
Sustainability Expo 2025 (SX2025) งานมหกรรมด้านความยั่งยืนที่จัดขึ้นในปี 2568 หนึ่งในหัวข้อเสวนา “The Future-Proof Paradigm : เส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน” ที่จัดขึ้นในวันที่ 3 ต.ค. 2568 โดย ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ได้พูดถึงวิสัยทัศน์และแนวทางการทำงาน นับตั้งแต่รุ่นก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน โดยมีใจความสำคัญว่า สิ่งที่สร้างและทิ้งไว้จะต้องเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์กับสังคม
“โครงการหนึ่งอาจจะใช้เวลาสร้างแค่ 3-5 ปี แต่ต้องทำให้อยู่ได้นาน 30 ปี 50 ปี หรือมากกว่านั้น อย่าง One Bangkok เหมือนเราคลอดมาแล้ว ต้องเลี้ยงดูให้เติบโต” ปณต สิริวัฒนภักดี กล่าว
ไฮไลต์สำคัญในการอภิปรายครั้งนี้คือ แง่มุมด้านสิ่งแวดล้อมจากคนทำห้าง เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นภาคส่วนที่ใช้ทรัพยากรจำนวนมาก และสร้างผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงเกิดเป็นความท้าทายของผู้พัฒนา
การดำเนินงานด้านความยั่งยืนไม่ใช่ค่าใช้จ่ายส่วนเกิน แต่คือค่าลดความเสี่ยง เพราะในการพัฒนาอสังหาฯ ส่วนที่เห็นเป็นการตกแต่งที่สวยงามเป็นเพียง 30% ของมูลค่าเท่านั้น อีก 70% คือเรื่องของการบริหารจัดการ เช่น การใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์, การดูแลรักษาให้คงอยู่ในระยะยาว ปณต สิริวัฒนภักดี กล่าว
จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องคำนึงถึงการบริหารจัดการทรัพยากร และตระหนักรู้ถึงความรับผิดชอบในสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ปณตได้เน้นย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมระดับกระบวนทัศน์ต้องเร่งทำทันที
ต่อมาในหัวข้อเสวนา “Sufficiency in city development : private & public sector undertaking” ซึ่งเป็นการอภิปรายจาก 3 ภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการเงิน ได้แก่ อุรเสฏฐ นาวานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานลงทุน โครงการ วัน แบงค็อก, พรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนกรุงเทพมหานคร รวมถึง ดร.จิระวัฒน์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
พรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพฯ มักถูกจัดอันดับว่าเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางทั่วโลกอยู่เสมอ อย่างในปี 2566 กรุงเทพฯ ติดอันดับ 1 เมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดในโลก สะท้อนถึงศักยภาพของกรุงเทพในฐานะการเป็นเมืองที่น่าอยู่
แต่ความท้าทายสำคัญของกรุงเทพฯ คือ การเพิ่มพื้นที่สีเขียว และสร้างการตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมโดยทั่วกัน อย่างนโยบายสวน 15 นาที เป็นความมุ่งมั่นของกรุงเทพมหานครที่ต้องการให้ผู้คนเข้าถึงพื้นที่สีเขียวได้อย่างสะดวกสบาย อย่างไรก็ตามกรุงเทพฯ มีความตั้งใจที่จะสร้างสวนที่ดีเข้าถึงง่าย และกระจายไปทุกเขต ไม่เพียงแต่ในใจกลางเมืองเท่านั้น
ในด้าน อุรเสฏฐ นาวานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานลงทุน โครงการ วัน แบงค็อก ให้ความเห็นว่า เมืองที่ดีต้องมีโครงการที่ดีตั้งอยู่ เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และพัฒนาศักยภาพประชาชนอย่างยั่งยืน โดยในคำจำกัดความของโครงการที่ดี คือ โครงการต้องสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเมือง และสามารถสมดุลระหว่างผลตอบแทนและการรับผิดชอบต่อสังคม
ฝั่งภาคการเงิน ดร.จิระวัฒน์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะสถาบันการเงินสามารถสนับสนุนประเด็นสิ่งแวดล้อมได้ผ่าน “Green Finance” กล่าวคือ การออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นบทบาทที่ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งให้ความสำคัญอย่างมากในขณะนี้
สอดคล้องกับทาง One Bangkok กล่าวว่า เหล่าบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุน หรือเช่าระยะยาว ให้ความสำคัญกับ อาคารสีเขียว หรือ Green Building เป็นอันดับแรก ๆ ในการประเมินทางธุรกิจ เนื่องจากสะท้อนถึงการมีศักยภาพในการปรับตัวสอดรับกับสถานการณ์
อีกทั้งการปรับโครงสร้างเพื่อสิ่งแวดล้อม แม้ว่าจะเป็นการลงทุนที่สูง แต่ในระยะยาวสามารถลดค่าใช้จ่าย และค่าบำรุงรักษาได้มากกว่า
สุดท้ายแล้วทั้ง 3 ฝ่ายได้ให้ความเห็นตรงกันว่า ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายต้องดำเนินการร่วมกัน และไม่ได้มองว่า การขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมคือ Mega Project แต่เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องดำเนินการร่วมกันแบบ Step by Step ในทุกวันเพื่อยกระดับเชิงโครงสร้าง และขับเคลื่อนประเทศในระยะยาว
ติดตามข่าวสารด้าน Sustainability ได้ที่นี่ https://www.thairath.co.th/money/sustainability
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney