One Bangkok - กทม. - ธ.กรุงเทพ ปั้น “กรุงเทพฯ เมืองน่าอยู่” ย้ำแนวคิดธุรกิจไม่เป็นพิษสิ่งแวดล้อม

Sustainability

ESG Strategy

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

One Bangkok - กทม. - ธ.กรุงเทพ ปั้น “กรุงเทพฯ เมืองน่าอยู่” ย้ำแนวคิดธุรกิจไม่เป็นพิษสิ่งแวดล้อม

Date Time: 7 ต.ค. 2568 11:56 น.

Video

Broadcom ทำธุรกิจแบบไหน? ถึงกลายเป็น “ผู้ควบคุมนวัตกรรม” แห่งยุค AI | Digital Frontiers EP.49

Summary

วัน แบงค็อก - กรุงเทพมหานคร - ธนาคารกรุงเทพ ร่วมเสวนาผ่าน Sustainability Expo 2025 ทั้ง 3 ฝ่าย ชี้ กรุงเทพฯ มีศักยภาพในฐานะ “เมืองน่าอยู่” แต่สิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงทั้งกระบวนทัศน์

Latest


Sustainability Expo 2025 (SX2025) งานมหกรรมด้านความยั่งยืนที่จัดขึ้นในปี 2568 หนึ่งในหัวข้อเสวนา “The Future-Proof Paradigm : เส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน” ที่จัดขึ้นในวันที่ 3 ต.ค. 2568 โดย ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ได้พูดถึงวิสัยทัศน์และแนวทางการทำงาน นับตั้งแต่รุ่นก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน โดยมีใจความสำคัญว่า สิ่งที่สร้างและทิ้งไว้จะต้องเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์กับสังคม

“โครงการหนึ่งอาจจะใช้เวลาสร้างแค่ 3-5 ปี แต่ต้องทำให้อยู่ได้นาน 30 ปี 50 ปี หรือมากกว่านั้น อย่าง One Bangkok เหมือนเราคลอดมาแล้ว ต้องเลี้ยงดูให้เติบโต” ปณต สิริวัฒนภักดี กล่าว

ปอดขนาดใหญ่ใจกลางเมือง - วลีสำคัญเมื่อห้างและสิ่งแวดล้อมต้องไปควบคู่กัน

ไฮไลต์สำคัญในการอภิปรายครั้งนี้คือ แง่มุมด้านสิ่งแวดล้อมจากคนทำห้าง เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นภาคส่วนที่ใช้ทรัพยากรจำนวนมาก และสร้างผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงเกิดเป็นความท้าทายของผู้พัฒนา

การดำเนินงานด้านความยั่งยืนไม่ใช่ค่าใช้จ่ายส่วนเกิน แต่คือค่าลดความเสี่ยง เพราะในการพัฒนาอสังหาฯ ส่วนที่เห็นเป็นการตกแต่งที่สวยงามเป็นเพียง 30% ของมูลค่าเท่านั้น อีก 70% คือเรื่องของการบริหารจัดการ เช่น การใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์, การดูแลรักษาให้คงอยู่ในระยะยาว ปณต สิริวัฒนภักดี กล่าว

จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องคำนึงถึงการบริหารจัดการทรัพยากร และตระหนักรู้ถึงความรับผิดชอบในสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ปณตได้เน้นย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมระดับกระบวนทัศน์ต้องเร่งทำทันที

ต่อมาในหัวข้อเสวนา “Sufficiency in city development : private & public sector undertaking” ซึ่งเป็นการอภิปรายจาก 3 ภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการเงิน ได้แก่ อุรเสฏฐ นาวานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานลงทุน โครงการ วัน แบงค็อก, พรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนกรุงเทพมหานคร รวมถึง ดร.จิระวัฒน์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

“กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่” จากปากทั้ง 3 ฝ่าย

พรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพฯ มักถูกจัดอันดับว่าเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางทั่วโลกอยู่เสมอ อย่างในปี 2566 กรุงเทพฯ ติดอันดับ 1 เมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดในโลก สะท้อนถึงศักยภาพของกรุงเทพในฐานะการเป็นเมืองที่น่าอยู่

แต่ความท้าทายสำคัญของกรุงเทพฯ คือ การเพิ่มพื้นที่สีเขียว และสร้างการตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมโดยทั่วกัน อย่างนโยบายสวน 15 นาที เป็นความมุ่งมั่นของกรุงเทพมหานครที่ต้องการให้ผู้คนเข้าถึงพื้นที่สีเขียวได้อย่างสะดวกสบาย อย่างไรก็ตามกรุงเทพฯ มีความตั้งใจที่จะสร้างสวนที่ดีเข้าถึงง่าย และกระจายไปทุกเขต ไม่เพียงแต่ในใจกลางเมืองเท่านั้น

ในด้าน อุรเสฏฐ นาวานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานลงทุน โครงการ วัน แบงค็อก ให้ความเห็นว่า เมืองที่ดีต้องมีโครงการที่ดีตั้งอยู่ เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และพัฒนาศักยภาพประชาชนอย่างยั่งยืน โดยในคำจำกัดความของโครงการที่ดี คือ โครงการต้องสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเมือง และสามารถสมดุลระหว่างผลตอบแทนและการรับผิดชอบต่อสังคม

ฝั่งภาคการเงิน ดร.จิระวัฒน์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะสถาบันการเงินสามารถสนับสนุนประเด็นสิ่งแวดล้อมได้ผ่าน “Green Finance” กล่าวคือ การออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นบทบาทที่ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งให้ความสำคัญอย่างมากในขณะนี้

สอดคล้องกับทาง One Bangkok กล่าวว่า เหล่าบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุน หรือเช่าระยะยาว ให้ความสำคัญกับ อาคารสีเขียว หรือ Green Building เป็นอันดับแรก ๆ ในการประเมินทางธุรกิจ เนื่องจากสะท้อนถึงการมีศักยภาพในการปรับตัวสอดรับกับสถานการณ์ 

อีกทั้งการปรับโครงสร้างเพื่อสิ่งแวดล้อม แม้ว่าจะเป็นการลงทุนที่สูง แต่ในระยะยาวสามารถลดค่าใช้จ่าย และค่าบำรุงรักษาได้มากกว่า

สุดท้ายแล้วทั้ง 3 ฝ่ายได้ให้ความเห็นตรงกันว่า ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายต้องดำเนินการร่วมกัน และไม่ได้มองว่า การขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมคือ Mega Project แต่เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องดำเนินการร่วมกันแบบ Step by Step ในทุกวันเพื่อยกระดับเชิงโครงสร้าง และขับเคลื่อนประเทศในระยะยาว 


ติดตามข่าวสารด้าน Sustainability ได้ที่นี่ https://www.thairath.co.th/money/sustainability      

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney    






Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ