อันดับ 2 ของโลก ! คนไทยเชื่อ AI ง่าย จนน่าห่วง เมื่อเทคโนโลยีทำได้ทุกอย่าง แก้อย่างไรก่อนสายเกินไป

ในยุคที่ AI มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในทุก ๆ ปี ปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้มีความสามารถในการทำ และสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมากมายเกินกว่าที่เราจะคาดคิดกัน ซึ่งบางทีอาจจะทำได้ดี และละเอียดมากกว่าที่มนุษย์ทำด้วยซ้ำไป ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูล ตรวจสอบข้อมูล การสร้างวิดีโอ การสร้างภาพ แปลภาษา เป็นนักจิตวิทยาคอยให้คำแนะนำหรือคำปลอบใจ และอื่น ๆ อีกมากมาย 

เพราะเหตุนี้ จึงทำให้ AI นั้นกลายเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่มีบทบาทกับชีวิตประจำวันของเรา และมากไปกว่านั้น AI สามารถช่วยให้หน้าที่การทำงานของเราง่ายขึ้นในแทบทุกอาชีพ และแทบทุกมิติ ทำให้เราสามารถลดเวลาในการทำงาน และยังสามารถลดต้นทุนตัวเม็ดเงิน และการจ้างพนักงานในการทำงานได้อย่างมหาศาล

แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการมาของ AI จะเป็นเรื่องที่ดี เราสามารถให้มันช่วยอะไรเราได้หลายอย่าง แต่เหรียญก็มีสองด้านเสมอ เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย การมาของ AI นั้น ถ้าเราใช้ไม่เป็น ไม่ถูกต้อง ไม่มีวิจารณญาณ และไม่มีจริยธรรม จะทำให้เกิดปัญหาหลาย ๆ อย่างตามมา ไม่ว่าจะเป็นการก็อปปี้ข้อมูลที่มีลิขสิทธิ์มาใช้ (AI copyright) , การใช้ AI ในทางที่ผิด (AI misuse) เช่น การสร้างภาพปลอม  , ข้อมูลที่ผิดพลาด หรือไม่ถูกต้องที่มาจาก AI (AI mistakes) และการที่ AI มาแทนที่งานบางงาน (Job replacement) 

ล่าสุดในงานเสวนา “AI กับจริยธรรมสื่อมวลชน : เมื่ออัลกอริทึมมีอิทธิพลต่อความจริง” ซึ่งจัดโดยสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติและภาคี โดยนายระวี ตะวันธรงน์ กรรมการจริยธรรม สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ได้เปิดรายงานสำคัญของปีนี้ โดยพบว่า ทัศนคติของผู้ชมต่อ AI แตกต่างกันมากในแต่ละภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชมในยุโรป และเอเชีย 

โดยพบประเทศอินเดีย ขึ้นแท่นเป็นอันดับหนึ่งของโลก ที่มีการไว้เนื้อเชื่อใจ เมื่อได้เห็นหรือได้อ่านข่าว หรือข้อมูลที่มาจาก AI ขณะประเทศไทยนั้น พบว่าเป็นประเทศอันดับสองของโลก ตามมาด้วยประเทศอินโดนีเซีย และแอฟริกาใต้ตามลำดับ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนไทยบางกลุ่มนั้นยังไม่มีวิจารณญาณในการรับสารเพียงพอ

นอกจากนี้ ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ยังกล่าวว่า การที่จะใช้หรือชม AI ให้ถูกต้อง ต้องมีวิจารณญาณ และมีจริยธรรมนั้น เป็นเรื่องที่จำเป็น และมีความสำคัญมากต่อคนไทย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในทิศทางของการทำงาน หรืออื่น ๆ และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ในการใช้ AI ตามมาทีหลัง ซึ่งจะต้องมีการวางแผน แก้ไข และดำเนินงานใน 3 ระดับด้วยกัน

• ระดับแรก คือ ระดับประเทศ อาจจะต้องออกกฎหมายมาเพื่อมาควบคุมการใช้ AI ยกตัวอย่างเช่น EU AI Act ที่มีการควบคุมการใช้ AI อย่างเข้มงวด ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยก็เริ่มมีการร่าง Thai AI Act แล้ว 
• ระดับประชาคม โดยการออกนโยบาย รวมถึงแนวปฏิบัติในการสร้าง Best practice และพยายามรักษา Human jobs ไว้เพื่อไม่ให้ AI หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามามีบทบาทหรือเข้ามาแทนที่จนเกิน ซึ่งการแก้ไขปัญหาในระดับประชาคม ควรเป็นทางออกในวันนี้มากที่สุด
• ระดับสุดท้าย ระดับประชาชน ควรที่จะต้องพัฒนาทักษะการใช้ และอยู่กับ AI ให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะสามารถควบคุม และใช้ AI ให้เกิดผลประโยชน์ได้อย่างรอบด้าน และไม่ผิดพลาด และยึดถือจริยธรรมในการใช้ AI ในทางที่ถูกต้องเพื่อรักษาอาชีพ และความน่าเชื่อถือของตัวเองไว้

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่า AI จะพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็ยังคงอยู่ที่ “คน” ถ้าเราใช้มันให้เป็น ใช้อย่างมีจริยธรรม มีวิจารณญาณในการใช้หรือชม และไม่ลืมหน้าที่ของตัวเองในฐานะมนุษย์ที่ต้องคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจอย่างรอบคอบ แล้ว AI ก็จะเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดี ไม่ใช่ภัยที่เราต้องกลัวในอนาคต

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney