
ช่วงปลายปีแบบนี้ คือเวลาทองของการวางแผนภาษี เพื่อให้เราจ่ายภาษีได้อย่างถูกต้อง หรือ ไม่จ่ายเกินกว่าที่ควรจะเป็น! และเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ที่ทำให้มนุษย์เงินเดือน เห็นภาพชัดเจนว่า เงินเดือนที่เราได้รับในแต่ละเดือนนั้น กลายเป็น “เงินได้สุทธิ” เท่าไหร่ และต้องจ่าย “ภาษีจริง” เป็นจำนวนกี่บาท หากเราใช้แค่เพียงสิทธิลดหย่อนพื้นฐานเท่านั้น Thairath Money ชวนศึกษาเรื่องนี้
หลักการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของประเทศไทย อ้างอิงข้อมูลจากกรมสรรพากร เราใช้ระบบที่เรียกว่า “อัตราก้าวหน้า” (Progressive Rate) หรือ “ขั้นบันได” ซึ่งหมายความว่า ภาษีไม่ได้ถูกคิดจากเงินได้ทั้งหมดในอัตราเดียวเท่ากัน แต่จะแบ่งเงินได้ของเราออกเป็นช่วง ๆ และใช้ "อัตราภาษี" ที่สูงขึ้นไปตามลำดับ
เงินได้สุทธิ = รายได้ทั้งปี - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน
สำหรับสิทธิพื้นฐานที่กฎหมายอนุญาตให้ผู้มีเงินได้ นำมาหักออกได้โดยไม่ต้องมีเอกสารหลักฐานจำนวนมาก ประกอบด้วย ...
ส่วนที่ 1: สิทธิในการ "หักค่าใช้จ่าย" (สูงสุด 100,000 บาท)
เงินได้ประเภทที่ 1 (เงินเดือน) สามารถหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ 50% ของรายได้ต่อปี แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี เช่น ถ้าเงินได้ต่อปี คือ 420,000 บาท (50% คือ 210,000 บาท) ก็จะหักได้แค่ 100,000 บาท ตามเพดานเท่านั้น
ส่วนที่ 2 : สิทธิ "ค่าลดหย่อนส่วนตัว" (60,000 บาท)
เป็นสิทธิที่ ผู้เสียภาษีทุกคนได้รับโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าจะสถานะโสด สมรส หรือมีบุตรหรือไม่ก็ตาม
สรุป รวมสิทธิลดหย่อนขั้นพื้นฐาน (กรณีไม่ใช่สิทธิลดหย่อนอื่นๆเพิ่ม)
รวมทั้งสิ้น : 160,000 บาท
ตัวอย่างการคำนวณภาษี สำหรับเงินเดือน 50,000 บาท
เงินได้สุทธิ จะเท่ากับ ( 600,000 - 100,000 - 60,000 ) = 440,000 บาท
ซึ่งเมื่อนำมาคำนวณภาษีตามขั้นบันได บุคคลนี้ จะเสียภาษีอยู่ที่ 10% หรือ 21,500 บาท
ที่นี่มาดูการคำนวณ ไล่ตามฐานเงินเดือน ต่ำ ไป สูง แบบคร่าวๆ ว่าเราจะต้องเสียภาษีเท่าไหร่ ถ้าอ้างอิงจากสิทธิลดหย่อนพื้นฐานเบื้องต้น ก่อนเริ่มหาตัวช่วยลดหย่อนอื่น ๆ เช่น
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า เมื่อเงินได้สุทธิของเราเริ่มเกิน 150,000 บาทต่อปี จะเริ่มมีภาษีเกิดขึ้น ยิ่งรายได้สูงขึ้น อัตราภาษีก็จะสูงขึ้นตามขั้นบันได ดังนั้น หากไม่อยากจ่ายภาษีเกินจำเป็น ต้องรีบวางแผน “หาค่าลดหย่อนเพิ่ม” เช่น
เพราะทุกบาทที่หักลดหย่อนได้ จะช่วยให้เงินได้สุทธิของเรา “ลดลง” และจ่ายภาษี “น้อยลง” อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และการเข้าใจ “เงินได้สุทธิ” ของตัวเองวันนี้ จะทำให้เราเริ่มวางแผนภาษีได้ฉลาดขึ้น รวมถึง มีเงินเหลือเก็บมากขึ้นนั่นเอง
ที่มา : กรมสรรพากร , finvest ,ธนาคารกสิกรไทย
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney