
บรรดาบริษัทคริปโตฯ รายใหญ่ออกมาเรียกร้อง ขอให้สหราชอาณาจักร (United Kingdom) จัดตั้งยุทธศาสตร์ระดับชาติสำหรับสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) เพื่อผลักดันการใช้งานและป้องกันไม่ให้ประเทศตกขบวนตามหลังสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยีนี้กำลังปฏิวัติโลกการเงิน
ในจดหมายเปิดผนึกถึง Rachel Reeves รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร ผู้บริหารจากบริษัทคริปโตฯ 30 รายระบุว่า “สหราชอาณาจักรต้องลงมือเดี๋ยวนี้ เพื่อไม่ให้กลายเป็นผู้ตามกฎแทนที่จะเป็นผู้กำหนดกฎในยุคสินทรัพย์ดิจิทัล”
“เพื่อให้สหราชอาณาจักรก้าวขึ้นสู่แถวหน้า เราเชื่อว่าต้องมียุทธศาสตร์เชิงรุกที่บูรณาการเป็นหนึ่งเดียว มองสเตเบิลคอยน์ไม่ใช่ภัยคุกคามที่ต้องควบคุม แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่ควรถูกยอมรับอย่างมีความรับผิดชอบ” เหล่าผู้บริหารระบุในจดหมาย
สเตเบิลคอยน์ คือ คริปโตเคอร์เรนซีประเภทหนึ่งที่มีมูลค่าผูกกับสกุลเงินที่รัฐบาลหนุนหลัง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันมีหลายโทเคนที่ออกใช้แล้ว โดยที่รู้จักกันมากที่สุดคือ Tether (USDT) และ USD Coin (USDC) ซึ่งทั้งคู่ผูกกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
ตามข้อมูลของ CoinGecko มูลค่าตลาดรวมของสเตเบิลคอยน์ทะลุ 280,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ถ้ามองเฉพาะที่ผูกกับเงินปอนด์อังกฤษ มูลค่ารวมยังมีเพียง 461,224 ปอนด์ หรือราว 621,197 ดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้น
จากรายงานของ CNBC อธิบายว่า คนในวงการคริปโตฯ แสดงความกังวลว่าจุดยืนของสหราชอาณาจักรต่อสเตเบิลคอยน์ อาจทำให้อุตสาหกรรมนี้รวมถึงภาคการเงินของประเทศเสียเปรียบประเทศอื่น
สิ่งที่น่าห่วงคือ นิยามทางกฎหมายของสหราชอาณาจักรที่เรียกสเตเบิลคอยน์ว่า “สินทรัพย์คริปโตฯ ที่อ้างอิงกับสกุลเงิน” (Crypto-assets with reference to fiat currency) ซึ่งผู้ประกอบการมองว่าเป็นการนิยามที่เน้นรูปแบบมากกว่าหน้าที่
“มันเหมือนกับการนิยามเช็คว่าเป็นกระดาษที่อ้างอิงกับเงิน ทั้งที่จริง ๆ แล้วเช็คคือเครื่องมือชำระเงินที่ผู้ออกมีการกำกับดูแล” ข้อความอธิบายในจดหมายเปิดผนึก
นอกจากนี้ ผู้ลงนามในจดหมายยังระบุว่า หากสหราชอาณาจักรมียุทธศาสตร์สเตเบิลคอยน์แห่งชาติ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ประเทศในฐานะศูนย์กลางการเงินโลก เปิดโอกาสสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมและการแลกเปลี่ยนเงินตรา รวมถึงกระตุ้นความต้องการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลผ่านช่องทางดิจิทัลใหม่ ๆ
โดยผู้บริหารที่ร่วมลงนามมีทั้งจาก Coinbase, Kraken, Copper, Fireblocks, BitGo และ VanEck
อย่างไรก็ตาม สเตเบิลคอยน์ก็มีประเด็นที่น่ากังวลอยู่ ยกตัวอย่างในปี 2022 ที่ทาง Terra และ Luna ล่มสลายจนมูลค่ากลายเป็นศูนย์ หลังเทคโนโลยีพื้นฐานล้มเหลว ส่งผลให้ USDT หลุดค่าที่ผูกดอลลาร์ชั่วคราว ลงต่ำกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐ แม้ปัจจุบันกลับมาอยู่ที่ 1 ดอลลาร์แล้วก็ตาม
ทั้งนี้ ทางกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร ยังไม่ได้ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ตามที่สำนักข่าว CNBC ขอสัมภาษณ์และมีการรายงานข่าวนี้ออกมา
ด้านนักวิเคราะห์ Daragh Maher หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ HSBC แสดงความเห็นว่า สเตเบิลคอยน์อาจช่วยเชื่อมโลกการเงินดั้งเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้ “พูดง่าย ๆ มันคือเงินสดดิจิทัล สเตเบิลคอยน์คือสกุลอ้างอิงสำหรับแทบทุกคริปโตฯ และยังสามารถใช้โอนเงินผ่านบล็อกเชนแทนระบบธนาคารแบบเดิมได้” Maher กล่าว
แต่เขาย้ำว่า อุปสรรคสำคัญที่สุดยังคงเป็นเรื่องกฎเกณฑ์ “กุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของสเตเบิลคอยน์ คือการสร้างสภาพแวดล้อมกำกับดูแลที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมนี้”
ที่มา: CNBC
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney