
กระทรวงการคลังเตรียมปรับ VAT ขึ้นเป็น 8.5% ในปี 2571 และ 10% ในปี 2573 หากเศรษฐกิจฟื้นตัว
เป็นคนไทยมีหน้าที่ต้องเสียภาษี ซึ่งก็มีมากมายหลายอย่างตั้งแต่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีมรดก และอื่นๆ ซึ่งมีอยู่ภาษีหนึ่งที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของประชาชนโดยตรง คือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT
ล่าสุด มีข่าวว่าคลังเตรียมแผนที่จะขึ้นอัตราภาษี VAT เป็น 8.5% และ 10% ถ้าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแล้ว แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนเปลี่ยนมาเป็นรัฐบาลปัจจุบัน ช่วงต้นเดือน ก.ย. 2568 ก็มีข่าวนี้เช่นกัน ถ้าย้อนไปไกลกว่านี้ การขึ้นภาษี VAT ก็ถูกหยิบยกขึ้นมาตลอด
Thairath Money ชวนมาทำความเข้าใจเรื่องนี้ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเรา
ถึงตอนนี้ไทยจะใช้อัตราภาษี VAT ที่ 7% แต่ถ้าอ้างอิงบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร หมวด 4 ภาษีมูลค่าเพิ่ม มาตรา 80 ประกาศไว้ว่าไทยมีภาษี VAT ที่ 10% อยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมารัฐมักประกาศ “ลด” ให้อยู่ระดับ 7% มาเรื่อยๆ
ถ้ารัฐบาลจะประกาศเก็บ VAT ที่ 10% เลยก็ย่อมได้ เพราะมีกฎหมายรองรับแล้ว แต่ต้องเจอกระแสต้านอีกมากส่วนหนึ่งจากประชาชนที่กังวลว่า ค่าสินค้าบริการ ค่าครองชีพจะพุ่งสูงขึ้นอีก ไหนจะภาคเอกชนที่ต้องวางแผนและปรับตัวหากมีการประกาศขึ้น VAT อย่างกะทันหัน
จากเมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เล่าว่า กระทรวงการคลังเตรียมปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงินการคลังในระยะปานกลาง เน้นเรื่องประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ และการขยับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แบบค่อยเป็นค่อยไป
แผนที่ว่าคือ ถ้าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างเหมาะสม ก็ถึงเวลาที่ปี 2571 รัฐบาลจะทยอยเพิ่ม VAT อีก 1.5% เป็น 8.5% และจะขยับอีก 1.5% ในปี 2573 ให้ครบ 10% แต่จะปรับขึ้น VAT ไหมก็ต้องรอดูว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว และมีความพร้อมแค่ไหน
การปรับโครงสร้างครั้งนี้ทำเพื่อลดระดับการขาดดุลให้ไม่เกิน 3% ของ GDP ภายในปีงบประมาณ 2572 ตามกรอบการคลังระยะปานกลาง (MTFF) ปี 2570 - 2573 เพราะประเทศไทยอยู่ในจุดที่ต้องหารายได้ ให้ทันกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นแล้ว
สาเหตุหนึ่งที่รัฐบาลต้องมาเร่งเครื่อง VAT เพราะสัดส่วนรายได้หลักกว่า 30% มาจาก VAT นั่นเอง (รองลงมาคือ นิติบุคคลอยู่ที่ 27%) ในส่วนของไทยถ้าปรับขึ้น VAT ทุกๆ 1% จะเพิ่มรายรับให้คลังได้ประมาณ 80,000 ล้านบาท น่าจะช่วยให้การบริหารรายรับของคลังได้ดียิ่งขึ้น
อธิภัทร มุทิตาเจริญ รองศาสตราจารย์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยกับ Thairath Money ให้ฟังว่า ภาระภาษี VAT ที่เกิดกับคนไทยต้องดูบริบทแบบไทยๆ ด้วย ที่ปัจจุบันเรามีร้านค้าที่อยู่นอกระบบ VAT ค่อนข้างเยอะ แต่ต้นทุนของเขามักมีภาระภาษี VAT รวมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะร้านก๋วยเตี๋ยวริมถนนวัตถุดิบก็มักจ่าย VAT เช่นกัน ซึ่งอาจส่งต่อมาที่ผู้ซื้ออย่างเราก็ได้
ดังนั้น เราต้องดูว่าภาระภาษีเหล่านี้มีการกระจายตัวในไทยแค่ไหน จากผลการศึกษาของผมพบว่า ภาระภาษีในไทย โครงสร้างมันเป็นแบบสัดส่วน เช่น ถ้าคิดภาระภาษีต่อรายได้ สำหรับภาษี VAT จะอยู่ที่ประมาณ 2% และค่อนข้างใกล้เคียงกันทั้งหมดไม่ว่าจะกลุ่มรายได้สูง - รายได้น้อย ภาพนี้อาจขัดแย้งกับภาพจำที่เราเคยมีในอดีตว่า ในทางทฤษฎีเรื่องภาษี VAT คนจนแบกรับมากกว่าคนรวย
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยของต่างประเทศพบว่า การขึ้น VAT ต้องดูบริบทของเศรษฐกิจ (ปัจจัยการเมืองยังมีผลกระทบด้วย เพราะส่วนใหญ่มักไม่เลือกขึ้น VAT เพราะส่งผลต่อฐานคะแนนเสียงในอนาคต) และอยู่ที่ภาครัฐจะมีแผนในการปรับขึ้นอย่างไร เช่น ในสิงคโปร์ที่ทยอยปรับขึ้น VAT ทีละ 1% ถือว่าไม่ได้รุนแรงเกินไป และมีความชัดเจนให้ภาคเอกชนสามารถปรับตัวได้
ทั้งนี้ การทยอยขึ้นภาษี VAT อาจไม่ได้ลดทอนความต้องการในการซื้อสินค้าและบริการของคนในรัฐนั้นๆ มากนักเพราะคนยังต้องซื้อเพื่อกินใช้ แน่นอนว่าสินค้ากึ่งคงทน และสินค้าคงทน อย่างรถยนต์ หรือของชิ้นใหญ่ ถ้ามีข่าวว่าจะขึ้น VAT มา ก็อาจมีการเร่งซื้อสินค้าขึ้น แต่หลังจากนั้นยอดขายสินค้าเหล่านี้อาจปรับตัวลดลงได้
สุดท้ายนี้ ถ้าประเทศไทยจะปรับขึ้น VAT ควรต้องมีมาตรการลดผลกระทบให้ครัวเรือน เช่น การให้เงินหนุนเฉพาะกลุ่มขึ้นอยู่กับว่าภาครัฐจะเลือกทางออกไหน เพื่อสร้างสมดุล และลดผลกระทบต่อทุกฝ่าย
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney