
บ้านและรถยนต์สามารถเคลมประกันได้เมื่อเกิดน้ำท่วม แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขในกรมธรรม์
ตอนนี้หลายคนเจอกับปัญหาน้ำท่วม หรือ “อุทกภัย” ที่สร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินของเรา ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือรถยนต์ที่จอดไว้
คำถามที่ตามมาคือเมื่อเกิดความเสียหายแล้ว ใครจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมช่วยเราล่ะ? หนึ่งในสิ่งที่หลายคนนึกถึงคงเป็น “ประกัน” ที่ทำเอาไว้ เพราะนี่คือ “ความคุ้มครอง” ที่เราซื้อเอาไว้เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเช่นนี้
ถ้าถามว่าทรัพย์สินของเราอย่างบ้านและรถจะสามารถเคลมประกันได้ไหมเมื่อเกิดภัยธรรมชาติอย่างอุทกภัย? คำตอบคือ “ได้” แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของประกันภัยที่เราทำเอาไว้ Thairath Money จะพาผู้อ่านไปดูกันว่าการเคลมประกันฯ ของบ้าน-รถเมื่อถูกน้ำท่วม ต้องรู้อะไร และทำอะไรบ้าง
มาเริ่มกันที่ “บ้าน” เมื่อเกิดน้ำท่วม นอกจากการยกของขึ้นที่สูงแล้ว เราควรเก็บหลักฐานความเสียหายที่เกิดขึ้นเอาไว้ด้วย เพราะสถานการณ์น้ำท่วมอาจลากยาว หรือน้ำลดแล้วร่องรอยพวกนั้นจะหายไปหรือเปล่า
ดังนั้น เราควรเริ่มเก็บหลักฐานไว้เสมอ ตั้งแต่เกิดเหตุ เช่น รูปถ่าย หรือคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นระดับน้ำ และความเสียหาย เพราะคำบอกกล่าวอาจทำให้การเคลมไม่เห็นความเสียหายที่ชัดเจน หรือไม่ตรงกับความเป็นจริง นอกจากนี้เราอาจใช้เป็นหลักฐานในการขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐ เช่น หลังการประกาศภัยพิบัติมีการใช้เงินช่วยเหลือ เป็นต้น
ขั้นตอนต่อมา ให้ตรวจสอบกรมธรรม์ประกันบ้านของตัวเองว่าครอบคลุมภัยน้ำท่วมด้วยหรือเปล่า ซึ่งหลัก ๆ จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ
1. ประกันอัคคีภัยพ่วงความคุ้มครองน้ำท่วม
คนส่วนใหญ่มักทำประกันภัยบ้านในรูปแบบ “ประกันภัยอัคคีภัย” ส่วนใหญ่อาจแถมความคุ้มครองภัยน้ำท่วมไว้ (ในหมวดภัยพิบัติ) แต่วงเงินความคุ้มครอง หรือ กรณีไหนที่คุ้มครองบ้าง ต้องดูกันที่รายละเอียดในกรมธรรม์ แต่ถ้าไม่มีระบุความคุ้มครองไว้จะไม่สามารถเคลมประกันได้
2. ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินทุกชนิด (IAR)
บางคนที่มีทั้งบ้านและที่ทำงาน (ออฟฟิศ) อยู่ในที่เดียวกัน อาจซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม อย่าง ประกันภัย IAR ที่มีความคุ้มครองต่อหลากหลายด้าน เช่น ความเสียหายต่อทรัพย์สิน ไม่ว่าจะไฟไหม้ น้ำท่วม เจอภัยธรรมชาติ อื่น ๆ, ความหยุดชะงักทางธุรกิจ, ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก เป็นต้น
เคล็ดลับก่อนซื้อประกันภัยบ้าน จึงควรอ่านรายละเอียดความคุ้มครองว่ามีภัยไหนบ้าง และวงเงินความคุ้มครองเพียงพอกับความต้องการของเราหรือไม่ หากไม่พออาจซื้อแพ็กเกจเสริมได้เพิ่มเติมได้ เพราะอย่าลืมว่าถึงจะชื่อว่า “ประกัน” เหมือนกัน แต่เงื่อนไขที่ระบุไว้ในแต่ละกรมธรรม์มีความแตกต่างกันออกไป
เอกสารเคลมประกัน รู้ก่อน ยื่นก่อน
หลังจากเช็กเงื่อนไขประกันภัยของตัวเองแล้ว ควรรีบติดต่อบริษัทประกันภัยโดยเร็วที่สุดผ่านช่องทางที่เราสะดวก เช่น การติดต่อตัวแทนประกันภัย, ช่องทางออนไลน์ของบริษัท, โทรศัพท์ หรือติดต่อที่สำนักงานโดยตรง และหลังจากนั้นให้เตรียมเอกสารให้พร้อม ส่วนมากมักขอหลักฐาน ดังนี้
มาต่อกันที่ส่วนของรถยนต์กรณีที่โดนน้ำท่วมกันบ้าง ปกติแล้วเราจะสามารถยื่นเคลมให้บริษัทประกันภัยมาดูแลได้เลย หลังจากเราตรวจสอบประเภทประกันฯ และความคุ้มครองที่มีอยู่ เบื้องต้นมี 6 ข้อหลัก ๆ ที่เราต้องวางแผนจัดการ ได้แก่
1. เก็บหลักฐาน และบันทึกความเสียหาย เพื่อให้บริษัทประกันฯ ประเมินและตรวจสอบความเสียหายได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
2. แจ้งบริษัทประกันภัยทันที พร้อมรายละเอียดให้ครบถ้วน เช่น วันและเวลาที่เกิดเหตุ พื้นที่ที่เกิดน้ำท่วม และลักษณะความเสียหายที่พบ
3. ทำตามคำแนะนำของบริษัทประกันฯ เช่น แนะนำให้ลากรถไปยังอู่ซ่อมที่ได้รับการรับรอง เป็นต้น
4. ตรวจสอบสิทธิประโยชน์ในการคุ้มครองเพิ่มเติม เช่น ค่าลากรถ หรือรถทดแทนระหว่างซ่อม เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และความยุ่งยาก
5. หลังซ่อมแซมแล้วควรตรวจสอบความเรียบร้อย โดยเฉพาะระบบไฟและเครื่องยนต์ หากพบปัญหา ให้รีบแจ้งอู่หรือประกันทันที
6. การจ่ายค่าสินไหมตามทุนประกันภัย ในกรณีที่รถเสียหายเกิน 70% บริษัทประกันอาจจ่ายค่าสินไหมให้ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
แต่ถ้าอยากเจาะลึกว่า ความเสียหายระดับไหนประกันภัยต้องจ่ายเงินให้เราเท่าไร ยังมีข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งกำหนดเป็นแนวปฏิบัติที่ชัดเจนว่า รถน้ำท่วมระดับไหน ประกันภัยจะจ่ายค่าซ่อมให้เท่าไร โดยแบ่งเป็น 5 ระดับ ได้แก่
สุดท้ายนี้ จะเห็นได้ว่าประกันภัยนั้นถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันอย่างน้ำท่วมได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการอ่านและทำความเข้าใจเงื่อนไขในกรมธรรม์ที่เรามีอย่างละเอียดถี่ถ้วนตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อที่เราจะสามารถรักษาสิทธิที่ตัวเองจะได้รับจากการทำประกันเอาไว้นั่นเอง
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney