“เสียภาษีมากกว่าที่ควรหรือเปล่า? เข้าใจ "เงินได้สุทธิ-สิทธิลดหย่อนพื้นฐาน" ให้ถูก ก่อนหาทางประหยัด

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

“เสียภาษีมากกว่าที่ควรหรือเปล่า? เข้าใจ "เงินได้สุทธิ-สิทธิลดหย่อนพื้นฐาน" ให้ถูก ก่อนหาทางประหยัด

Date Time: 1 พ.ย. 2568 16:06 น.

Video

บุกโรงงานญี่ปุ่น ทัวร์ Glico ยักษ์ใหญ่อาหาร 3 แสนล้านเยน | BrandStory EP.27

Summary

ครบทุกเรื่องภาษีที่มนุษย์เงินเดือนควรรู้! วางแผนภาษี กับความเข้าใจเรื่อง เงินได้สุทธิ , วิธีคำนวณภาษี , อัตราภาษี และสิทธิลดหย่อนพื้นฐาน ก่อนหาทางประหยัดภาษี ผ่านสิทธิลดหย่อนอื่นๆที่พึงมี

Latest


ช่วงปลายปีแบบนี้ คือเวลาทองของการวางแผนภาษี เพื่อให้เราจ่ายภาษีได้อย่างถูกต้อง หรือ ไม่จ่ายเกินกว่าที่ควรจะเป็น! และเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ที่ทำให้มนุษย์เงินเดือน เห็นภาพชัดเจนว่า เงินเดือนที่เราได้รับในแต่ละเดือนนั้น กลายเป็น “เงินได้สุทธิ” เท่าไหร่ และต้องจ่าย “ภาษีจริง” เป็นจำนวนกี่บาท หากเราใช้แค่เพียงสิทธิลดหย่อนพื้นฐานเท่านั้น Thairath Money ชวนศึกษาเรื่องนี้

ทำความเข้าใจหลักการพื้นฐาน “เรื่องภาษี” 

หลักการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของประเทศไทย อ้างอิงข้อมูลจากกรมสรรพากร เราใช้ระบบที่เรียกว่า  “อัตราก้าวหน้า” (Progressive Rate) หรือ “ขั้นบันได” ซึ่งหมายความว่า ภาษีไม่ได้ถูกคิดจากเงินได้ทั้งหมดในอัตราเดียวเท่ากัน แต่จะแบ่งเงินได้ของเราออกเป็นช่วง ๆ และใช้ "อัตราภาษี" ที่สูงขึ้นไปตามลำดับ 

อัตราภาษีแบบขั้นบันได 

  • เงินได้สุทธิ : 0 - 150,000 บาท  (ได้รับการยกเว้นภาษี )
  • เงินได้สุทธิ : 150,001 - 300,000 บาท ( อัตราภาษี 5%)
  • เงินได้สุทธิ : 300,001 - 500,000 บาท ( อัตราภาษี 10%)
  • เงินได้สุทธิ : 500,001 - 750,000 บาท ( อัตราภาษี 15%)
  • เงินได้สุทธิ : 750,001 - 1,000,000 บาท ( อัตราภาษี 20%)
  • เงินได้สุทธิ : 1,000,001 - 2,000,000 บาท ( อัตราภาษี 25%)
  • เงินได้สุทธิ : 2,000,001 - 5,000,000 บาท ( อัตราภาษี 30%)
  • เงินได้สุทธิ : 5,000,001 บาท ขึ้นไป ( อัตราภาษี 35%)

สูตรคำนวณภาษี (แบบง่ายที่สุด)

เงินได้สุทธิ = รายได้ทั้งปี  - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน

สำหรับสิทธิพื้นฐานที่กฎหมายอนุญาตให้ผู้มีเงินได้ นำมาหักออกได้โดยไม่ต้องมีเอกสารหลักฐานจำนวนมาก ประกอบด้วย ... 

ส่วนที่ 1: สิทธิในการ "หักค่าใช้จ่าย" (สูงสุด 100,000 บาท)

เงินได้ประเภทที่ 1 (เงินเดือน) สามารถหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ 50% ของรายได้ต่อปี แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี เช่น ถ้าเงินได้ต่อปี คือ 420,000 บาท (50% คือ 210,000 บาท) ก็จะหักได้แค่ 100,000 บาท ตามเพดานเท่านั้น 

ส่วนที่ 2 : สิทธิ "ค่าลดหย่อนส่วนตัว" (60,000 บาท) 

เป็นสิทธิที่ ผู้เสียภาษีทุกคนได้รับโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าจะสถานะโสด สมรส หรือมีบุตรหรือไม่ก็ตาม 

สรุป รวมสิทธิลดหย่อนขั้นพื้นฐาน (กรณีไม่ใช่สิทธิลดหย่อนอื่นๆเพิ่ม)

  • ค่าใช้จ่าย (สูงสุดสำหรับเงินเดือน)  100,000 บาท
  • ค่าลดหย่อนส่วนตัว  60,000 บาท

       รวมทั้งสิ้น : 160,000 บาท

ตัวอย่างการคำนวณภาษี สำหรับเงินเดือน 50,000 บาท 

เงินได้สุทธิ จะเท่ากับ ( 600,000 - 100,000 - 60,000 ) = 440,000 บาท

ซึ่งเมื่อนำมาคำนวณภาษีตามขั้นบันได บุคคลนี้ จะเสียภาษีอยู่ที่ 10% หรือ 21,500 บาท 

ที่นี่มาดูการคำนวณ ไล่ตามฐานเงินเดือน ต่ำ ไป สูง แบบคร่าวๆ ว่าเราจะต้องเสียภาษีเท่าไหร่ ถ้าอ้างอิงจากสิทธิลดหย่อนพื้นฐานเบื้องต้น ก่อนเริ่มหาตัวช่วยลดหย่อนอื่น ๆ เช่น 

  • เงินเดือน 15,000 บาท รายได้รวมทั้งปี (เงินเดือนx12) อยู่ที่ 180,000 บาท เงินได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย 30,000 บาท ภาษีที่ต้องเสีย = ไม่ต้องเสีย
  • เงินเดือน 35,000 บาท รายได้รวมทั้งปี (เงินเดือนx12) 420,000 บาท เงินได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนส่วนตัว 260,000 บาท ภาษีที่ต้องเสีย = 5,500 บาท 
  • เงินเดือน 60,000 บาท รายได้รวมทั้งปี (เงินเดือนx12) 720,000 บาท เงินได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนส่วนตัว 560,000 บาท ภาษีที่ต้องเสีย = 36,500 บาท 
  • เงินเดือน 100,000 บาท รายได้รวมทั้งปี (เงินเดือนx12) 1,200,000 บาท เงินได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนส่วนตัว 1,040,000 บาท ภาษีที่ต้องเสีย = 125,000 บาท 


จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า เมื่อเงินได้สุทธิของเราเริ่มเกิน 150,000 บาทต่อปี จะเริ่มมีภาษีเกิดขึ้น ยิ่งรายได้สูงขึ้น อัตราภาษีก็จะสูงขึ้นตามขั้นบันได ดังนั้น หากไม่อยากจ่ายภาษีเกินจำเป็น ต้องรีบวางแผน “หาค่าลดหย่อนเพิ่ม” เช่น

  • ซื้อประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ
  • ลงทุนในกองทุน RMF / SSF
  • ใช้สิทธิดอกเบี้ยบ้าน
  • บริจาคเพื่อการศึกษา / โรงพยาบาล / สาธารณกุศล

รวมสิทธิลดหย่อนภาษี ปี 2568

เพราะทุกบาทที่หักลดหย่อนได้ จะช่วยให้เงินได้สุทธิของเรา “ลดลง” และจ่ายภาษี “น้อยลง” อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และการเข้าใจ “เงินได้สุทธิ” ของตัวเองวันนี้ จะทำให้เราเริ่มวางแผนภาษีได้ฉลาดขึ้น รวมถึง มีเงินเหลือเก็บมากขึ้นนั่นเอง 


ที่มา : กรมสรรพากร , finvest ,ธนาคารกสิกรไทย 

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney



Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ