
ใครที่จ่ายเงินเข้าประกันสังคม ต้องเตรียมตัวกันแล้ว! เพราะตั้งแต่ปี 2569 เราจะโดนหักเงินสมทบเพิ่มขึ้นทุกเดือน แต่เมื่อจ่ายเงินมากขึ้น สิทธิต่างๆ ก็ต้องขยับขึ้นไปด้วย มีเรื่องอะไรบ้างที่เราต้องรู้? Thairath Money รวบรวมมาไว้ที่นี่แล้ว
ระบบประกันสังคม เป็นเหมือนระบบสวัสดิการให้คนทำงาน เริ่มที่ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบเข้าระบบ และจะมีส่วนที่รัฐ นายจ้าง (เฉพาะมาตรา) จ่ายสมทบเข้าไปด้วย โดยมีผลประโยชน์ และความคุ้มครอง เช่น เจ็บป่วย, เงินตอนว่างงาน, เสียชีวิต ชราภาพ ฯลฯ ขึ้นอยู่กับเป็นมาตราไหน โดยแบ่งเป็น 3 มาตรา คือ
ทั้ง 3 มาตรานี้ยังแบ่งเหมือนเดิม แต่ล่าสุดที่จะเปลี่ยนแปลงอีกคือ การปรับเพดานค่าจ้างขึ้น และจะเริ่มใช้ตั้งแต่ปีหน้า มีอะไรบ้าง?
โซเชียลต่างพูดเรื่องนี้กันหนาหู หลังจาก 2 ธ.ค.68 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. .... ที่จะทำให้ตั้งแต่ต้นปี 2569 ใครที่จ่ายประกันสังคมอยู่ต้องจ่ายแพงขึ้น มีรายละเอียดที่เราต้องรู้คือ
1. ปรับเพดานค่าจ้างที่สูงขึ้น ก็จ่ายเงินสมทบแพงขึ้น
ปัจจุบันไม่ว่าเราจะเงินเดือนหรือรายได้เท่าไร ประกันสังคมจะกำหนด “เพดานค่าจ้าง” สูงสุด 15,000 บาท หมายถึงผู้ประกันตนจะจ่ายเงินสมทบสูงสุดที่ 750 บาทต่อเดือน (9,000 บาทต่อปี) แต่หลังจากปี 2569 เพดานค่าจ้างจะทยอยปรับสูงขึ้นอีก และขึ้นอีก โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่
- ระยะแรก ปี 2569 - 2571: เพดานค่าจ้างสูงสุดเป็น 17,500 บาท เงินสมทบสูงสุด 875 บาทต่อเดือน (10,500 บาทต่อปี)
- ระยะสอง ปี 2572 - 2574: เพดานค่าจ้างสูงสุดเป็น 20,000 บาท เงินสมทบสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือน (12,000 บาทต่อปี)
- ระยะสาม ปี 2575 เป็นต้นไป: เพดานค่าจ้างสูงสุด 23,000 บาท ส่งเงินสมทบสูงสุด 1,150 บาทต่อเดือน (13,800 บาทต่อปี)
2. จ่ายเพิ่ม ก็ได้เงินทดแทน-เงินสงเคราะห์เพิ่มขึ้น
แน่นอนว่าเงินสมทบที่เพิ่มขึ้น ผลประโยชน์และสิทธิที่ต้องได้ก็ขยับวงเงินขึ้นด้วย เห็นได้จากตารางนี้...
| เงินทดแทน กรณีต่างๆ | ปี 67 - ปัจจุบัน | ปี 69 - 71 | ปี 72 - 74 | ปี 75 เป็นต้นไป |
| เจ็บป่วย | 7,500 บาท/เดือน | 8,750 บาท/เดือน | 10,000 บาท/เดือน | 11,500 บาท/เดือน |
| คลอดบุตร | 22,500 บาท/ครั้ง | 26,250 บาท/ครั้ง | 30,000 บาท/ครั้ง | 34,500 บาท/ครั้ง |
| ทุพพลภาพ | 7,500 บาท | 8,750 บาท | 10,000 บาท | 11,500 บาท |
| เสียชีวิต | 90,000 บาท | 105,000 บาท | 120,000 บาท | 138,000 บาท |
| ว่างงาน | 7,500 บาท/เดือน | 8,750 บาท/เดือน | 10,000 บาท/เดือน | 11,500 บาท/เดือน |
| บำนาญส่งเงิน มา 15 ปี | 3,000 บาท/เดือน | 3,500 บาท/เดือน | 4,000 บาท/เดือน | 4,600 บาท/เดือน |
| บำนาญส่งเงิน มา 25 ปี | 5,250 บาท/เดือน | 6,125 บาท/เดือน | 7,000 บาท/เดือน | 8,050 บาท/เดือน |
เรื่องปรับเพดานค่าจ้างว่าน่าสนใจแล้ว แต่ถ้าพูดถึงเรื่องใหญ่ที่ทุกคนจับตามองมาตลอดคือ การปรับเปลี่ยนสูตรคำนวณเงินบำนาญที่เริ่มใช้มาระยะหนึ่ง โดยมีเรื่องที่เราทุกคนต้องรู้คือ
สูตรคำนวณเงินบำนาญแบบเดิม คือ
ดังนั้นจะเห็นว่า ข้อเสียของสูตรเดิมคือ ถ้าในช่วง 60 เดือนสุดท้ายก่อนเกษียณ เงินเดือนเราเกิดลดลง ก็จะส่งผลให้เงินบำนาญน้อยลงไปด้วย
สูตรใหม่ คือให้คำนวณจาก ค่าจ้างเฉลี่ยตลอดอายุการทำงานทุกเดือนของเรา x อัตราบำนาญ (20% สำหรับจ่ายสมทบครบ 15 ปี แต่ถ้าจ่ายเกินจะบวกเพิ่ม 0.125% ต่อเดือน หรือ 1.5% ต่อปี) x แต้มบำนาญ (Pension Point) ซึ่งคำนวณตามเงื่อนไขสำนักงานประกันสังคม
สูตรใหม่นี้จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องความไม่เป็นธรรมหากเงินเดือน 5 ปีสุดท้ายของผู้จ่ายประกันสังคมลดลง เพราะสูตรใหม่จะคำนวณจากค่าจ้างทุกเดือนของเรานั่นเอง
อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้หมายถึงเหล่าลูกจ้างจะได้รับสิทธิประโยชน์และเงินทดแทนเพิ่มมากขึ้นจากเดิม ทว่า ก็ต้องจ่ายแพงมากขึ้นเช่นกัน เพราะอาจต้องจ่ายเพิ่มขึ้นสูงสุดปีละ 13,800 สำหรับสูตรใหม่ หรือก็คือผู้ประกันตนจะต้องแบกค่าใช้จ่ายเพิ่มปีละ 4,800 บาท เมื่อเทียบกับสูตรเดิมที่จ่ายปีละ 9,000 บาท ซึ่งก็ทำให้เกิดคำถามว่าค่าใช้จ่ายที่สูงแบบนี้คุ้มค่ากับลูกจ้างมากพอแล้วหรือยัง?
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney