
Tether ผู้ออก "USDT" เหรียญ Stablecoin รายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทถือครองทองคำเกือบ 80 ตันหรือราว 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยในห้องเก็บทองของตัวเองในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเผยอีกว่าจะเพิ่มปริมาณการถือครองทองคำให้มากยิ่งขึ้นอีกหลังจากนี้
ที่ผ่านมา Tether เป็นที่รู้จักกันดีว่าเชื่อมโยงกับทองคำ โดยบริษัทได้ออกโทเคนทองคำภายใต้ชื่อ “Tether Gold” หรือ XAUT ซึ่งแต่ละเหรียญมีทองคำหนุนหลัง 1 ออนซ์ และสามารถแลกเปลี่ยนเป็นทองคำจริงได้ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยปัจจุบัน XAUT ที่ออกแล้วนั้นมีมูลค่าเทียบเท่าทองคำประมาณ 7.7 ตัน หรือราว 819 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังถือว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับ ETF ทองคำที่มีสภาพคล่องสูง ซึ่งกองใหญ่ที่สุดถือทองมากถึงเกือบ 950 ตัน
ทั้งนี้ Tether ถือครองทองคำโดยตรงเกือบทั้งหมดจากสต็อกทองราว 80 ตันนั้นอยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่ UBS Group AG หนึ่งในธนาคารที่ค้าทองรายใหญ่ของโลกถือครองอยู่ อย่างไรก็ตามแม้ว่าทองคำจะคิดเป็นเพียง 5% ของพอร์ตเงินสำรองรวม 112,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐของบริษัท ตามรายงานตรวจสอบงบการเงินเดือนมีนาคม แต่ก็เป็นสัญญาณว่า Tether เริ่มขยับจากการพึ่งพาสินทรัพย์สกุลเงินเพียงอย่างเดียว
Paolo Ardoino ซีอีโอของ Tether กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สามารถป้องกันความผันผวนของค่าเงินหรือกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงได้ โดยเขาระบุว่า “ท้ายที่สุด หากผู้คนเริ่มกังวลเรื่องหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น พวกเขาอาจเริ่มมองหาทางเลือกอื่น”
โดยช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางทุกแห่งในประเทศกลุ่ม BRICS กำลังซื้อทองคำ ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้น ขณะที่ J.P. Morgan รายงานว่า ราคาทองคำที่พุ่งขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้รับแรงหนุนจากการซื้อสะสมของธนาคารกลาง และความสนใจในกองทุน ETF ทองคำที่กลับมาอีกครั้ง
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า การตัดสินใจตั้งห้องเก็บทองของตัวเองแทนการใช้บริการของผู้ให้บริการเก็บทองแบบดั้งเดิม เพราะ การลดต้นทุนค่าดูแลทองคำที่ผู้ให้บริการรับฝากเรียกเก็บในอัตราที่ค่อนข้างสูง ซึ่งหากมูลค่าของโทเคนทองคำของ Tether เติบโตถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ ค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้ผู้ดูแลทองคำในอัตรา 0.5% ก็จะสูงมาก
แม้จะมีการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาด Stablecoin แต่ก็กำลังเผชิญแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก โดยเฉพาะ Tether ที่มักถูกจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากขนาดตลาดที่ใหญ่มาก และข้อสงสัยในอดีตเกี่ยวกับสถานะเงินสำรองของบริษัท ซึ่งถูกจับตาว่า Stablecoin อาจกลายเป็นช่องทางในการเคลื่อนย้ายเงินจำนวนมหาศาลโดยหลีกเลี่ยงระบบธนาคารแบบดั้งเดิม
กฎระเบียบใหม่ในยุโรปและร่างกฎหมายในสหรัฐฯ ได้ออกข้อกำหนดชัดเจนว่า สินทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกัน Stablecoin ต้องเป็น “เงินสดหรือสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสด” เช่น พันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าทองคำและสินทรัพย์ทางเลือกอื่นอาจไม่ได้รับอนุญาต หาก Tether ต้องการขออนุญาตดำเนินการในตลาดเหล่านั้น บริษัทอาจจำเป็นต้องขายทองคำที่ถือไว้เพื่อรองรับ USDT
โดยล่าสุด USDT ซึ่งเป็นเหรียญ Stablecoin หลักของ Tether มีมูลค่าตลาดแตะ 159,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเดือนที่ผ่านมา คิดเป็น 62.43% ของตลาด Stablecoin ทั้งหมดซึ่งมีขนาดราว 255,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การถือครองทองคำจำนวนมหาศาลโดยตรง ไม่ผ่านกองทุน และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างห้องเก็บทองส่วนตัว ทำให้ Tether ไม่ได้เป็นเพียงผู้เล่นในตลาดคริปโตอีกต่อไป แต่เริ่มมีบทบาทสำคัญในตลาดโลหะที่มีมูลค่าระดับโลก
โดยขณะนี้ Tether กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือครองทองคำรายใหญ่ของโลก นอกเหนือจากธนาคารและรัฐบาลประเทศต่างๆ แม้ยังห่างจากระดับประเทศ แต่หากรวมเฉพาะบริษัทเอกชน Tether จะติดอันดับต้นๆ ของโลก ในหมู่ผู้ถือทองนอกเหนือจากธนาคารและรัฐ ซึ่งสถานะที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การเมืองและอนาคตของสินทรัพย์ทางเลือกในยุคที่ความเชื่อมั่นต่อเงินสกุลหลักเริ่มสั่นคลอน
อ้างอิงข้อมูล Bloomberg
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -