
คู่สมรสที่จดทะเบียนหย่าร้างต้องแบ่งสินสมรส (ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรส) เป็นสองส่วนเท่าๆ กัน
“มีพบก็ต้องจาก มีรักก็ย่อมมีเลิก”
ช่วงนี้เราอาจเห็นข่าวการยุติความสัมพันธ์ของคนดัง หรือการเลิกราของคนรอบตัว ถ้าเป็นแฟนหรือแต่งงาน (ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) สิ่งที่เคยแชร์กัน ไม่ว่าจะทรัพย์สิน บ้าน รถ ก็อาจแบ่งตามเจ้าของเดิมหรือตามตกลง แต่ถ้าเป็นคู่สมรสที่สร้างทุกอย่างมาด้วยกันล่ะ ในวันที่ “หย่าร้าง” ทรัพย์สินทั้งหมดที่มีในมือ จะแบ่งกันยังไง?
ตามกฎหมายสำหรับคู่แต่งงานที่จดทะเบียนสมรสกัน หากตกลงใจและจดทะเบียนหย่ากัน มักจะแบ่ง “สินสมรส” หรือทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสเป็นสองส่วนเท่าๆ กัน และไม่ใช่ว่าเงินทุกบาทที่มีคู่รักมีจะต้องแบ่งครึ่ง เพราะบางส่วนก็เป็น “สินส่วนตัว” ว่าแต่ทั้ง 2 สิ่งนี้ต่างกันอย่าง
นอกจากสินสมรสที่ต้องแบ่งกันให้ชัดเจนแล้ว “หนี้สิน” ที่เกิดขึ้นในระหว่างสมรสก็ต้องแบ่งเท่าๆ กันด้วย แน่นอนว่าถ้ายินยอมหย่ากันด้วยดีก็สามารถแบ่งทรัพย์สินที่มีอยู่ในเวลาจดทะเบียนหย่า แต่ถ้า “หย่าโดยคำพิพากษาของศาล” จะมีผลบังคับทรัพย์สินย้อนหลังไปถึงวันฟ้องหย่า
เรื่องเงินว่าแบ่งยากแล้ว เพราะมีรายละเอียดซับซ้อน แต่ถ้ามาถึงเรื่องความสัมพันธ์อย่าง “ลูก” พ่อแม่จะต้องตกลงกันให้เรียบร้อยว่า ลูกจะอยู่กับใคร หรือสิทธิการเลี้ยงดูจะจัดสรรกันอย่างไร เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแนะนำให้เขียนไว้เป็นหลักฐานให้ชัดเจน ถ้าหากตกลงไม่ได้ ก็อาจต้องไปถึงศาลเพื่อชี้ขาดว่าใครมีอำนาจปกครอง
นอกจากสิทธิการเลี้ยงดู ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกอาจต้องตกลงกันให้ชัดเจน ข้อมูลจากสำนักงานกิจการยุติธรรมระบุว่า พ่อและแม่มีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูลูก “เท่าๆ กัน” แบบ “ลูกหนี้ร่วม” ยกเว้นกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น และกรณีฝ่ายหนึ่งออกค่าอุปการะเลี้ยงดูฝ่ายเดียว สามารถเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากอีกฝ่ายได้ ภายใน 5 ปีนับแต่วันที่ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดู
ส่วนทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่มักมีสิทธิร่วมกัน เช่น รถยนต์ หรือบ้าน อาจไม่สามารถแบ่งครึ่งกันได้อย่างชัดเจน เคสนี้เบื้องต้นอยู่ที่ว่า “ตกลงกันได้ไหม” ทางออกที่ง่ายที่สุดอาจขายเป็นเงินเพื่อแบ่งครึ่งกัน หรือบางเคสอาจหาราคากลางที่พอใจทั้งสองฝ่าย สามี-ภรรยาต้องไปตกลงกันว่าจะจัดการให้บ้านและที่ดินเป็นของใคร และฝ่ายที่อยากได้กรรมสิทธิ์นั้นจ่าย ชดใช้ราคาตามส่วน เช่น บ้านหนึ่งหลังมีราคาประเมิน 2 ล้านบาท ภรรยาอยากเก็บบ้านไว้ก็จ่ายชดใช้เงินอีกครึ่งหนึ่ง (1 ล้านบาท) ให้สามี
กรณีคู่รักอยู่กินกันเหมือนสามี-ภรรยาทั่วไป แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสนั้น แม้จะไม่เข้าข้อกฎหมายเรื่องสินสมรส แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องจากกันแบบตัวเปล่า เพราะข้อมูลจากธนาคารไทยพาณิชย์ระบุว่า ศาลฎีกามีแนวคำพิพากษาว่า ทรัพย์สินที่ทั้งคู่ทำมาหาได้ร่วมกัน ในระหว่างที่อยู่ด้วยกัน จะถือเป็น “กรรมสิทธิ์รวม” ซึ่งหมายความว่า ทั้งคู่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นคนละครึ่ง เหมือนคู่สมรสทั่วไป ซึ่งเรื่องนี้ย่อมรวมถึงหนี้สินที่สร้างมาระหว่างอยู่ด้วยกัน (บางธนาคารตอนขอสินเชื่อจะมีเอกสารให้เซ็นรับทราบว่ามีกรรมสิทธิ์ร่วมแม้ได้จดทะเบียนสมรส)
ในเคสคนที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน มีบางทรัพย์สินที่ไม่ถือเป็นกรรมสิทธิ์รวม เพราะไม่ได้เกิดจากการทำมาหาได้ร่วมกัน เช่น ทรัพย์สินที่ได้มาโดยมรดก ทรัพย์สินที่ได้มาโดยการให้โดยเสน่หา ถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือทรัพย์สินที่ฝ่ายหนึ่งหามาได้เพียงฝ่ายเดียว โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้มีส่วนช่วยเลย เป็นต้น
สุดท้ายก่อนจะหย่าร้าง แม้ประตูใจจะปิดไปแต่เราควรวางแผนการเงินให้รอบด้าน อาจเริ่มจากลิสต์ว่าเรามีทรัพย์สินอะไรจัดเป็นแบบไหน เริ่มมองหาลู่ทางในการทำมาหากิน และพูดคุยเพื่อตกลงกันให้ชัดเจน เพื่อให้ต่างฝ่ายต่างสบายใจในทุกทาง
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney