
คำว่า "หนี้" ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคำต้องห้าม กำลังเปลี่ยนสถานะในสังคมไทยกลายเป็น "บันได" ที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่ก้าวไปสู่ชีวิตที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ด้วยสโลแกนที่คุ้นหูในยุคฟองสบู่ว่า “ชีวิตดีได้ด้วยเงินผ่อน” หรือ “ใจถึงก็ผ่อนได้”
แนวคิดนี้ได้ฝังรากลึกจนปัจจุบัน หนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน (Social Norm) แต่การก้าวไปสู่ชีวิตที่ดีด้วยเงินผ่อนนั้น ต้องแลกมาด้วยราคาเท่าไหร่? เมื่อข้อมูลล่าสุดชี้ชัดว่า ภาระหนี้ครัวเรือนไทยได้พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 16.2 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 91% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งถือเป็นระดับที่ "อันตราย" อย่างยิ่ง
บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) หรือที่รู้จักกันในนาม “เครดิตบูโร” ทำหน้าที่เป็นเสมือนศูนย์กลางข้อมูลเครดิตและโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศตลอด 20 ปีที่ผ่านมา องค์กรนี้ถือกำเนิดขึ้นจากวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 เพื่อเป็นเครื่องมือวิเคราะห์สถานการณ์และประเมินหนี้เสีย ก่อนจะเป็นข้อมูลสำคัญให้สถาบันการเงินใช้ประกอบการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ
โดย “ดร.ลัษมณ อรรถาพิช” ผู้จัดการใหญ่ NCB ชี้ว่า ข้อมูลเครดิตในปัจจุบันคือ "กุญแจไขโอกาสทางการเงิน" และเป็นฟันเฟืองสำคัญในการต่อยอดธุรกิจ รวมถึงการสร้างความมั่นคงในชีวิตส่วนตัว แต่การจะใช้ประโยชน์จากกุญแจนี้ได้อย่างเต็มที่ ลูกหนี้ก็ต้อง "ประเมินตนเองอย่างถูกต้อง" และใช้หนี้ไปในทางที่ถูกที่ควร
อย่างไรก็ตาม นอกจากบทบาทด้านการประเมินแล้ว NCB ยังเปรียบเสมือน "สัญญาณเตือนภัย" ทางเศรษฐกิจที่ทุกภาคส่วนต้องฟังอย่างตั้งใจด้วย
ด้าน “สุรพล โอภาสเสถียร” ผู้อำนวยการใหญ่ NCB ได้กล่าวปาฐกถา โดยส่งสัญญาณเตือนภัยอย่างหนักหน่วงถึง “คลื่นสึนามิหนี้คนไทย” ที่ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น และบางส่วน มีรากฐานมาจากนโยบายทางการเมืองในอดีต เช่น โครงการรถยนต์คันแรก บ้านหลังแรก และการรับจำนำข้าว ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการก่อหนี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว บ่อนทำลายความสามารถในการบริหารจัดการหนี้ของประชาชน
ความน่ากังวลของภูเขาหนี้ 16.2 ล้านล้านบาท คือ การที่มันเริ่มส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยมาสักระยะหนึ่งแล้ว และความท้าทายของ NCB คือการพยายามดึงแหล่งหนี้สำคัญหลายส่วนเข้ามาอยู่ในระบบให้ได้ เช่น หนี้จากสหกรณ์ออมทรัพย์ มูลค่ากว่า 2.3 ล้านล้านบาท (โดยเฉพาะหนี้ครู)
รวมถึงข้อมูลสาธารณูปโภคอย่าง ค่าน้ำ ค่าไฟ และหนี้จากเทรนด์ใหม่ที่น่ากลัวอย่าง "ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง" (Buy Now Pay Later: BNPL) ซึ่งเป็นบริการของ อีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ที่ทำให้การก่อหนี้ง่ายดาย แม้แต่การผ่อนกาแฟหนึ่งแก้ว หรือ ลิปสติกแท่งละ 150 บาท เพราะนับเป็นการให้สินเชื่อเช่นกัน
นอกจากนี้ “สุรพล” ยังเตือนถึงความเสี่ยงจากนโยบายการเมืองในอนาคต โดยเฉพาะข้อเสนอปฏิรูปเครดิตบูโรที่ต้องการให้ "ลบประวัติเสียทันที" หากชำระหนี้ครบ หรือผ่อนต่อเนื่อง 6 เดือน ซึ่งชี้ว่า การเปลี่ยนระบบประเมินเครดิตเป็นเกรด (AA BB CC DD) นั้น “เสี่ยงเกินไป” สำหรับบริบทของประเทศไทย
รศ.ดร.ธานี ชัยวัฒน์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เจาะลึกถึง “วัฒนธรรมหนี้” ของคนไทย โดยเปรียบหนี้เป็นเสมือน “ไฟ” ที่มีทั้งคุณและโทษ บนคำเตือนที่ว่า คนจะเล่นกับไฟต้องคุมให้เป็น
อาจารย์ธานี ชี้ว่า วิธีคิดเกี่ยวกับหนี้ของสังคมไทยได้เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก
ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้คนไทยไม่กลัวหนี้ คือ การที่หนี้กลายเป็น "บันไดเปลี่ยนชนชั้น" เพื่อให้ชีวิต "เท่าผู้อื่น" ในสังคม (Social Comparison) ที่ถูกกระตุ้นด้วยวัฒนธรรม "ของมันต้องมี" จากสื่อโซเชียลมีเดีย การไม่เป็นหนี้จึงถูกตีความว่า "ไม่เติบโต"
ข้อมูลวิจัยของอาจารย์จุฬาฯ ยังเผย "ไส้ใน" ของหนี้ที่น่าตกใจหลายด้าน โดยเฉพาะข้อเท็จจริงที่พบว่า ...
ในขณะที่คนรุ่นใหม่อายุต่ำกว่า 25 ปี ที่ถูกดึงเข้าสู่ระบบหนี้ด้วยการผ่อนโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไอทีอย่างรวดเร็ว ข้อมูลยังสะท้อนความจริงอันขมขื่นว่า โอกาสในการเข้าถึงสินทรัพย์ใหญ่ของคนไทยกลับไม่ได้ดีขึ้นตามเศรษฐกิจ
คนไทยโดยเฉลี่ยจะผ่อนรถยนต์หมดในช่วงอายุ 42 ปี แต่กว่าจะผ่อนบ้านหมดต้องรอถึงอายุ 51 ปี นั่นหมายถึงการแบกภาระหนี้สินเชื่อที่มั่นคงไปจนถึงวัยใกล้เกษียณ แต่ที่น่าห่วงกว่าคือ “หนี้ผ่อนของ” ที่ทำให้คนรุ่นใหม่จำนวนมาก "ตายไปจากระบบเครดิตบูโร" เพราะคุมไฟที่เริ่มจากอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ไม่ได้
ทั้งนี้ สำหรับทางออกนั้น รศ.ดร.ธานี ระบุว่า คือ "การประเมินตนเอง" ซึ่งหมายถึง ก่อนเป็นหนี้้ ต้องมีความรู้ทางการเงิน และ ใช้เครื่องมือช่วยประเมินตนเองอย่าง เครดิตบูโรก็ยังคงมีความจำเป็น อีกทั้งสถาบันการเงินก็ต้องไม่เสนอสินเชื่อเกินกว่าความสามารถที่แท้จริง
เพราะวัฒนธรรมหนี้ที่มองว่า "หนี้คือเรื่องปกติ" และ "หนี้คือความสุข" อาจทำให้ชีวิตดูดีได้ด้วยเงินผ่อนในระยะสั้น แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เครดิตบูโรสะท้อนออกมาตลอด 20 ปี คือสัญญาณที่ชัดเจนว่า หากคนไทยยังไม่กลัวไฟที่ลาม และยังไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างแท้จริง ภูเขาหนี้ 16.2 ล้านล้านบาทนี้ ก็พร้อมที่จะกลายเป็นหายนะทางเศรษฐกิจและสังคมในที่สุด
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https:// www.facebook.com/ThairathMoney