
ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองและค่าครองชีพพุ่งสูง เรื่องสุขภาพกลายเป็นความกังวลใหญ่ของใครหลายคน เพราะเมื่อเจ็บป่วยทีไร... ค่ารักษาพยาบาลก็แพงขึ้นแบบน่าตกใจ ยิ่งถ้าเป็นโรคมะเร็ง โรคฮิตอันดับ 1 ของคนไทย ค่าใช้จ่ายอาจพุ่งแตะหลักล้านบาทเลยทีเดียว
เราจะมาชวนหาคำตอบว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ค่ารักษาพยาบาลและเบี้ยประกันในไทยแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเราจะวางแผนซื้อประกันสุขภาพอย่างไร
“แต่ก่อนเป็นหวัดไปหาหมอ จ่ายหลักร้อย แต่ทุกวันนี้อาจไปหลักพันแล้ว”
คำว่าแพงกับการรักษาพยาบาลอาจไม่ใช่แค่ความรู้สึก เพราะจากข้อมูลของ AON พบว่า อัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ หรือ Medical Inflation เพิ่มขึ้นทุกปีอย่างปี 2568 คาดว่าจะพุ่ง 14.3% เพิ่มต่อเนื่องจากปี 67 ที่อยู่ระดับ 9.1% โดยปัจจัยที่ดันให้ Medical Inflation เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือ
1. เทคโนโลยีการรักษาแบบใหม่ๆ มาพร้อมราคาที่สูงขึ้น เช่น ยาแบบพุ่งเป้า (Target Therapy) หรือการผ่าตัดแบบแผลเล็ก (Minimal Invasive Surgery) ที่ทำให้การรักษาได้ผลดีขึ้นและฟื้นตัวเร็วขึ้น
2. ในไทยยังคงประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้ค่าแรงสูงขึ้นตามไปด้วย
3. เมื่อไทยชูความเป็น Medical Tourism ที่ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามารับการรักษาในไทย ทำให้เกิดการดึงทรัพยากรทางการแพทย์และส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งโรงพยาบาลเอกชนยังมีการลงทุนสูงขึ้นเพื่อแข่งขันเป็น Medical Hub
รวมถึงมีอีกหลายปัจจัยหนุนให้ค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้น ทั้งสังคมสูงวัย คนเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs เช่น เบาหวาน ความดัน ฯลฯ) เพิ่มขึ้น และอื่นๆ
ยกตัวอย่างโรคยอดฮิตของคนไทยอย่างมะเร็งพบว่า ถ้าจะรักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงมาก (ข้อมูลจาก Releaseyourrisk) เช่น
- มะเร็งเต้านม: ระยะแรกประมาณ 2.61 ล้านบาท กรณีระยะแพร่กระจายอาจสูงถึง 6.68 ล้านบาท
- มะเร็งปอด: ประมาณ 2.20 ล้านบาท
- มะเร็งลำไส้ใหญ่: ประมาณ 3.35 ล้านบาท
สำหรับใครที่มองหาทางเลือกเป็นโรงพยาบาลรัฐ จะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลต่ำกว่า 30-40% ซึ่งต้องเช็กกันว่า สิทธิที่เราใช้ได้ ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
ทางฝั่งสมาคมประกันวินาศภัยไทย สรุปผลการศึกษาโดยพบว่า ถึงไม่ได้เป็นมะเร็งแต่ ค่ารักษาพยาบาลโรงพยาบาลเอกชนในกลุ่มระดับกลาง (Medium) จะสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐ 6.1 เท่า เช่น รพ. รัฐรักษา 1 แสนบาท ในโรคเดียวกันเข้ารักษาตัวในรพ. เอกชนอาจสูงถึง 6.1 แสนบาท ซึ่งนี่อาจสะท้อนค่าใช้จ่ายที่คนไทยส่วนใหญ่ต้องเจอ
ปิยะพัฒน์ วนอุกฤษฏ์ ประธานคณะกรรมการประกันภัย อุบัติเหตุและสุขภาพ สมาคมประกันวินาศภัยไทย เล่าว่า ความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพเป็นปัญหาสำคัญที่ซ่อนอยู่ เมื่อคนรายได้น้อยต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลในสัดส่วนที่สูงกว่าคนรวย แม้จะเป็นจำนวนเงินเท่ากันก็ตาม เช่น คนรายได้ 15,000 บาท จ่ายค่ารักษา 1,000 บาท คิดเป็นเกือบ 10% ของรายได้ แต่สำหรับคนที่มีรายได้ 100,000 บาท การจ่าย 1,000 บาท เป็นเพียง 1% เท่านั้น ด้วยเหตุนี้เอง หลายครอบครัวจึงต้องตกสู่ภาวะยากจนเพราะค่ารักษาพยาบาล
จากความรู้สึกว่า “จ่ายแพง” อาจทำให้คนเลี่ยงการรักษา และทำให้โรครุนแรงขึ้น สุดท้ายมาเจอตอนอาการหนัก และต้องจ่ายค่ารักษาแพงขึ้นไม่ว่าจะตัวผู้ป่วย หรือระบบประกันสุขภาพที่มีต้นทุนที่สูงขึ้นด้วย
ดังนั้น การจะควบคุม Medical Inflation ต้องเกิดจากการพัฒนาในหลายด้าน ธุรกิจวินาศภัยจึงเร่งปรับตัวด้านประกันสุขภาพ โดยมีแนวคิดที่น่าสนใจ ได้แก่
แม้เราต้องติดตามว่าธุรกิจประกันภัยจะสามารถ หารือกับภาครัฐ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพของไทยได้แค่ไหน แต่สิ่งที่เราเริ่มทำได้คือการวางแผนรับมือค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น ผ่านประกันสุขภาพ Thairath Money มีเคล็ดลับง่ายๆ 3 ข้อในการเลือกซื้อประกันสุขภาพ ได้แก่
1. เช็กความคุ้มครองที่ตรงใจ อย่าดูแค่เบี้ยประกันที่ถูกที่สุดอย่างเดียว แต่ให้ดูว่าแผนประกันนั้นครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เช่น ค่าห้อง, ค่าแพทย์, ค่ายา, ค่าผ่าตัด หรือค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน และที่สำคัญคือต้องพิจารณา วงเงินความคุ้มครอง ว่าเพียงพอสำหรับค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลที่คุณต้องการหรือไม่ และมีเงื่อนไขอื่นๆ เช่น ระยะเวลาที่ต้องรอคอยก่อนใช้สิทธิ์ (Waiting Period) หรือข้อยกเว้นต่างๆ หรือไม่
2. ซื้อตรงพฤติกรรม ในงบที่ไหว ไม่เกินตัว แบบประกันสุขภาพมีหลายแบบ ทั้งเน้นผู้ป่วยนอก (OPD) คือเจ็บป่วยแล้วไปหาหมอที่รพ. หรือกังวลว่าอาจป่วยหนักต้องเข้านอนรพ. ก็อาจเน้นความคุ้มครองที่ผู้ป่วยใน (IPD) ซึ่งค่าเบี้ยประกันฯ อาจถูกกว่า ที่สำคัญคือ การซื้อประกันตามงบประมาณจริงที่เรามีอยู่ เพราะเบี้ยประกันสุขภาพอาจปรับขึ้นในแต่ละช่วงอายุ ก่อนจะซื้อควรเช็กว่าเมื่ออายุเพิ่มขึ้น เบี้ยประกันจะเพิ่มไปที่เท่าไร เรายังจ่ายไหวไหม
3. พิจารณาความคุ้มครองโรคร้ายแรงและโรคเรื้อรัง ก่อนตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพ อย่าลืมตรวจสอบว่าแผนประกันนั้นๆ คุ้มครองโรคร้ายแรง ที่มีความเสี่ยงสูงหรือไม่ เช่น โรคมะเร็ง, โรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง เพราะโรคเหล่านี้มักจะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงมาก รวมถึงโรคเรื้อรังอื่นๆ ที่คุณอาจมีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน และถ้าหากคุณมีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว ควรสอบถามบริษัทประกันว่าแผนที่คุณสนใจนั้นครอบคลุมการรักษาโรคที่เป็นมาก่อนทำประกันหรือไม่
ประกันสุขภาพยังมีรายละเอียดอีกมากมาย ที่ต้องทำความเข้าใจก่อนซื้อ ไม่ใช่แค่เบี้ยถูกแล้วเราจะเลือกได้เลย ดังนั้นก่อนเซ็นสัญญาหรือจ่ายเบี้ยประกันฯ ควรอ่านเงื่อนไขสำคัญ และถามทุกข้อสงสัยไว้ก่อนจะดีกว่า
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney