บมจ. กรุงเทพประกันภัย ปรับเป้าเบี้ยรวมปี 68 โตเหลือ 2.6-3% แต่มั่นใจมีกำไรฯ ต่อเนื่อง

ธุรกิจประกันวินาศภัยปีนี้เจอแต่เรื่องหนักๆ ทั้งกรณีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อเดือนมี.ค. ถนนถล่มส่งผลกระทบต่อโครงการรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง ไหนจะประกันภัยรถยนต์ที่แข่งขันแรง ทำให้ปีนี้ธุรกิจประกันฯ ต้องปรับตัวให้ทัน ฝั่งบมจ. กรุงเทพประกันภัย เปิดเผยว่าปี 68 นี้ต้องปรับเป้าหมายเบี้ยรับรวมโตเหลือ 2.6-3%

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH และ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI กล่าวว่า ปี 2568 มีหลายเรื่องเกิดขึ้น ล่าสุดกรณีถนนสามเสนเกิดหลุมยุบตัว ซึ่งมีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ BKI รับประกันอยู่ในสัดส่วน 40% เบื้องต้นยังอยู่ระหว่างการสำรวจภัยเพื่อประเมินความเสียหายทั้งในส่วนทรัพย์สินบุคคลภายนอกและตัวโครงการฯ 

ทั้งนี้ หลังสรุปความเสียหายแล้วบริษัทฯ ก็จะชดใช้ความเสียหายตามสัดส่วนที่รับประกันภัยไว้ ซึ่งประเมินว่าไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของบริษัทฯ เนื่องจาก BKI ได้จัดสรรการประกันภัยต่อออกไปกว่า 99% ซึ่งบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า 1% ของมูลค่าความเสียหายรวมที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ ช่วงต้นปี 2568 ยังเกิดกรณีแผ่นดินไหวที่เสียหายต่อคอนโดมิเนียม และตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ยังไม่สรุปความเสียหายส่วนหนึ่งเพราะลูกค้าบางส่วนยังอยู่ระหว่างสรุปความเสียหายกับนิติบุคคล (เช่น คอนโดฯ) จึงยังไม่ได้ส่งเคลมมาที่ประกันภัย

สิ่งที่ต้องติดตามคือ สถานการณ์การรับประกันภัยต่อสำหรับประเทศไทย เพื่อบริหารความคุ้มครองภัยธรรมชาติ โดยภาพรวมความเสียหายกรณีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของ BKI อยู่ที่ 4,100 ล้านบาท โดยส่วนความเสียหายส่วนแรกที่ BKI ต้องรับผิดชอบเอง 100 ล้านบาท ที่เหลือเป็นประกันภัยต่อ 

นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา BKI ซื้อเบี้ย Top Up (จ่ายเบี้ยเพิ่มในสัญญาประกันภัยต่อเดิม) กับประกันภัยต่ออีก 300 ล้านบาท เพื่อเพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติ (เช่น แผ่นดินไหว, น้ำท่วม ฯลฯ) ซึ่งการตัดสินใจนี้ส่งผลให้กำไรในช่วงครึ่งปีแรกลดลง แต่จะช่วยการบริหารความเสี่ยงในการรับประกันภัยได้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้าคาดว่าการรับประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิด (IAR) ยังมีอยู่ โดยภาคประกันภัยยังให้ความสำคัญกับ Mega Project ที่หลังจากนี้คาดว่าจะเห็นการเบิกจ่ายและการลงทุนของภาครัฐมากขึ้น โดยแต่ละปี BKI มีเบี้ยฯ จาก Mega Project ราว 700 - 800 ล้านบาท/ปี

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจที่ GDP ไทยปี 68 อาจเติบโตต่ำ 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยต้องติดตามนโยบายภาครัฐที่จะออกมาเช่น คนละครึ่งพลัสเม็ดเงิน 60,000 ล้านบาท เชื่อว่ากระตุ้นเศรษฐกิจได้ SME ต่อลมหายใจ SME ได้ระดับหนึ่ง แต่จากภาวะปัจจุบันยังมีผลกระทบสูงต่อธุรกิจประกันวินาศภัย ซึ่งครึ่งปีแรก 2568 อุตสาหกรรมรวมเติบโต 3%YoY และคาดว่าทั้งปีจะเติบโต 1.5-2.5%YoY 

ทั้งนี้ ปี 2568 ตลาดประกันภัยรถยนต์ยังแข่งขันราคาสูงมาก (เช่น ตัดราคาเบี้ยฯ กัน) รวมถึง BKI เลือกไม่รับประกันรถยนต์ไฟฟ้า จากสถานการณ์ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นทำให้ครึ่งปีแรก 2568 เบี้ยประกันภัยรถยนต์ยังติดลบ (ประกันภัย Motor มีสัดส่วน 41%) ดังนั้นทำให้ภาพรวมเบี้ยฯ ของ BKI ไม่เติบโตมาก แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลัง 2568 ไทยจะมี Mega Project และเบี้ยประกันประเภทอื่นๆ เข้ามา เช่น Property, Data Center ของ Google ฯลฯ จะทำให้เบี้ยรับรวมสิ้นปี 68 อยู่ที่ 32,500 ล้านบาท เติบโต 2.6-3%YoY จากเดิมที่ตั้งเป้าโต 8%YoY

แม้จะปรับเป้าอัตราการเติบโตลงแต่ยังอยู่ในแนวทางของเราและรักษามาตรฐานของผลประกอบการได้ และทำให้ Bottom Line อย่างกำไรสุทธิรวมถึงผลการดำเนินงานยังระดับเดียวกับปี 67

ขณะที่เป้าหมายปี 69 คาดว่าเบี้ยรับรวมของ BKI จะเติบโต 5-6%YoY เพราะเชื่อว่าจะมี Mega Project เกิดขึ้นเพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจต่อไปได้ ภายใต้เงื่อนไขต้องเริ่มทำในรัฐบาลใหม่ 4 เดือนนี้ โดยประกันภัยรถยนต์จะเน้นกลยุทธ์ไม่แข่งราคา และเลือกเล่นในตลาดที่เชี่ยวชาญ (เช่น บางแบรนด์ในบางรุ่น)

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney