
ตั้งเป้าออมเงินทุกต้นปี แต่ไม่กี่เดือนก็กลับไปที่เดิม ปัญหาอาจไม่ใช่รายได้ไม่พอ แต่อยู่ที่พฤติกรรมการเงินเล็ก ๆ ที่มองข้าม ทบทวน 7 นิสัยง่าย ๆ ที่ปรับได้จริง สร้างสุขภาพการเงินให้ดีขึ้น
ทุกต้นปี หลายคนตั้งเป้าว่าจะเก็บเงินให้ได้มากขึ้น มีเงินออมมากขึ้น หรืออยากรู้สึกมั่นคงทางการเงินมากกว่าเดิม แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ความตั้งใจเหล่านั้นก็มักถูกกลบด้วยค่าใช้จ่ายที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด ความจริงคือ ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่รายได้ไม่พอ
แต่อยู่ที่พฤติกรรมการเงินเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันซึ่งเรามองข้ามไปต่างหาก ข่าวดีคือ สุขภาพการเงินไม่จำเป็นต้องเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แค่ปรับนิสัยเล็กน้อยให้ถูกจุด เงินออมก็สามารถค่อย ๆ โตขึ้นได้อย่างที่เราไม่รู้ตัว
1. ออมก่อนใช้ กฎ 15 นาทีหลังเงินเข้า
ทันทีที่เงินเดือนหรือรายได้เข้าบัญชี อย่ารอให้เหลือแล้วค่อยออม เพราะส่วนใหญ่มักไม่เหลือ วิธีที่ได้ผลที่สุดคือการตั้งโอนอัตโนมัติภายใน 15 นาทีหลังเงินเข้า ให้เงินไหลไปบัญชีออมหรือการลงทุนทันที เช่น ตั้งโอน 10% ของรายได้ทุกเดือน วิธีนี้ช่วยตัดการตัดสินใจออกไป ทำให้การออมเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องใช้วินัยสูง และทำให้เราใช้ชีวิตอยู่บนเงินที่ “ออมแล้ว” อย่างไม่รู้ตัว
2. แยกบัญชีตามเป้าหมาย เพื่อเห็นความคืบหน้า
การออมจะมีพลังมากขึ้นเมื่อเงินมีเป้าหมายชัดเจน การแยกบัญชีตามวัตถุประสงค์ เช่น บัญชีเงินฉุกเฉิน บัญชีท่องเที่ยว หรือบัญชีเป้าหมายระยะยาว ช่วยให้เราเห็นความคืบหน้าของเงินแต่ละก้อนอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อเห็นยอดเงินค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เราจะลังเลมากขึ้นก่อนนำเงินก้อนนั้นไปใช้ผิดเป้า เพราะสมองรับรู้ว่าเงินก้อนนี้ “มีหน้าที่” ไม่ใช่เงินว่างที่ใช้ได้ตามใจ
3. ออมให้ยืดหยุ่น ไม่ต้องเท่ากันทุกเดือน
หลายคนเลิกออมเพราะคิดว่าต้องออมให้ได้เท่ากันทุกเดือน ทั้งที่ความจริงชีวิตมีเดือนที่หนักและเบาไม่เท่ากัน การออมที่ยืดหยุ่นจึงช่วยให้ไปต่อได้ในระยะยาว เดือนที่ค่าใช้จ่ายสูงอาจออมได้น้อยลง แต่เดือนที่มีรายได้พิเศษก็ควรออมเพิ่มขึ้น สิ่งสำคัญคือไม่หยุดออมเลย เพราะความสม่ำเสมอ แม้จำนวนไม่มาก จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีกว่าการออมก้อนใหญ่แต่ทำได้เพียงช่วงสั้น ๆ
4. ปิดรูรั่วทางการเงิน เดือนละครั้ง
เงินออมจำนวนมากไม่ได้หายไปกับเรื่องใหญ่ แต่ค่อย ๆ หายไปกับค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ ที่เกิดซ้ำทุกเดือน เช่น ค่าสมาชิกแอปที่แทบไม่ได้ใช้ ค่าอาหารเดลิเวอรี หรือค่าใช้จ่ายที่จ่ายเพราะความสะดวก การตั้งเวลามาตรวจสอบค่าใช้จ่ายเหล่านี้เดือนละครั้ง จะช่วยให้เราเห็น “รูรั่ว” ที่เงินไหลออกไปโดยไม่จำเป็น แค่ปิดรูรั่วได้ 1–2 จุด เงินที่เหลืออาจเพียงพอสำหรับเพิ่มเงินออมโดยไม่ต้องเพิ่มรายได้เลย
5. เก็บเศษทุกครั้งที่จ่ายน้อยกว่าที่ตั้งใจ
นิสัยเล็ก ๆ ที่ช่วยให้เงินออมโตแบบไม่รู้สึกฝืน คือการเก็บเงินส่วนต่างทุกครั้งที่ใช้จ่ายน้อยกว่าที่ตั้งใจไว้ หากตั้งใจจะใช้ 100 บาท แต่จ่ายจริงเพียง 70 บาท ส่วนต่าง 30 บาทควรถูกโอนเข้าเงินออมทันที หรือเมื่อเรางดค่าใช้จ่ายบางอย่าง เช่น ไม่ซื้อกาแฟ หรือทำอาหารกินเอง เงินที่ประหยัดได้ก็ควรถูกส่งเข้าออม วิธีนี้ช่วยเปลี่ยนเงินทอนหรือเงินที่เหมือนจะหายไป ให้กลายเป็นเงินออมที่สะสมได้อย่างเงียบ ๆ
6. อย่าปล่อยให้เงินอยู่ผิดที่
เงินแต่ละก้อนมีหน้าที่ต่างกัน หากปล่อยให้เงินอยู่ผิดที่ เราอาจเสียโอกาสทางการเงินไปโดยไม่รู้ตัว เงินฉุกเฉินควรอยู่ในที่ถอนง่ายและปลอดภัย เงินใช้จ่ายไม่ควรถูกนำไปเสี่ยง และเงินออมระยะยาวไม่ควรถูกปล่อยให้นอนนิ่งในบัญชีดอกเบี้ยต่ำ การจัดวางเงินให้เหมาะกับเป้าหมายและระยะเวลา จะช่วยให้เงินทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น โดยที่เราไม่ต้องเพิ่มความพยายามใด ๆ เพิ่มเลย
7. สรุปบัญชีเดือนละครั้ง เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น
การเงินจะไม่ดีขึ้นเลย หากเราไม่รู้ว่าตัวเองใช้เงินไปกับอะไร การสรุปบัญชีเดือนละครั้งช่วยให้เห็นภาพรวมของชีวิตการเงินจริง ๆ ว่าเงินเข้าเท่าไร ใช้ไปกับเรื่องใด และออมได้ตามแผนหรือไม่ แค่เห็นตัวเลขจริง เรามักจะปรับพฤติกรรมได้ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ เพราะความชัดเจนคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
ที่มา : ธนาคารไทยพาณิชย์
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https:// www.facebook.com/ThairathMoney