
เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของปี หลายคนเตรียมซื้อไม้สุดท้ายเพื่อ “ลดหย่อนภาษี” กันแล้ว แต่รู้หรือไม่? นอกจากตัวช่วยที่ใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขั้นพื้นฐานแล้ว ปีนี้ยังมี มาตรการลดหย่อนภาษีที่น่าสนใจอีกหลายแบบ Thairath Money รวบรวมมาตรการลดหย่อนภาษีฯ “พิเศษ” มาไว้ที่นี่แล้ว
ก่อนจะคิดเรื่องลดหย่อนภาษีฯ หลายคนอาจสงสัยว่าบุคคลธรรมดาอย่างเรา “ต้องยื่นภาษีไหม?” จริง ๆ แล้วคนไทยทุกคนควรจะยื่นภาษีตามหน้าที่ ซึ่งเบื้องต้นคือมีเงินได้ หรือ รายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี สำหรับคนโสดที่มีรายได้แบบเงินเดือนหรือ 40 (1) ถ้ามีรายได้แบบอื่นๆ อยู่ที่เกิน 60,000 บาทต่อปี แต่ถึงต้องยื่นภาษี ไม่ได้แปลว่าเราทุกคนต้องจ่ายภาษี เพราะมีเพียงคนที่รายได้ถึงเกณฑ์เท่านั้นต้องเสียภาษี เกณฑ์ที่ว่าคือ มีเงินได้สุทธิมากกว่า 150,000 บาทต่อปี เราสามารถคำนวณได้ผ่านสูตรนี้
เงินได้สุทธิ = เงินได้ทั้งปี - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อนตัวอย่างเช่น
ถ้าเรายื่นแบบภาษีแบบมนุษย์เงินเดือน มีรายได้รวม 350,000 บาท
หักลบด้วยค่าใช้จ่ายตามกฎหมายสำหรับเงินได้ 40 (1) ที่ 100,000 บาท
หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
หักเงินสะสมประกันสังคม 9,000 บาท
เงินได้สุทธิจะอยู่ที่ 181,000 บาท
ส่วนที่เกิน 150,000 บาทขึ้นไป คือ 31,000 บาท ต้องเสียภาษีในอัตรา 5% (อัตราก้าวหน้ายิ่งรายได้เยอะยิ่งเสียภาษีสูงขึ้น) ซึ่งคูณแล้วเป็นยอดเงินภาษีราว 1,550 บาท
แต่ๆ เงินภาษี 1,550 บาทนี้เราสามารถลดหย่อนฯ ได้ ถ้าวางแผนเช่นการซื้อประกันชีวิต หรือ นำดอกเบี้ยบ้านที่จ่ายกับธนาคารมาลดหย่อนได้ด้วย ซึ่งมีอีกหลายหมวดที่เราสามารถเลือกซื้อได้ก่อนสิ้นปีภาษี เตรียมพร้อม “ยื่นภาษี 2568” ฉบับอัปเดต เช็กสิทธิลดหย่อนภาษี ที่ช่วยเซฟเงินคุณ มากกว่าที่คิด
นอกจากนี้ภายในปี 2568 ยังมีมาตรการที่รัฐออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เราสามารถ “ใช้จ่าย” และนำมาลดหย่อยภาษีฯ ได้เพิ่มเติม
มาตรการลดหย่อนภาษีนั้นมีอยู่อย่างหลากหลาย หนึ่งในนั้นเมื่อภาครัฐอยากกระตุ้นเศรษฐกิจโดยก็อาจให้สิทธิในการลดหย่อนภาษีเป็นแรงจูงใจ พูดง่าย ๆ คือรัฐบาลสนับสนุนให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยตามเงื่อนไข แลกกับประชาชนผู้เสียภาษีสามารถนำยอดใช้จ่ายเหล่านั้นมาลดหย่อนภาษีคืนกลับสู่กระเป๋าของเรานั่นเอง
ถ้าถามว่าปี 2568 มีมาตรการไหนน่าสนใจบ้าง? Thairath Money รวบรวมมาให้แล้ว ดังนี้
1. Easy E-Receipt 2.0
สำหรับผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เมื่อซื้อสินค้าหรือมีบิลบริการในไทย (แบบ) ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. - 28 ก.พ. ปี 68 ในเงื่อนไขนี้สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
1) ซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบการที่จดหรือไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จะลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท
2) ค่าซื้อสินค้า OTOP ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชน และค่าซื้อสินค้าหรือ
ค่าบริการที่จ่ายให้วิสาหกิจเพื่อสังคม จะลดหย่อนได้เพิ่มอีกตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท
ทั้งนี้ ปี 2568 ภาครัฐจำกัดวงเงินห้ลดหย่อนได้ไม่เกิน 50,000 บาท เช่น จะเป็นซื้อจากผู้ประกอบการข้อ 1 + 2 รวมกันก็ได้ หรือจะซื้อสินค้า OTOP ทั้ง 50,000 บาท ก็ได้แต่เงื่อนไขสำคัญคือ ต้องมีใบกำกับภาษี (e-Tax Invoice) และใบรับ (e-Receipt) ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร โครงการนี้มีข้อยกเว้น เช่น ไม่สามารถลดหย่อนกรณีซื้อสุรา เบียร์ อื่นๆ
2. เที่ยวดี มีคืน
ชื่อทางการจากภาครัฐคือ มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว “เที่ยวดี มีคืน” โดยเปิดให้บุคคลธรรมดาที่เสียภาษีและยื่นแบบภาษีเงินได้ (ภ.ง.ด.) จะสามารถใช้สิทธินำค่าที่พัก และค่าบริการของร้านอาหารที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท ต้องเป็นการใช้จ่ายในช่วงวันที่ 29 ต.ค. - 15 ธ.ค. 68 มีเงื่อนไขหลักคือ
นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขในการลดหย่อนไม่เท่ากัน คือถ้าไปใช้จ่ายในเมืองรองจะลดหย่อนได้ 1.5 เท่าของค่าใช้จ่าย สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท ส่วนถ้าใช้จ่ายนอกเหนือจากเมืองรอง ลดหย่อนได้ 1 เท่าของค่าใช้จ่าย สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท
3. ค่าจ้างก่อสร้างอาคารเพื่ออยู่อาศัยขึ้นใหม่
ทุก 1,000,000 บาทที่จ่ายเป็นค่าจ้างก่อสร้างอาคารเพื่ออยู่อาศัยขึ้นใหม่ให้แก่ผู้รับจ้างซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถนำไปลดหย่อนได้ 10,000 บาท รวมแล้วไม่เกิน 100,000 บาท (บ้านต้องไม่เกินหนึ่งหลัง) เฉพาะค่าจ้างตามสัญญาจ้างที่ทำขึ้น และเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ 9 เม.ย. ปี 67 ถึง 31 ธ.ค. ปี 68 และได้เสียอากรแสตมป์โดยวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
4. ค่าลดหย่อนสนับสนุนงานศิลปะ
แบ่งออกเป็น 2 มาตรการ คือ 1) สำหรับผู้ซื้องานศิลปะ สามารถหักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท และซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ปี 68 ถึง 31 ธ.ค. ปี 70 โดยต้องมีหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปหรือใบรับพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดงานศิลปะ และต้องซื้อจากแหล่งที่กำหนดไว้ในเงื่อนไข
และ 2) สำหรับศิลปิน/ผู้สร้างสรรค์งานศิลป์ ศิลปินผู้มีเงินได้ตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ที่เป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระ ประณีตศิลปกรรม ไม่กำหนดประเภทศิลปิน สามารถหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้เพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 60% ตั้งแต่ปีภาษี ปี 68 เป็นต้นไป
สุดท้ายนี้ อย่าลืมวางแผนลดหย่อนภาษีและอ่านเงื่อนไขของแต่ละมาตรการให้ดี เพื่อที่อย่างน้อยเราจะได้รักษาสิทธิประโยชน์ของตัวเองให้คุ้มค่าที่สุด และช่วยเซฟเงินในกระเป๋าให้เหลือเก็บมากขึ้นหลังจ่ายภาษีเรียบร้อยแล้ว
ที่มา: กรมสรรพากร, มาตรการหนุนการท่องเที่ยว
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney