ศาลปกครองกลางตัดสินเพิกถอนคำสั่งประธาน กสทช. หลังชี้การคัดเลือกเลขาธิการไม่ชอบด้วยกฎหมายเปิดช่อง สุรางคณา วายุภาพ อดีตผู้บริหาร ETDA เอาผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ สะเทือนวงการสื่อสารฯ กระทบความน่าเชื่อถือองค์กรกำกับระดับชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามหนังสือ ลับ ที่ สทช.1001/28240 ลงวันที่ 11 ส.ค.2566 ที่ให้นางสุรางคณา วายุภาพ อดีตผู้บริหารสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. ไม่ได้รับการคัดเลือกนับแต่วันที่มีคำสั่งดังกล่าว ตามที่นางสุรางคณาได้ยื่นฟ้องประธาน กสทช. และ กสทช. ว่าร่วมกันคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช.โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลให้เหตุผลว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติแล้วว่า กสทช. ยังมิได้มีมติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ ขั้นตอน หรือวิธีการเกี่ยวกับการสรรหาหรือการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. และนับตั้งแต่มีการจัดตั้ง กสทช. ขึ้นมา กสทช. ยังมิได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ ขันตอน หรือวิธีการเกี่ยวกับการสรรหา หรือการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 กำหนดไว้
ดังนั้น กสทช.จึงเป็นผู้มีอำนาจในการดำเนินการสรรหาหรือการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. การที่ ประธาน กสทช.ออกประกาศประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคนาคมแห่งชาติ เรื่อง รับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกิจกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ลงวันที่ 17 มี.ค.2566 และกำหนดหลักเกณฑ์ ขันตอน หรือวิธีการเกี่ยวกับการสรรหาหรือการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช.ด้วยตัวเองโดยมิได้รับความเห็นชอบจาก กสทช. หรือตามที่ กสทช.มีมติ จึงเป็นการออกประกาศโดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ อันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น เมื่อคำสั่งของ ประธาน กสทช.ดังกล่าวเป็นผลมาจากการออกประกาศรับสมัครที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ย่อมส่งผลให้คำสั่งที่ให้นางสุรางคณาไม่ได้รับการคัดเลือกดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน
ด้าน นางสุรางคณา กล่าวว่า คำพิพากษานี้อาจนำไปสู่การดำเนินคดีตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญากับประธาน กสทช. ไม่ว่าจะโดยตนเอง หรือโดยบุคคลหรือองค์กรใดก็ตาม โดยขอเวลาศึกษาคำพิพากษาอย่างละเอียดก่อนจะดำเนินการใดๆ เพื่อวางบรรทัดฐานทางกฎหมายให้กับองค์กรสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประเทศให้เป็นระบบและอยู่ในกรอบที่เหมาะสม