รักจบ เรื่องเงินยังไม่จบ “คนมีคู่” แต่งงานแล้วจัดการทรัพย์สินยังไงเมื่อแยกทางกัน

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

รักจบ เรื่องเงินยังไม่จบ “คนมีคู่” แต่งงานแล้วจัดการทรัพย์สินยังไงเมื่อแยกทางกัน

Date Time: 8 พ.ย. 2568 09:00 น.

Video

เก็บเงินก็ยาก ลงทุนก็เสี่ยง คนไทยรอดจากความจนยาก? กับ ดร.บุรินทร์ อดุลวัฒนะ | Thairath Money Night Stand EP.17

Summary

คู่สมรสที่จดทะเบียนหย่าร้างต้องแบ่งสินสมรส (ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรส) เป็นสองส่วนเท่าๆ กัน

  • สินส่วนตัว (ทรัพย์สินที่มีก่อนแต่ง) ไม่ต้องแบ่ง, แต่สินสมรสรวมถึงเงินเดือน, ค่าชดเชย, หรือบ้านที่ซื้อหลังแต่ง
  • หนี้สินที่เกิดขึ้นระหว่างสมรสต้องแบ่งเท่าๆ กัน, หากตกลงไม่ได้ต้องให้ศาลตัดสิน
  • การเลี้ยงดูบุตรต้องตกลงกัน, หากตกลงไม่ได้ศาลจะเป็นผู้ชี้ขาด, พ่อแม่มีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูลูกเท่าๆ กัน
  • คู่ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ทรัพย์สินที่หามาได้ร่วมกันถือเป็นกรรมสิทธิ์รวม, แต่ทรัพย์สินที่ได้มาโดยมรดกหรือให้โดยเสน่หาไม่ถือเป็นกรรมสิทธิ์รวม

Latest


“มีพบก็ต้องจาก มีรักก็ย่อมมีเลิก”

ช่วงนี้เราอาจเห็นข่าวการยุติความสัมพันธ์ของคนดัง หรือการเลิกราของคนรอบตัว ถ้าเป็นแฟนหรือแต่งงาน (ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) สิ่งที่เคยแชร์กัน ไม่ว่าจะทรัพย์สิน บ้าน รถ ก็อาจแบ่งตามเจ้าของเดิมหรือตามตกลง แต่ถ้าเป็นคู่สมรสที่สร้างทุกอย่างมาด้วยกันล่ะ ในวันที่ “หย่าร้าง” ทรัพย์สินทั้งหมดที่มีในมือ จะแบ่งกันยังไง?

หย่าแล้ว แบ่งสินทรัพย์ยังไงดี?

ตามกฎหมายสำหรับคู่แต่งงานที่จดทะเบียนสมรสกัน หากตกลงใจและจดทะเบียนหย่ากัน มักจะแบ่ง “สินสมรส” หรือทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสเป็นสองส่วนเท่าๆ กัน และไม่ใช่ว่าเงินทุกบาทที่มีคู่รักมีจะต้องแบ่งครึ่ง เพราะบางส่วนก็เป็น “สินส่วนตัว” ว่าแต่ทั้ง 2 สิ่งนี้ต่างกันอย่าง

  • สินส่วนตัว คือของหรือทรัพย์สินที่เรามีอยู่แล้ว “ก่อนแต่ง” เมื่อหย่าจึงไม่ต้องแบ่งครึ่งให้กับคู่สมรส เช่น บ้านที่ซื้อไว้ก่อนแต่งงาน ที่ดินที่ได้รับมรดกมา รวมถึงทรัพย์สินที่ได้มาแทนสินส่วนตัว ซึ่งได้มากจากการนำสินส่วนตัวเดิมไปแลกเปลี่ยนหรือขาย
  • สินสมรส คือทรัพย์สินที่งอกเงยเกิดขึ้นมาระหว่างที่แต่งงานเป็นสามี-ภรรยากัน เคสที่ชัดเจนคือหลังจดทะเบียนสมรส ไม่ว่าฝั่งไหนจะทำงานได้เงินเดือน ค่าชดเชย ขายของมาได้ ซื้อบ้าน (ต่อให้เป็นชื่อคนเดียว) ฯลฯ ก็ถือเป็นสินสมรสที่ต้องแบ่งกันคนละครึ่งกับคู่สมรส

นอกจากสินสมรสที่ต้องแบ่งกันให้ชัดเจนแล้ว “หนี้สิน” ที่เกิดขึ้นในระหว่างสมรสก็ต้องแบ่งเท่าๆ กันด้วย แน่นอนว่าถ้ายินยอมหย่ากันด้วยดีก็สามารถแบ่งทรัพย์สินที่มีอยู่ในเวลาจดทะเบียนหย่า แต่ถ้า “หย่าโดยคำพิพากษาของศาล” จะมีผลบังคับทรัพย์สินย้อนหลังไปถึงวันฟ้องหย่า

สิทธิเลี้ยงลูก ของที่แบ่งไม่ได้ทันที ต้องจัดสรรยังไงให้ลงตัว?

เรื่องเงินว่าแบ่งยากแล้ว เพราะมีรายละเอียดซับซ้อน แต่ถ้ามาถึงเรื่องความสัมพันธ์อย่าง “ลูก” พ่อแม่จะต้องตกลงกันให้เรียบร้อยว่า ลูกจะอยู่กับใคร หรือสิทธิการเลี้ยงดูจะจัดสรรกันอย่างไร เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแนะนำให้เขียนไว้เป็นหลักฐานให้ชัดเจน ถ้าหากตกลงไม่ได้ ก็อาจต้องไปถึงศาลเพื่อชี้ขาดว่าใครมีอำนาจปกครอง

นอกจากสิทธิการเลี้ยงดู ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกอาจต้องตกลงกันให้ชัดเจน ข้อมูลจากสำนักงานกิจการยุติธรรมระบุว่า พ่อและแม่มีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูลูก “เท่าๆ กัน” แบบ “ลูกหนี้ร่วม” ยกเว้นกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น และกรณีฝ่ายหนึ่งออกค่าอุปการะเลี้ยงดูฝ่ายเดียว สามารถเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากอีกฝ่ายได้ ภายใน 5 ปีนับแต่วันที่ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดู

ส่วนทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่มักมีสิทธิร่วมกัน เช่น รถยนต์ หรือบ้าน อาจไม่สามารถแบ่งครึ่งกันได้อย่างชัดเจน เคสนี้เบื้องต้นอยู่ที่ว่า “ตกลงกันได้ไหม” ทางออกที่ง่ายที่สุดอาจขายเป็นเงินเพื่อแบ่งครึ่งกัน หรือบางเคสอาจหาราคากลางที่พอใจทั้งสองฝ่าย สามี-ภรรยาต้องไปตกลงกันว่าจะจัดการให้บ้านและที่ดินเป็นของใคร และฝ่ายที่อยากได้กรรมสิทธิ์นั้นจ่าย ชดใช้ราคาตามส่วน เช่น บ้านหนึ่งหลังมีราคาประเมิน 2 ล้านบาท ภรรยาอยากเก็บบ้านไว้ก็จ่ายชดใช้เงินอีกครึ่งหนึ่ง (1 ล้านบาท) ให้สามี

อยู่กินแบบคู่แต่งงาน แต่ไม่ได้สมรสกัน แบ่งทรัพย์สินยังไง?

กรณีคู่รักอยู่กินกันเหมือนสามี-ภรรยาทั่วไป แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสนั้น แม้จะไม่เข้าข้อกฎหมายเรื่องสินสมรส แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องจากกันแบบตัวเปล่า เพราะข้อมูลจากธนาคารไทยพาณิชย์ระบุว่า ศาลฎีกามีแนวคำพิพากษาว่า ทรัพย์สินที่ทั้งคู่ทำมาหาได้ร่วมกัน ในระหว่างที่อยู่ด้วยกัน จะถือเป็น “กรรมสิทธิ์รวม” ซึ่งหมายความว่า ทั้งคู่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นคนละครึ่ง เหมือนคู่สมรสทั่วไป ซึ่งเรื่องนี้ย่อมรวมถึงหนี้สินที่สร้างมาระหว่างอยู่ด้วยกัน (บางธนาคารตอนขอสินเชื่อจะมีเอกสารให้เซ็นรับทราบว่ามีกรรมสิทธิ์ร่วมแม้ได้จดทะเบียนสมรส)

ในเคสคนที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน มีบางทรัพย์สินที่ไม่ถือเป็นกรรมสิทธิ์รวม เพราะไม่ได้เกิดจากการทำมาหาได้ร่วมกัน เช่น ทรัพย์สินที่ได้มาโดยมรดก ทรัพย์สินที่ได้มาโดยการให้โดยเสน่หา ถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือทรัพย์สินที่ฝ่ายหนึ่งหามาได้เพียงฝ่ายเดียว โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้มีส่วนช่วยเลย เป็นต้น

สุดท้ายก่อนจะหย่าร้าง แม้ประตูใจจะปิดไปแต่เราควรวางแผนการเงินให้รอบด้าน อาจเริ่มจากลิสต์ว่าเรามีทรัพย์สินอะไรจัดเป็นแบบไหน เริ่มมองหาลู่ทางในการทำมาหากิน และพูดคุยเพื่อตกลงกันให้ชัดเจน เพื่อให้ต่างฝ่ายต่างสบายใจในทุกทาง


ที่มา: สำนักงานกิจการยุติธรรม [1] [2] [3], ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารไทยพาณิชย์ [1] [2]

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ