บสย.ปรับโฉมใหญ่ค้ำประกันสินเชื่อ “สิทธิกร” ตั้งเป้า 5.5 หมื่นล้านช่วยเอสเอ็มอีฝ่าวิกฤติ 

Personal Finance

Insurance

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

บสย.ปรับโฉมใหญ่ค้ำประกันสินเชื่อ “สิทธิกร” ตั้งเป้า 5.5 หมื่นล้านช่วยเอสเอ็มอีฝ่าวิกฤติ 

Date Time: 11 ธ.ค. 2567 08:30 น.

Summary

บสย.ปักธง ปี 68 ค้ำประกันสินเชื่อ 55,000 ล้านบาท ช่วยเอสเอ็มอีต่อยอดธุรกิจ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เดินหน้าทรานฟอร์มการค้ำประกันสินเชื่อรูปแบบใหม่ เดินหน้าศึกษาจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ พัฒนาระบบงาน– บริการใหม่ๆ รองรับธนาคารไร้สาขา (Virtual Banking)

Latest

3 เรื่องยอดฮิตที่ทำให้เคลมประกัน “ไม่ได้” หลังน้ำท่วม น้ำลดแล้ว จะวางแผนเคลียร์ปัญหาเริ่มที่อะไร?

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ในปี 68 ได้ตั้งเป้าหมายให้การค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั้งสิ้น 55,000 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ให้เอสเอ็มอีทุกรายมีเงินทุนไปต่อยอดธุรกิจ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ และช่วยสร้างงานให้คนไทยด้วย ซึ่งเป็นไปตามพันธกิจของ บสย.ซึ่งมีหน้าที่ช่วยเหลือเอสเอ็มอี ผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสถาบันการเงินในการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น เพื่อให้เอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ แต่ขาดหลักประกัน หรือหลักประกันไม่เพียงพอได้รับวงเงินที่เพียงพอกับความต้องการ

ส่วนการค้ำประกันสินเชื่อในปี 67 ที่กำลังจะจบนี้ ได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 50,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายแน่นอน โดยในช่วง 11 เดือนของปี 67 (ม.ค.-พ.ย.) บสย.มียอดค้ำประกันสินเชื่อ 48,089 ล้านบาท ช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้น 82,645 ราย ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มรายย่อย (Micro SMEs) ในสัดส่วนสูงถึง 90% ค้ำประกันเฉลี่ย 90,000 บาทต่อราย ที่เหลือ 10% เป็นกลุ่ม SMEs ค้ำประกันเฉลี่ย 4.94 ล้านบาทต่อราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน 52,430 ล้านบาท รักษาการจ้างงาน 443,697 ตำแหน่ง และก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 197,133 ล้านบาท

เร่งช่วยแก้หนี้-ปลดหนี้ “เอสเอ็มอี”

ทั้งนี้ สำหรับประเภทธุรกิจค้ำประกันสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.ภาคบริการ 28.8% 2.การผลิตสินค้าและการค้า อื่นๆ 11.4% และ 3.อาหารและเครื่องดื่ม 10% ซึ่งทั้ง 3 อุตสาหกรรมมีสัดส่วนค้ำประกัน 50% สะท้อนถึงทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมหลักในประเทศ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่กิจการต่างๆ เน้นขยายการลงทุนเพื่อรองรับไฮซีซัน คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวนมาก สอดคล้องกับตัวเลขของกระทรวงการคลัง ที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวที่ 2.7% ต่อเนื่องไปถึงปี 68 ที่คาดว่าจะขยายตัวเร่งขึ้นที่ 3% ต่อปีจาก 4 ปัจจัยบวก คือ การบริโภคภาคเอกชน การส่งออกสินค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน

ส่วนมาตรการช่วยแก้หนี้เอสเอ็มอี เป็นการช่วยปรับโครงสร้างหนี้ ตัดเงินต้นก่อนตัดดอก หนี้ลดหมดเร็ว ผ่านมาตรการสี คือ สีม่วง เหลือง เขียว และฟ้า โดยมาตรการสีม่วง คือ ลูกหนี้ดี แต่ไม่มีแรงผ่อน จะช่วยปลอดเงินชำระครั้งแรก ระยะเวลาผ่อน 4 ปี ตัดเงินต้น 20% ดอกเบี้ย 80% อัตราดอกเบี้ยต่ำ ค่างวดเริ่มต้นที่ 500 บาท มาตรการสีเหลือง คือ ลูกหนี้ผ่อนดี ชำระครั้งแรก 1% ระยะเวลาโอน 4 ปี ตัดเงินต้นทั้งจำนวน ค่างวดเริ่มต้นที่ 1,000 บาท มาตรการสีเขียว คือ ลูกหนี้มีวินัย ปลอดดอก หรือดอกเบี้ย 0% ระยะเวลาผ่อน 7 ปี ตัดเงินต้นทั้งจำนวน  และมาตรการสีฟ้า คือ ลูกหนี้ดีมีวินัย ชำระปิดบัญชี หรือต้องการปลดหนี้ลดต้นให้ 15%

ทรานฟอร์มสู่การค้ำสินเชื่อรูปแบบใหม่

นายสิทธิกรกล่าวต่อว่า บสย.พร้อมดำเนินการตามนโยบายการยกระดับการค้ำประกันสินเชื่อ ขณะนี้ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ Korea Credit Guarantee Fund (KODIT) และ Korea Technology Finance Corporation (KOTEC) สถาบันค้ำประกันสินเชื่อของสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อยกระดับและพัฒนาการค้ำประกันสินเชื่อในประเทศไทยให้แข็งแกร่ง เสริมสร้างกลไกการค้ำประกันสินเชื่อการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีขึ้น และเพิ่มศักยภาพในการสนับสนุนทางการเงินให้กับเอสเอ็มอี รวมทั้ง ยกระดับเครดิต การันตีโมเดล โดยใช้ข้อมูลทางเลือกอื่นๆของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เช่น รูปแบบการใช้จ่าย และพฤติกรรมการชำระเงินมาคำนวณคะแนนเครดิตค้ำประกันสินเชื่อ พร้อมนำโมเดลดังกล่าวไปใช้กับรูปแบบธุรกิจใหม่ พร้อมยกระดับการดำเนินงาน ตลอดจนการช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอีที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือกลุ่มสตาร์ตอัพ

“การร่วมมือของ 2 สถาบันจะช่วยขยายศักยภาพและสร้างความพร้อมในการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. โดยขยายรูปแบบการค้ำประกันสินเชื่อ จากปัจจุบันที่ค้ำประกันและจ่ายเคลมเป็นรายพอร์ต (Portfolio Guarantee Scheme: PGS) เป็นการค้ำประกันตรงและจ่ายเคลมเป็นสัดส่วนรายฉบับ (Direct and Individual Guarantee) โดย บสย.จะเป็นผู้ประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ประกอบการตรง ตั้งแต่ตรวจสอบข้อมูล ประเมินความเสี่ยงรายบุคคล การคิดค่าธรรมเนียมการค้ำประกันตามระดับความเสี่ยง (Risk-Based Pricing) ทำให้ บสย.ขยายขอบเขตให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้มากขึ้น ครอบคลุมความต้องการเอสเอ็มอีในทุกมิติในการค้ำประกันสินเชื่อเครดิตการันตี”

เดินหน้าสนองนโยบายจัดตั้ง “นากก้า”

 นายสิทธิกรกล่าวว่า สำหรับนโยบายการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (National Credit Guarantee Agency : NaCGA) หรือนากก้านั้น บสย.ร่วมมือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ศึกษารูปแบบการจัดตั้ง รวมถึงการจัดกฎหมาย เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามนโยบายรัฐบาลโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ รูปการดำเนินการจะเป็นการค้ำประกันสินเชื่อเป็นรายบุคคลจากปัจจุบันที่ บสย.ค้ำประกันสินเชื่อเป็นพอร์ตการันตี โดยเน้น  1.การพัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อ ที่ตอบโจทย์ความต้องการเอสเอ็มอีทุกกลุ่มและพัฒนาช่องทางการให้บริการที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อาทิ การปรับโฉมและยกระดับสำนักงานเขตทั่วประเทศ (Branch Reformat) สู่การเป็นศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงินเอสเอ็มอี SMEs ร่วมกับช่องทางดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชันไลน์ @tcgfirst

2.การพัฒนาเครื่องมือโมเดลวิเคราะห์ความเสี่ยงในรูปแบบข้อมูลทางเลือก เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อในรูปแบบ RBP (Risk-Based Pricing) คิดค่า ธรรมเนียมตามระดับความเสี่ยงของเอสเอ็มอี SMEs ช่วยผู้ประกอบการรับภาระค่าธรรมเนียมค้ำประกันลดลงตามระดับความเสี่ยง โดยนำเครื่องมือ Credit Scoring มาใช้ในการพิจารณาค้ำประกันสินเชื่อ 3.การใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลการค้ำประกันสินเชื่อตลอดระยะเวลา 33 ปีมาวิเคราะห์ข้อมูลในมิติด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาโอกาสในการช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้มากยิ่งขึ้น ร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง และการใช้การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นแรงขับเคลื่อนองค์กร เพื่อพัฒนาระบบงานและบริการใหม่ๆทางการเงินบน Virtual Banking หรือธนาคารไร้สาขา

“ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นแรงผลักดันให้ บสย.ต้องปรับตัวและเรียนรู้ไม่หยุดนิ่งเพื่อสามารถเป็นองค์กรที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าโดย บสย.พร้อมจะเป็นประตูเชื่อมเอสเอ็มอีกับทุกองค์กร SMEs’Gateway ที่ต้องการช่วยเหลือเอสเอ็มอี ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน และองค์ความรู้ทั้งระบบ”.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ