เมื่อปี 2022 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา OpenAI ก็ได้มีอัปเดตโมเดลใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง และมีโมเดลบางเวอร์ชันที่พยายามเลียนแบบกระบวนการคิดของมนุษย์ แต่ก็ต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จากสตาร์ตอัพจีนอย่าง DeepSeek, xAI ของอีลอน มัสก์ ตลอดจน Anthropic ซึ่งต่างก็ออกโมเดล AI ใหม่ ๆ ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ที่มา: OpenAI, Bloomberg, TechCrunch, LinkedIn: Peter Gostev
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney