วงการคริปโตฯ กดดัน UK ถ้าไม่เร่งวางยุทธศาสตร์ชาติ Stablecoin อาจเสียบัลลังก์ศูนย์กลางการเงินโลก

Tech & Innovation

Digital Assets

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

วงการคริปโตฯ กดดัน UK ถ้าไม่เร่งวางยุทธศาสตร์ชาติ Stablecoin อาจเสียบัลลังก์ศูนย์กลางการเงินโลก

Date Time: 21 ส.ค. 2568 16:33 น.

Video

SAWAKAMI บลจ.ญี่ปุ่นบุกไทย | BrandStory Exclusive EP.26

Summary

บริษัทคริปโตฯ รายใหญ่รวมตัวเรียกร้องให้สหราชอาณาจักร ปั้นให้มียุทธศาสตร์ชาติด้านสเตเบิลคอยน์ เพื่อช่วยยกระดับให้ประเทศตามทันสหรัฐอเมริกา และช่วยผลักดันให้เกิดการใช้งานที่เหมาะสมในประเทศ

Latest


บรรดาบริษัทคริปโตฯ รายใหญ่ออกมาเรียกร้อง ขอให้สหราชอาณาจักร (United Kingdom) จัดตั้งยุทธศาสตร์ระดับชาติสำหรับสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) เพื่อผลักดันการใช้งานและป้องกันไม่ให้ประเทศตกขบวนตามหลังสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยีนี้กำลังปฏิวัติโลกการเงิน

ในจดหมายเปิดผนึกถึง Rachel Reeves รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร ผู้บริหารจากบริษัทคริปโตฯ 30 รายระบุว่า “สหราชอาณาจักรต้องลงมือเดี๋ยวนี้ เพื่อไม่ให้กลายเป็นผู้ตามกฎแทนที่จะเป็นผู้กำหนดกฎในยุคสินทรัพย์ดิจิทัล”

“เพื่อให้สหราชอาณาจักรก้าวขึ้นสู่แถวหน้า เราเชื่อว่าต้องมียุทธศาสตร์เชิงรุกที่บูรณาการเป็นหนึ่งเดียว มองสเตเบิลคอยน์ไม่ใช่ภัยคุกคามที่ต้องควบคุม แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่ควรถูกยอมรับอย่างมีความรับผิดชอบ” เหล่าผู้บริหารระบุในจดหมาย

สเตเบิลคอยน์ คือ คริปโตเคอร์เรนซีประเภทหนึ่งที่มีมูลค่าผูกกับสกุลเงินที่รัฐบาลหนุนหลัง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันมีหลายโทเคนที่ออกใช้แล้ว โดยที่รู้จักกันมากที่สุดคือ Tether (USDT) และ USD Coin (USDC) ซึ่งทั้งคู่ผูกกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

ตามข้อมูลของ CoinGecko มูลค่าตลาดรวมของสเตเบิลคอยน์ทะลุ 280,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ถ้ามองเฉพาะที่ผูกกับเงินปอนด์อังกฤษ มูลค่ารวมยังมีเพียง 461,224 ปอนด์ หรือราว 621,197 ดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้น


ทำไมผู้เล่นวงการคริปโตฯ ถึงเรียกร้องสหราชอาณาจักร?

จากรายงานของ CNBC อธิบายว่า คนในวงการคริปโตฯ แสดงความกังวลว่าจุดยืนของสหราชอาณาจักรต่อสเตเบิลคอยน์ อาจทำให้อุตสาหกรรมนี้รวมถึงภาคการเงินของประเทศเสียเปรียบประเทศอื่น

สิ่งที่น่าห่วงคือ นิยามทางกฎหมายของสหราชอาณาจักรที่เรียกสเตเบิลคอยน์ว่า “สินทรัพย์คริปโตฯ ที่อ้างอิงกับสกุลเงิน” (Crypto-assets with reference to fiat currency) ซึ่งผู้ประกอบการมองว่าเป็นการนิยามที่เน้นรูปแบบมากกว่าหน้าที่

“มันเหมือนกับการนิยามเช็คว่าเป็นกระดาษที่อ้างอิงกับเงิน ทั้งที่จริง ๆ แล้วเช็คคือเครื่องมือชำระเงินที่ผู้ออกมีการกำกับดูแล” ข้อความอธิบายในจดหมายเปิดผนึก

นอกจากนี้ ผู้ลงนามในจดหมายยังระบุว่า หากสหราชอาณาจักรมียุทธศาสตร์สเตเบิลคอยน์แห่งชาติ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ประเทศในฐานะศูนย์กลางการเงินโลก เปิดโอกาสสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมและการแลกเปลี่ยนเงินตรา รวมถึงกระตุ้นความต้องการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลผ่านช่องทางดิจิทัลใหม่ ๆ

โดยผู้บริหารที่ร่วมลงนามมีทั้งจาก Coinbase, Kraken, Copper, Fireblocks, BitGo และ VanEck

อย่างไรก็ตาม สเตเบิลคอยน์ก็มีประเด็นที่น่ากังวลอยู่ ยกตัวอย่างในปี 2022 ที่ทาง Terra และ Luna ล่มสลายจนมูลค่ากลายเป็นศูนย์ หลังเทคโนโลยีพื้นฐานล้มเหลว ส่งผลให้ USDT หลุดค่าที่ผูกดอลลาร์ชั่วคราว ลงต่ำกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐ แม้ปัจจุบันกลับมาอยู่ที่ 1 ดอลลาร์แล้วก็ตาม

ทั้งนี้ ทางกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร ยังไม่ได้ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ตามที่สำนักข่าว CNBC ขอสัมภาษณ์และมีการรายงานข่าวนี้ออกมา

ด้านนักวิเคราะห์ Daragh Maher หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ HSBC แสดงความเห็นว่า สเตเบิลคอยน์อาจช่วยเชื่อมโลกการเงินดั้งเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้ “พูดง่าย ๆ มันคือเงินสดดิจิทัล สเตเบิลคอยน์คือสกุลอ้างอิงสำหรับแทบทุกคริปโตฯ และยังสามารถใช้โอนเงินผ่านบล็อกเชนแทนระบบธนาคารแบบเดิมได้” Maher กล่าว

แต่เขาย้ำว่า อุปสรรคสำคัญที่สุดยังคงเป็นเรื่องกฎเกณฑ์ “กุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของสเตเบิลคอยน์ คือการสร้างสภาพแวดล้อมกำกับดูแลที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมนี้”


ที่มา: CNBC


ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ