
ญี่ปุ่น เปิดตัว “JPYC” Stablecoin เหรียญแรกของโลกที่อ้างอิงค่าเงินเยน พร้อมเปิดให้ซื้อขายอย่างเป็นทางการแล้ว ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เร่งผลักดัน “สินทรัพย์ดิจิทัล” สู่ระบบชำระเงิน นับเป็นก้าวสำคัญที่ทั่วโลกจับตามองญี่ปุ่นในฐานะประเทศที่การใช้เงินสดและบัตรเครดิตยังคงครองบทบาทหลักในโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน
ในแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ JPYC บริษัทผู้ออกเหรียญที่ได้รับอนุญาตเป็นผู้ให้บริการโอนเงินอย่างถูกกฎหมายตามสำนักงานบริการทางการเงินญี่ปุ่น (FSA) ระบุว่า ได้เริ่มออกเหรียญ JPYC พร้อมกับเปิดตัวแพลตฟอร์มเฉพาะสำหรับการซื้อและแลกเหรียญในชื่อ “JPYC EX” ที่สามารถใช้งานบนบล็อกเชนหลักอย่าง Avalanche, Ethereum และ Polygon โดยผู้ใช้งานสามารถซื้อเหรียญบนแพลตฟอร์มหลังจากผ่านขั้นตอนยืนยันตัวตนด้วยบัตร My Number Card ซึ่งเป็นบัตรประชาชนและเอกสารระบุตัวตนทางการของญี่ปุ่น
เหรียญ JPYC ถูกออกแบบให้มีมูลค่าคงที่ในอัตรา 1 เยน = 1 เหรียญ โดยมีการสำรองด้วยเงินฝากธนาคารและพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGBs) ภายใต้กรอบกฎหมาย Payment Services Act ของญี่ปุ่น โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายในการผลักดันให้เหรียญ JPYC มียอดหมุนเวียนแตะ 10 ล้านล้านเยน (ประมาณ 6.54 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในสามปีข้างหน้า พร้อมแผนขยายการรองรับบล็อกเชนเพิ่มเติมและสร้างความร่วมมือกับภาคธุรกิจต่างๆ เพื่อกระตุ้นการใช้งานในวงกว้าง โดยบริษัทระบุว่า จะยังไม่เก็บค่าธรรมเนียมธุรกรรมในช่วงเริ่มต้น
ทั้งนี้มีรายงานว่า หลายบริษัทญี่ปุ่นเริ่มประกาศแผนผนวกเหรียญ JPYC เข้ากับบริการของตนแล้ว เช่น Densan System บริษัทซอฟต์แวร์ฟินเทค กำลังพัฒนาระบบชำระเงินสำหรับร้านค้าปลีกและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่รองรับการใช้เหรียญ JPYC ด้าน Asteria เตรียมเพิ่มฟังก์ชัน JPYC ในซอฟต์แวร์เชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจ รวมถึง HashPort ผู้ให้บริการกระเป๋าคริปโตชั้นนำก็มีแผนรองรับธุรกรรม JPYC ด้วยเช่นกัน
การเปิดตัว JPYC เกิดขึ้นในช่วงที่ญี่ปุ่นกำลังเพิ่มการกำกับดูแลตลาด Stablecoin อย่างเข้มงวดมากขึ้น หลังรัฐบาลได้แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเดือนมิถุนายน 2023 ซึ่งกำหนดให้ผู้ให้บริการที่ต้องการออกหรือบริหารเหรียญ Stablecoin ต้องจดทะเบียนภายใต้ Funds Settlement Act และ Banking Act
Ryozo Himino รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวถึงก้าวสำคัญครั้งนี้ว่า Stablecoin อาจกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในระบบการชำระเงินระดับโลก แทนที่บางส่วนของเงินฝากธนาคาร พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของระบบการเงินยุคใหม่ ซึ่งสะท้อนทิศทางต่อไปของญี่ปุ่นหลังจากนี้
สำนักข่าว Nikkei ระบุเพิ่มเติมว่า ธนาคารขนาดใหญ่ในญี่ปุ่นก็มีแผนที่จะออก Stablecoin เช่นเดียวกัน เช่น SMBC (Sumitomo Mitsui Banking Corporation) ได้ประกาศในเดือนเมษายนว่าจะพัฒนาเหรียญ Stablecoin ของตนร่วมกับ Ava Labs และ Fireblocks ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้อาจช่วยผลักดันสินทรัพย์ดิจิทัลให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่มีประชากรนิยมใช้เงินสด แต่ข้อมูลจากรัฐบาลระบุว่า สัดส่วนการชำระเงินแบบไร้เงินสดของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแตะระดับ 42.8% ในปี 2024 จากเพียง 13.2% ในปี 2010
ขณะที่กระแสสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลกกำลังขยับเข้าสู่ยุคใหม่ “เอเชีย” ได้กลายเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการเคลื่อนไหวด้าน Stablecoin คึกคักที่สุดในโลก หลายประเทศเริ่มออกเหรียญ พร้อมวางกรอบกำกับดูแลเพื่อเตรียมรองรับการใช้เหรียญดิจิทัลที่อ้างอิงค่าเงินตราจริง (Fiat-Backed Stablecoin)
นำโดย สิงคโปร์ ที่มีการกำหนดกรอบการกำกับดูแลชัดเจน เปิดทางให้เหรียญอย่าง XSGD และ USDC ใช้ในระบบการเงินได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ฮ่องกง ออกกฎใหม่รองรับเหรียญที่อ้างอิงค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกง. เกาหลีใต้ อยู่ระหว่างทดสอบใช้ Stablecoin อิงค่าเงินวอนและโครงการเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ขณะที่ จีน เดินหน้าพัฒนา e-CNY และพิจารณาอนุญาตให้ใช้เหรียญที่ผูกกับเงินหยวนในการค้าระหว่างประเทศ
และล่าสุด ญี่ปุ่น ได้สร้างหมุดหมายใหม่ให้ภูมิภาค การเปิดตัว JPYC จึงถือเป็นหมุดหมายสำคัญของญี่ปุ่นในการเดินหน้าสู่ยุคใหม่ที่เข้ามาเป็นทางเลือกในการชำระเงินและการทำธุรกรรมในประเทศและต่างประเทศ และเป็นสัญญาณว่า “เงินเยนดิจิทัล” อาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในอนาคตอันใกล้นี้
ที่มาข้อมูล Reuters , Trading View
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -