
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการ Sandbox ใหม่ ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทางเลือกในการใช้จ่ายให้กับ นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่ถือครอง สินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Bitcoin, Ethereum หรือเหรียญอื่น ๆ
โดยไอเดียหลักของเรื่องนี้ คือ ให้นักท่องเที่ยวสามารถ แลกสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาท ผ่านแพลตฟอร์มที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล และใช้จ่ายเงินบาทนั้นในประเทศไทยผ่าน ผู้ให้บริการ e-Money เช่น สแกน QR code จ่ายค่าสินค้า/บริการตามร้านค้าทั่วไปได้ทันที
สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน Sandbox นี้
เบื้องต้น ก.ล.ต. เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถแลกคริปโตเป็นเงินบาทได้
เงินบาทที่แลกมา จะถูกนำไปใช้ผ่านระบบ e-Money (เช่น แอปฯ จ่ายเงินในไทย)
ไม่สามารถนำคริปโตฯ ไปใช้จ่ายตรงกับร้านค้าได้ (Means of Payment ) ต้องแลกเป็นเงินบาทก่อนเท่านั้น
ระบบนี้อยู่ภายใต้ การทดสอบ (Sandbox) ที่ควบคุมโดย ก.ล.ต. และ ธปท.
แล้วนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องทำอะไรบ้าง?
เปิดบัญชี กับผู้ให้บริการคริปโตฯ ที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. (Exchange / Broker / Dealer)
ทำ KYC / CDD หรือการยืนยันตัวตนตามมาตรฐานของสำนักงาน ปปง.
แลกเหรียญดิจิทัล (Crypto) เป็นเงินบาท ผ่านระบบที่ถูกต้อง
เงินบาทจะถูกโอนเข้าระบบ e-Money ที่เชื่อมกับผู้ให้บริการในไทย
ใช้จ่ายได้เลยผ่านการสแกน QR code หรือแอปฯ ชำระเงินต่าง ๆ ที่รองรับ
ใครสามารถเข้าร่วม Sandbox ได้บ้าง?
ต้องเป็น ผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ได้แก่ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) นายหน้าซื้อขาย (Broker) และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Dealer)
ทั้งหมดต้องมีความพร้อมเชื่อมต่อกับระบบของผู้ให้บริการ e-Money ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ธปท.
หลักเกณฑ์สำคัญของ Sandbox
ต้องมีระบบ Know Your Customer (KYC) / Customer Due Diligence (CDD) ที่แม่นยำ
ตรวจสอบ แหล่งที่มาของสินทรัพย์ดิจิทัล ที่นำมาแลก
มีการเก็บข้อมูลธุรกรรม และรายงานต่อ ก.ล.ต. อย่างสม่ำเสมอ
ระยะเวลาทดสอบอยู่ที่ ไม่เกิน 18 เดือน (แต่ขยายเวลาได้ในบางกรณี)
ต้องมีแผนการออกจาก Sandbox ที่ชัดเจน เพื่อป้องกันผลกระทบหลังจบทดลอง