ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Bitcoin อาจถูกมองว่าเป็นเพียง “สินทรัพย์เก็งกำไร” ที่มีราคาขึ้นลงรุนแรง และเหมาะสำหรับนักลงทุนสายเทรดมากกว่านักลงทุนสายอนุรักษ์นิยม แต่ปัจจุบัน ภาพนั้นเริ่มเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อเงินทุนจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่เริ่มไหลเข้ามา รัฐบาลบางแห่งเริ่มออกนโยบายสะสม Bitcoin ไว้เป็นทุนสำรอง และภาคเอกชนก็เริ่มพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรอบสินทรัพย์ดิจิทัลนี้อย่างจริงจัง Bitcoin จึงไม่ได้เป็นเพียง “ทางเลือก” อีกต่อไป แต่กำลังก้าวขึ้นมาเป็น “องค์ประกอบ” สำคัญในระบบการเงินโลกยุคใหม่
เปิด 5 สัญญาณสำคัญที่สรุปจากการวิเคราะห์เชิงลึกของ Merkle Capital ที่บ่งชี้ว่าโลกการเงินกำลังเปลี่ยนและ Bitcoin กำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ราคาของ Bitcoin มีความผันผวนลดลงและมีเสถียรภาพมากขึ้น แม้จะมีการปรับฐานลง แต่ก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และได้รับแรงหนุนจากเงินทุนใหม่ที่ไหลเข้าสู่ตลาดคริปโทฯ กว่า 19 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายน
สิ่งที่น่าสนใจคือ ความสัมพันธ์ระหว่าง Bitcoin กับดัชนี S&P 500 และราคาทองคำเริ่มลดลง บ่งชี้ว่า Bitcoin กำลังสร้างสถานะของตัวเองในฐานะ "Store of Value" หรือสินทรัพย์เก็บรักษามูลค่าที่แยกตัวออกมาจากตลาดหุ้นและทองคำอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ
จากภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ Bitcoin ถูกมองว่าเป็น "สินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ" ที่โดดเด่น ด้วยคุณสมบัติที่จำกัดจำนวน (ความขาดแคลน) ความโปร่งใส และการกระจายศูนย์กลาง
ความเชื่อมั่นนี้สะท้อนได้จาก เงินทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน Spot Bitcoin ETF อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ iShares Bitcoin Trust (IBIT) ของ BlackRock ที่มีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารกว่า 51 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.86 ล้านล้านบาท)
แนวคิด "ทุนสำรอง Bitcoin ระดับรัฐ" กำลังเป็นรูปเป็นร่าง รัฐนิวแฮมป์เชียร์ของสหรัฐฯ ได้ผ่านกฎหมายที่อนุญาตให้ลงทุนใน Bitcoin ได้สูงสุด 5% ของกองทุนสาธารณะ ขณะที่รัฐอื่นๆ เช่น แอริโซนา และเท็กซัส ก็กำลังศึกษาแนวทางที่คล้ายกัน
นอกจากนี้ ยังมีการเสนอ พันธบัตรที่เชื่อมโยงกับ Bitcoin (BitBonds) โดยบริษัทใหญ่อย่าง VanEck และ Strive Asset Management รวมถึงแนวคิด "Bitcoin Strategic Reserve" ที่ได้รับการสนับสนุนจากบุคคลสำคัญในคณะบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์
ในภาคเอกชน MicroStrategy ยังคงเป็นผู้นำในการถือครอง Bitcoin โดยล่าสุดมี Bitcoin ในครอบครองกว่า 555,450 BTC และมีแผนเพิ่มการถือครองอย่างต่อเนื่อง บริษัทหน้าใหม่อย่าง TwentyOne Capital ก็เริ่มเข้าสู่ตลาดด้วยกลยุทธ์ที่คล้ายกัน
การเติบโตของ Stablecoin และการโทเคนไนซ์สินทรัพย์ (Asset Tokenization) ที่คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 รวมถึงแผนของ BlackRock ในการนำพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มาจัดเก็บบนบล็อกเชน ล้วนเป็นสัญญาณบวกต่อระบบนิเวศของสินทรัพย์ดิจิทัล
แม้จะยังมีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจมหภาค แต่ด้วยแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และนโยบายลดภาษีของรัฐบาล ก็อาจส่งผลให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึง Bitcoin ได้รับแรงหนุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2025
ทีมวิเคราะห์ของ Merkle Capital มองว่า สัญญาณเชิงบวกที่เห็นในปัจจุบัน ทั้งจากราคาที่เสถียรขึ้น การลงทุนจากสถาบัน การสนับสนุนจากนโยบาย และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้น กำลังนำ Bitcoin เข้าสู่ "ช่วงวัยผู้ใหญ่" ในระบบการเงินโลก
มีความเป็นไปได้สูงที่ Bitcoin จะทำจุดสูงสุดใหม่ (All-Time High) ได้ภายในปีนี้ โดยมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 130,000 ดอลลาร์
ดังคำกล่าวของไมเคิล เซเลอร์ ที่ว่า: "คุณไม่ได้ลงทุนใน Bitcoin เพื่อให้รวยขึ้น คุณลงทุนใน Bitcoin เพื่อรักษาความมั่งคั่งของคุณไว้"