
Bitazza Thailand ร่วมมือกับ B2C2 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและขยายบริการในตลาดสถาบัน
“ประเทศไทยคือตลาดที่เติบโตดี ผู้คนให้การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัล และทางหน่วยงานกำกับดูแลก็ปรับตัวอย่างรวดเร็ว”
ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้การยอมรับและเข้าใจในสินทรัพย์ดิจิทัลของไทยเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ๆ ตามคำกล่าวของ David Rogers ซีอีโอของ B2C2 ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกข้างต้นที่ได้ระบุไว้ระหว่างประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับ Bitazza Thailand โบรกเกอร์สินทรัพย์ดิจิทัลของไทยที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจาก ก.ล.ต.
การ Adoption นี้ของตลาดในไทยส่งผลให้ธุรกิจของ Bitazza Thailand สามารถขยายออกไปได้เช่นกัน โดยเมื่อวันอังคารที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา Bitazza เพิ่งประกาศก้าวสำคัญ ครบรอบ 6 ปีที่ให้บริการมาอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญ พร้อมเผยแผนต่อไปของบริษัทที่จะมุ่งขยายออกไปในระดับภูมิภาคอาเซียน ผ่านกลยุทธ์ต่าง ๆ และรวมถึงการประกาศความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก
ย้อนกลับไปในปี 2018 ที่ Bitazza ก่อตั้งขึ้นมา ก่อนที่จะได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Digital Asset Broker จากสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นรายที่ 2 ของประเทศไทยในเดือนธันวาคม ปี 2019
โดยมีวิสัยทัศน์หลักคือการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อประเทศไทยที่จะสามารถเชื่อมโยงระบบการเงินดั้งเดิมเข้ากับเศรษฐกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา Bitazza ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ในประเทศไทย
ธนวัต สุตันติวรคุณ ซีอีโอของ Bitazza Thailand กล่าวว่า “จากจุดเริ่มต้นที่มีคู่เทรดเพียง 5 คู่ ปัจจุบัน Bitazza มีกว่า 120 คู่เทรด มียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันรวม 4.5 ล้านครั้ง และมีปริมาณการซื้อขายสะสม (Total Trading Volume) ตั้งแต่ปี 2019 ถึงปี 2024 กว่า 500,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในปี 2024 เพียงปีเดียว มีปริมาณการซื้อขายกว่า 160,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) กว่า 130%”
หากย้อนกลับไปตั้งแต่ได้รับใบอนุญาต พัฒนาการทางธุรกิจและระบบนิเวศในแต่ละปีของ Bitazza ได้นำเสนอนวัตกรรมและบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ได้แก่
เมื่อวันอังคารที่ 11 ที่ผ่านมา Bitazza ได้ประกาศอีกความร่วมมือสำคัญ คือ ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ B2C2 ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity Provider) รายใหญ่ระดับโลกที่มีบริษัท SBI จากญี่ปุ่นถือหุ้นใหญ่ 90%
ภายใต้ความร่วมมือนี้ B2C2 จะเป็นผู้ให้บริการสภาพคล่องหลักแก่ Bitazza Thailand พร้อมร่วมดำเนินโครงการพัฒนาธุรกิจและการเติบโตในหลายด้าน โดย B2C2 ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่องแบบ Wholesale และใช้รูปแบบ Principal Market Maker คือการใช้เงินทุนของตนเองในการรับความเสี่ยงและเสนอราคา (OTC Trading) ซึ่งต่างจากระบบ Centralized Exchange ทั่วไป ความร่วมมือนี้จะช่วยให้ Bitazza มีสภาพคล่องที่มั่นคง ลดความผันผวนของราคา และมีความเสี่ยงต่ำเนื่องจากไม่ได้พึ่งพาการกู้ยืม (Leverage)
นอกจากนี้ ความร่วมมือนี้จะช่วยให้ Bitazza Thailand สามารถขยายบริการในตลาดสถาบันได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ผ่านบริการสภาพคล่องระดับ Wholesale การจัดการด้านเครดิต และการสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงการในอนาคต
David Rogers กล่าวด้วยว่า “B2C2 เล็งเห็นศักยภาพของประเทศไทยที่มีอัตราการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลสูงเมื่อเทียบกับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต รวมถึงความชัดเจนด้านกฎระเบียบของไทยที่ก้าวหน้ากว่าหลายประเทศ”
“การจับมือกันครั้งนี้เป็นการผสานจุดแข็งระหว่างเงินทุนและเทคโนโลยีสภาพคล่องของ B2C2 เข้ากับฐานลูกค้าและความเชี่ยวชาญในการบริหารงานของบิทาซซ่า เพื่อยกระดับราคาซื้อขายให้ดีขึ้นสำหรับทั้งลูกค้ารายย่อยและสถาบัน รวมไปถึงแผนการขยายธุรกิจร่วมกันไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในอนาคต” David Rogers กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney