ออฟฟิศซินโดรม ภัยเงียบ มนุษย์เงินเดือน ค่ารักษาพุ่งบิลละ 2 พันบาท จนประกันสุขภาพต้องเข้าดูแล

เพราะ “โรคภัยไข้เจ็บ” เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ และยิ่งโรคยอดฮิตอย่างออฟฟิศซินโดรม โรคการป่วยเล็กน้อยทั่วไป (Simple disease) มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นจึงทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราจะเห็นแนวโน้มการเติบโตของ “ประกันสุขภาพ” ที่มีเบี้ยประกันสูงถึง 109,786 ล้านบาท เติบโต 5.93% สิ่งที่ตามมาคือความต้องการในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพและสะดวกสบายนั่นเอง

แคร์คัฟเวอร์ สหคลินิก โมเดลการรักษาใหม่มาแรง

จึงเป็นเหตุผลให้ บริษัท ฟูเซีย เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด บริษัทในเครือเมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จับมือกับ โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน ร่วมลงทุนก่อตั้ง บริษัท เมืองไทยรัตนิน จำกัด ในสัดส่วนที่มีข้อตกลงร่วมกัน พร้อมทั้งยังได้ประกาศเปิดตัว “แคร์คัฟเวอร์ สหคลินิก” (CareCover Clinic) ทางเลือกใหม่สำหรับการดูแลรักษา การป้องกัน และส่งเสริมสุขภาพ 

สาระ ล่ำซำ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด และกรรมการ บริษัท ฟูเชีย เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (Fuchsia Venture Capital) เปิดเผยว่า คนไทยเคลมประกันจากโรคการป่วยเล็กน้อยทั่วไป (Simple disease) อยู่ประมาณ 30% อีกทั้งจำนวนผู้ที่ต้องการเข้ารับการรักษาออฟฟิศซินโดรมถือได้ว่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราเห็นโอกาสในการเข้ามาตอบโจทย์ในจุดนี้ ทั้งสำหรับลูกค้าประกันชีวิตและบุคคลทั่วไป โดยปัจจุบัน เมืองไทยมีลูกค้าประกันกลุ่มอยู่ราว 4,000 บริษัท คิดเป็นจำนวนพนักงานประมาณล้านคน ดังนั้นจึงได้มีความร่วมมือในครั้งนี้ขึ้นมาภายใต้ คุณภาพที่ใช่ ราคาที่ใช่ และ Location ที่ใช่

โดยช่วงแรกได้มีการซอฟต์ลอนซ์ไปเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา เจาะกลุ่มทดลองอย่าง พนักงานออฟฟิศ ในพื้นที่ที่มีกว่า 50 บริษัท ซึ่งเป็นลูกค้าประกันกลุ่ม ส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการจะเป็น โรคทั่วไป เจ็บคอ ปวดท้อง ผิวหนัง ออฟฟิศซินโดรม จากการเล่นกีฬา ทำงาน โดยค่าบริการเริ่มต้นที่ 100 บาท 

'สหคลินิก' เติบโตต่อเนื่อง ต้องรักษาได้มากกว่า 1 รูปแบบ

ฤทัย สุทธิกุลพานิช กรรมการ บริษัท เมืองไทยรัตนิน จำกัด กล่าวว่า การเติบโตของด้านสุขภาพในประเทศไทย และทั่วโลกพบว่ายังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคมีความต้องการด้านสุขภาพแบบเฉพาะเจาะจงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในประเทศไทยเราจะเห็นแต่คลินิกเสริมความงาม เฉพาะทางเป็นหลัก ดังนั้นจึงยังมีโอกาสอยู่ค่อนข้างมาก ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ด้านสหคลินิกเพื่อที่จะยกระดับการดูแลด้านสุขภาพ มากขึ้น 

โดยเฉพาะการรักษาระดับปฐมภูมิถือเป็นการดูแลสุขภาพด่านแรก ซึ่งเป็นการรักษาทั้งโรคทั่วไป การป้องกัน และการส่งเสริมสุขภาพ เพื่อจัดการกับโรคที่ไม่รุนแรงและแก้ไขปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อช่วยป้องกันและลดความเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นได้รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายที่จะตามมา

“เรามีแผนที่จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการ แต่จะต้องดูพื้นที่ว่าเหมาะสมกับเซกเมนต์ที่ต้องการจะไปหรือไม่ เพราะคำว่าสหคลินิกเป็นการบริการได้มากกว่า 1 รูปแบบ ทั้งโรคทั่วไป กายภาพบำบัด และตรวจสุขภาพทั่วไป”

ขณะที่ Health tech นับว่ามีการเติบโตที่ค่อนข้างจะรุนแรง ส่วนในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นด้าน Digital Health ส่วนต่างประเทศที่มีงานวิจัยอาจจะเป็น Biotech การค้นคว้าวิจัยเรื่องของยาและการรักษาโรค ฉะนั้นในเมืองไทยสิ่งที่เรามองเห็นโอกาสคือ เรื่องของ Digital Medicine ที่จะต้องขยายในด้าน Telemedicine และ Telepharma 

แพทย์หญิงเชอรี่วิน คงมา ผู้อำนวยการคลินิก บริษัท เมืองไทยรัตนิน จำกัด กล่าวว่า แคร์คัฟเวอร์ สหคลินิก สาขาแรกให้บริการทั้งในด้านเวชกรรมและกายภาพบำบัด  โดยในด้านเวชกรรม บริการจะครอบคลุมการดูแลรักษาโรคทั่วไปและโรคเรื้อรัง รวมไปถึงการส่งเสริมและป้องกันสุขภาพ เช่น การตรวจสุขภาพ การฉีดวัคซีนประจำปี และการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ เป็นต้น 

ซึ่งเปรียบเสมือนแพทย์ส่วนตัวของคนไข้และผู้มารับบริการทุกคน ดังนั้นหากมีความจำเป็นที่จะต้องส่งต่อคนไข้ไปรักษาต่อในโรงพยาบาลหรือเพื่อพบแพทย์เฉพาะทาง  คลินิกจะทำหน้าที่ประสานงานกับโรงพยาบาลปลายทางเพื่อให้กระบวนการการดูแลและรักษาคนไข้มีความต่อเนื่องและสมบูรณ์ที่สุด ในด้านกายภาพบำบัด เน้นการดูแลรักษาโรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อเช่น กลุ่มอาการที่เกิดจากการทำงานหรือ Office Syndrome

กายภาพ ใช้จ่ายต่อบิลสูงถึง 2,000 บาท

“ปัจจุบันพนักงานบริษัททั่วไปมีความต้องการใช้บริการกายภาพสูงขึ้น มีการออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพมากขึ้น ฉะนั้นค่าใช้จ่ายต่อบิลค่อนข้างสูง 2,000 บาทขึ้นไป ส่วนเป้าหมายของคลินิกจะอยู่ที่ 40 คนต่อวันทั้งฝั่งรักษาโรค และกายภาพบำบัด โดยโรคทั่วไปจะมีประมาณ 10-20 คนต่อวัน กายภาพประมาณ 12-13 คนต่อวัน ส่วนใหญ่จะเน้นมารับบริการช่วงบ่ายถึงเย็นเนื่องจากเป็นพนักงานออฟฟิศ”  

อย่างไรก็ตามในอนาคตมีแผนที่จะขยายไปยังบริการอื่นๆ มากขึ้น ทั้งบริการปรึกษาทางไกล หรือ Telemedicine และสุดท้ายคือ ทางคลินิกสามารถรองรับทั้งลูกค้าที่เป็นบุคคลทั่วไป ลูกค้าองค์กร รวมถึงลูกค้าประกันทั้งแบบรายกลุ่มและรายเดี่ยว ผ่านการเชื่อมต่อกับทุกบริษัทประกันภัยเพื่อให้ผู้เข้ารับบริการไม่ต้องสำรองจ่าย

ติดตามข้อมูลด้านประกัน กับ Thairath Money ได้ที่ 

https://www.thairath.co.th/money/personal_finance/insurance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney