กรุงเทพฯ แพงจัง! ถึงค่าแรงปรับขึ้นบ้าง แต่รายจ่าย-ค่าครองชีพ “สูงกว่า” เงิน 400 บาท/วัน พอไหม?

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

กรุงเทพฯ แพงจัง! ถึงค่าแรงปรับขึ้นบ้าง แต่รายจ่าย-ค่าครองชีพ “สูงกว่า” เงิน 400 บาท/วัน พอไหม?

Date Time: 15 พ.ย. 2568 08:00 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

ค่าครองชีพในกรุงเทพฯ สูงขึ้น ทั้งค่าอาหาร ค่าเช่าบ้าน และค่าเดินทาง

  • ค่าอาหารในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น 106.5% ในรอบ 13 ปี
  • ค่าเช่าที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ แพงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับรายได้
  • ค่าเดินทางในกรุงเทพฯ อาจสูงถึง 100 บาทต่อวัน หรือ 15-20% ของรายได้ขั้นต่ำ
  • บทความแนะนำการจัดการการเงินส่วนบุคคลเพื่อรับมือค่าครองชีพสูง

“ค่าข้าว 70 บาท/มื้อ ค่ากาแฟ ไหนจะค่าเดินทางหลักร้อยต่อวัน”

ใครที่ใช้ชีวิตในกรุงเทพมหานครคงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี แม้จะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยโอกาส ช่องทางสร้างรายได้ และประสบการณ์ใหม่ ๆ ในชีวิต แต่ก็แลกมาพร้อมกับค่าครองชีพที่สูงลิ่วจนน่าใจหายและอดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “กรุงเทพฯ แพงจัง!”

กรุงเทพฯ แพง จริงเหรอ?

“กรุงเทพฯ” มีค่าครองชีพสูงอันดับต้น ๆ ของประเทศ แม้จะได้ค่าแรงขั้นต่ำถึง 400 บาท/วัน สูงกว่าหลายจังหวัด แต่ทำไมคนยังบ่นว่าเงินไม่พอใช้ล่ะ?

ส่วนหนึ่งเพราะทุกคนต้องแบกรับค่าครองชีพที่สูงลิ่ว ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ที่อยู่อาศัย หรือค่าเดินทาง ซึ่งราคาแพงจนเกือบจะแซงค่าแรงของหลายคนไปแล้ว

เริ่มกันที่ “ค่าแรง” ที่เป็นเหมือนเชื้อเพลิงในการใช้ชีวิต ที่ผ่านมาค่าแรงขั้นต่ำปรับเพิ่มขึ้นตามการประกาศกฎหมาย ไม่ได้ปรับขึ้นทุกปี ปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำของกรุงเทพฯ อยู่ที่ 400 บาท/วัน เพิ่มขึ้น 33.34% เมื่อเทียบกับปี 55 หรือเมื่อ 13 ปีที่ผ่านมา

เห็นตัวเลข % แล้วเหมือนค่าแรงจะเพิ่มขึ้นไม่น้อย แต่ใครจะรู้ว่าค่าใช้จ่ายมันแพงกว่านั้นเยอะ

  • ค่าอาหาร

มีผลสำรวจภาคสนามจากศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ลงพื้นที่ย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ อย่าง สีลม-สุรวงศ์ พบว่า จากปี 2555 ราคาอาหารอยู่ที่ 31 บาท/จาน ผ่านไป 13 ปี มาถึงตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 64 บาท/จาน คิดเป็น 106.5%

แม้หลายคนคิดว่าราคาอาหารไม่ได้แพงขนาดนั้น แต่ถ้าดูค่าเฉลี่ยแพงขึ้นปีละ 5.7% ต่อปี ถือว่าสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ ยิ่งถ้าเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำยิ่งเห็นภาพว่าเติบโตไม่ทันรายจ่าย ส่วนสาเหตุที่ค่าอาหารยังแพงขึ้น ส่วนหนึ่งอาจมาจาก “ค่าเช่าที่แพง” เช่น บางร้านค้าเช่าพื้นที่ขนาดประมาณ 18 ตารางเมตร ใช้เงินถึง 60,000 บาท/เดือน

  • ค่าเช่าบ้าน

ไม่ใช่แค่ค่าเช่าที่สำหรับการทำมาหากินเท่านั้นที่แพง แต่ที่อยู่อาศัยราคาสูงไม่แพ้กัน ล่าสุดกรุงเทพฯ เป็นเมืองค่าเช่าที่อยู่อาศัยแพงที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับรายได้(จากรายงานของ DWS Housing Affordability Review 2025) เพราะเหล่าครอบครัวชนชั้นกลางในกรุงเทพฯ ต้องใช้จ่ายค่าเช่า (อพาร์ตเมนต์สองห้องนอน) ราว 79% ของรายได้สุทธิหลังหักภาษี

ส่วนข้อมูลในไทยพบว่าค่าเช่าบ้านคนกรุงเทพฯ จ่ายอยู่เท่าไรอาจไม่ได้มีชัดเจน แต่จากผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน พ.ศ. 2567 ที่บอกว่าค่าใช้จ่ายของครัวเรือนไทยกว่า 21.3% เป็นค่าที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ภายในบ้าน ซึ่งถือว่าสัดส่วนหลักรองจาก ค่าอาหาร/เครื่องดื่ม/ยาสูบ (35.9%)

  • ค่าโดยสาร

หนึ่งในเรื่องที่ชาวกรุงเทพฯ บ่นมากที่สุดในช่วงนี้คงจะหนีไม่พ้น “ค่ารถไฟฟ้า” ที่เพิ่งมีการปรับขึ้นราคาบีทีเอสสายสีเขียว ไปเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ปี 2568 ดังนี้

- ราคาเดิม : ส่วนต่อขยาย 15 บาทตลอดสาย และราคารวมสูงสุดไม่เกิน 62 บาท

- ราคาใหม่ : ส่วนต่อขยายเริ่มต้นที่ 17-45 บาท และมีราคารวมสูงสุดไม่เกิน 62 บาท

ใครที่ต้องใช้ BTS ส่วนต่อขยายอาจต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 3 เท่า นี่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่ต้องต่อรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ วินมอเตอร์ไซค์ รถสองแถว หรือรถเมล์ ซึ่งหากเราใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ต้องจ่ายค่าเดินทางอย่างน้อย 100 บาท/วัน เท่ากับเดือนละ 3,000 บาท จะคิดเป็น 15-20% ของรายได้ขั้นต่ำ ซึ่งสูงกว่าองค์การสหประชาชาติ (UN) ประเมินว่าค่าเดินทางที่เหมาะสมนั้นไม่ควรเกิน 10% ของรายได้

แม้ช่วงนี้จะมีโครงการคนละครึ่งพลัสเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายไปบ้าง แต่นโยบายนี้จะใช้ได้เพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น ในขณะที่ประชาชนต้องอยู่กับราคารถไฟฟ้ายังแพงขึ้นเหมือนเดิม

ชีวิต “กรุงเทพฯ” มันแพง จัดการเงินยังไงดี?

Thairath Money ชวนคิดเรื่องเงินใน 3 ส่วนหลัก คือ “ควบคุมรายจ่าย” เมื่อหลายคนต้องทำงานหนักอาจไม่มีเวลาหารายได้เพิ่ม อาจเริ่มที่การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รู้ว่าเราเสียเงินไปกับ “สิ่งที่ไม่ใช่/ไม่จำเป็น” หรือสามารถลดทอนส่วนไหนได้บ้าง เช่น บางคนรู้ว่าช้อปเกินกำลังเพราะลืมหาส่วนลด ก็สามารถวางแผนลิสต์ไว้ว่าต้องใช้อะไร เมื่อมีช่วงโปรโมชันก็ซื้ออย่างคุ้มค่า

อย่างที่สองคือ สร้างวินัย “ออมก่อนใช้” เพราะถ้าให้ทุกอย่างจำเป็นซะหมด คงไม่ได้เก็บเงิน สูตรง่าย ๆ เราอาจเริ่มจาก 50 (ใช้จ่ายชีวิตประจำวัน) /30 (ช้อปของที่อยากได้) / 20 (เก็บออม) หรือปรับสัดส่วนตามที่เราต้องการ ถ้าเราคิดก่อน วางแผนก่อนจะทำให้การเงินของเราลื่นไหล

สุดท้าย “เพิ่มรายได้” เมื่อเห็นภาพรายจ่าย และเงินออมแล้ว ถ้าเรารู้ว่าเงินที่มีอยู่ไม่พอกับเป้าหมายในชีวิต ก็ต้องหาเพิ่ม ไม่ว่าจะหางานพิเศษใกล้บ้าน อาชีพเสริมออนไลน์จากความถนัดส่วนตัว ไปจนถึงสร้าง “Passive Income” ใช้เงินที่มีอยู่ไปทำงานแต่เราอาจต้องหาความรู้เพิ่มเติม และเลือกลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจรวมถึงรับความเสี่ยงได้

แม้ว่ากรุงเทพฯ ค่าครองชีพจะแพง แต่เมื่อชีวิตต้องไปต่อ การเริ่มวางแผนการเงินอาจช่วยแก้ปัญหาชีวิตและอยู่รอดได้ดียิ่งขึ้น


อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ “การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ