หลัง "ปรับเพดานค่าจ้าง" ต้องจ่ายประกันสังคมเพิ่มจากสูงสุดปีละ 9,000 สู่ 13,800 บาท  เราได้อะไร?

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

หลัง "ปรับเพดานค่าจ้าง" ต้องจ่ายประกันสังคมเพิ่มจากสูงสุดปีละ 9,000 สู่ 13,800 บาท เราได้อะไร?

Date Time: 3 ธ.ค. 2568 16:49 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

ครม. อนุมัติให้ร่างกฎกระทรวงปรับเพดานค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้น พร้อมสิทธิประโยชน์มากขึ้น แต่เราต้องจ่ายแพงขึ้นเช่นกัน Thairath Money เปิดรายละเอียดให้ดูว่าเราต้องจ่ายเท่าไหร่ และคุ้มไหม?

Latest


ใครที่จ่ายเงินเข้าประกันสังคม ต้องเตรียมตัวกันแล้ว! เพราะตั้งแต่ปี 2569 เราจะโดนหักเงินสมทบเพิ่มขึ้นทุกเดือน แต่เมื่อจ่ายเงินมากขึ้น สิทธิต่างๆ ก็ต้องขยับขึ้นไปด้วย มีเรื่องอะไรบ้างที่เราต้องรู้? Thairath Money รวบรวมมาไว้ที่นี่แล้ว

ประกันสังคมคืออะไร?

ระบบประกันสังคม เป็นเหมือนระบบสวัสดิการให้คนทำงาน เริ่มที่ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบเข้าระบบ และจะมีส่วนที่รัฐ นายจ้าง (เฉพาะมาตรา) จ่ายสมทบเข้าไปด้วย โดยมีผลประโยชน์ และความคุ้มครอง เช่น เจ็บป่วย, เงินตอนว่างงาน, เสียชีวิต ชราภาพ ฯลฯ ขึ้นอยู่กับเป็นมาตราไหน โดยแบ่งเป็น 3 มาตรา คือ

  • มาตรา 33 สำหรับกลุ่มลูกจ้าง มักเป็นเหล่ามนุษย์เงินเดือน โดยนายจ้างร่วมจ่ายเงินสมทบตามเงื่อนไข จะมีความคุ้มครอง 7 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ ว่างงาน
  • มาตรา 39 สำหรับผู้ประกันตนโดยสมัครใจ เมื่อออกจากงานที่เคยมีมาตรา 33 แต่ยังอยากจ่ายเงินสมทบเข้าประกันสังคม ซึ่งเงื่อนไขคือต้องจ่ายสมทบมาเกิน 12 เดือน ลาออกไม่เกิน 6 เดือนถึงสมัครได้ (ส่วนใหญ่คนที่ย้ายมาเป็นม. 39 เพื่อคงสิทธิการรักษาตัวในโรงพยาบาลตามสิทธิเดิม) จะได้รับความคุ้มครอง 6 กรณี ไม่มีว่างงานเหมือน ม. 33
  • มาตรา 40 สำหรับบุคคลทั่วไป แรงงานอิสระ (ไม่มี ม. 33 หรือ ม. 39) จะมีความคุ้มครองรวม 5 กรณี ไม่มีกรณีว่างงานและคลอดบุตร

ทั้ง 3 มาตรานี้ยังแบ่งเหมือนเดิม แต่ล่าสุดที่จะเปลี่ยนแปลงอีกคือ การปรับเพดานค่าจ้างขึ้น และจะเริ่มใช้ตั้งแต่ปีหน้า มีอะไรบ้าง?

ประกันสังคม “อัปเกรด” เราได้อะไรเพิ่มขึ้น?

โซเชียลต่างพูดเรื่องนี้กันหนาหู หลังจาก 2 ธ.ค.68 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. .... ที่จะทำให้ตั้งแต่ต้นปี 2569 ใครที่จ่ายประกันสังคมอยู่ต้องจ่ายแพงขึ้น มีรายละเอียดที่เราต้องรู้คือ

1. ปรับเพดานค่าจ้างที่สูงขึ้น ก็จ่ายเงินสมทบแพงขึ้น

ปัจจุบันไม่ว่าเราจะเงินเดือนหรือรายได้เท่าไร ประกันสังคมจะกำหนด “เพดานค่าจ้าง” สูงสุด 15,000 บาท หมายถึงผู้ประกันตนจะจ่ายเงินสมทบสูงสุดที่ 750 บาทต่อเดือน (9,000 บาทต่อปี) แต่หลังจากปี 2569 เพดานค่าจ้างจะทยอยปรับสูงขึ้นอีก และขึ้นอีก โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่

- ระยะแรก ปี 2569 - 2571: เพดานค่าจ้างสูงสุดเป็น 17,500 บาท เงินสมทบสูงสุด 875 บาทต่อเดือน (10,500 บาทต่อปี)

- ระยะสอง ปี 2572 - 2574: เพดานค่าจ้างสูงสุดเป็น 20,000 บาท เงินสมทบสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือน (12,000 บาทต่อปี)

- ระยะสาม ปี 2575 เป็นต้นไป: เพดานค่าจ้างสูงสุด 23,000 บาท ส่งเงินสมทบสูงสุด 1,150 บาทต่อเดือน (13,800 บาทต่อปี)

2. จ่ายเพิ่ม ก็ได้เงินทดแทน-เงินสงเคราะห์เพิ่มขึ้น

แน่นอนว่าเงินสมทบที่เพิ่มขึ้น ผลประโยชน์และสิทธิที่ต้องได้ก็ขยับวงเงินขึ้นด้วย เห็นได้จากตารางนี้...

เงินทดแทน
กรณีต่างๆ
ปี 67 - ปัจจุบันปี 69 - 71ปี 72 - 74ปี 75 เป็นต้นไป
เจ็บป่วย7,500
บาท/เดือน
8,750
บาท/เดือน
10,000
บาท/เดือน
11,500
บาท/เดือน
คลอดบุตร22,500 
บาท/ครั้ง
26,250 
บาท/ครั้ง
30,000
บาท/ครั้ง
34,500
บาท/ครั้ง
ทุพพลภาพ7,500
บาท
8,750
บาท
10,000
บาท
11,500
บาท
เสียชีวิต90,000
บาท
105,000
บาท
120,000
บาท
138,000
บาท
ว่างงาน7,500 
บาท/เดือน
8,750
บาท/เดือน
10,000
บาท/เดือน
11,500
บาท/เดือน
บำนาญส่งเงิน
มา 15 ปี
3,000 บาท/เดือน3,500 บาท/เดือน4,000
บาท/เดือน
4,600
บาท/เดือน
บำนาญส่งเงิน
มา 25 ปี
5,250
บาท/เดือน
6,125
บาท/เดือน
7,000
บาท/เดือน
8,050
บาท/เดือน


บำนาญสูตรใหม่ vs. สูตรเก่า ต่างกันยังไง?

เรื่องปรับเพดานค่าจ้างว่าน่าสนใจแล้ว แต่ถ้าพูดถึงเรื่องใหญ่ที่ทุกคนจับตามองมาตลอดคือ การปรับเปลี่ยนสูตรคำนวณเงินบำนาญที่เริ่มใช้มาระยะหนึ่ง โดยมีเรื่องที่เราทุกคนต้องรู้คือ

สูตรคำนวณเงินบำนาญแบบเดิม คือ

  • กรณีจ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน (15 ปี) จะได้รับเงินบำนาญชราภาพรายเดือน 20% ของค่าจ้างเฉลี่ยในช่วง 60 เดือนสุดท้าย
  • กรณีจ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือน จะคำนวณตามเงื่อนแรก แต่ส่วนช่วงเวลาที่เกิน 15 ปีมาจะได้รับเพิ่มอีก 1.5% ต่อปี (ถ้ามีเศษเดือนไม่เต็มปีตัดทิ้ง)

ดังนั้นจะเห็นว่า ข้อเสียของสูตรเดิมคือ ถ้าในช่วง 60 เดือนสุดท้ายก่อนเกษียณ เงินเดือนเราเกิดลดลง ก็จะส่งผลให้เงินบำนาญน้อยลงไปด้วย

สูตรใหม่ คือให้คำนวณจาก ค่าจ้างเฉลี่ยตลอดอายุการทำงานทุกเดือนของเรา x อัตราบำนาญ (20% สำหรับจ่ายสมทบครบ 15 ปี แต่ถ้าจ่ายเกินจะบวกเพิ่ม 0.125% ต่อเดือน หรือ 1.5% ต่อปี) x แต้มบำนาญ (Pension Point) ซึ่งคำนวณตามเงื่อนไขสำนักงานประกันสังคม

สูตรใหม่นี้จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องความไม่เป็นธรรมหากเงินเดือน 5 ปีสุดท้ายของผู้จ่ายประกันสังคมลดลง เพราะสูตรใหม่จะคำนวณจากค่าจ้างทุกเดือนของเรานั่นเอง

อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้หมายถึงเหล่าลูกจ้างจะได้รับสิทธิประโยชน์และเงินทดแทนเพิ่มมากขึ้นจากเดิม ทว่า ก็ต้องจ่ายแพงมากขึ้นเช่นกัน เพราะอาจต้องจ่ายเพิ่มขึ้นสูงสุดปีละ 13,800 สำหรับสูตรใหม่ หรือก็คือผู้ประกันตนจะต้องแบกค่าใช้จ่ายเพิ่มปีละ 4,800 บาท เมื่อเทียบกับสูตรเดิมที่จ่ายปีละ 9,000 บาท ซึ่งก็ทำให้เกิดคำถามว่าค่าใช้จ่ายที่สูงแบบนี้คุ้มค่ากับลูกจ้างมากพอแล้วหรือยัง?


ที่มา: สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน [1] [2]

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ