เด็กมหาลัยต้องมีพื้นฐานการเงินอะไรบ้าง? ส่องโมเดล MoneySense จากสิงคโปร์

Personal Finance

Financial Planning

Content Partnership

Content Partnership

Tag

เด็กมหาลัยต้องมีพื้นฐานการเงินอะไรบ้าง? ส่องโมเดล MoneySense จากสิงคโปร์

Date Time: 8 ต.ค. 2568 13:55 น.
Content Partnership

Summary

  • MoneySense โมเดลโครงการให้ความรู้ทางการเงินแห่งชาติของรัฐบาลสิงคโปร์ เพื่อสร้าง “ภูมิคุ้มกันทางการเงิน” ให้ประชาชนรู้จักออม ลงทุน และวางแผนชีวิตตั้งแต่วัยเรียนก่อนเข้าสู่วัยทำงาน

ในวันที่ “เงิน” ไม่ได้เป็นเพียงสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แต่เป็น “ทักษะชีวิต” ที่ต้องเรียนรู้ การบริหารการเงินส่วนบุคคลเป็นอีกหนึ่งวิชาชีวิตที่ทุกคนควรเข้าใจ โดยเฉพาะนักศึกษามหาวิทยาลัยซึ่งกำลังย่างเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านจากวัยเรียนสู่โลกของการทำงาน การรู้จักจัดการเงินตั้งแต่วันนี้ คือก้าวแรกของความมั่นคงทางการเงินในอนาคต

“MoneySense” โมเดลความรู้การเงินระดับชาติ เด็กมหาลัยสิงคโปร์

โครงการ MoneySense เป็นโครงการการศึกษาทางการเงินระดับชาติของสิงคโปร์ จัดตั้งขึ้นในปี 2546 โดยความร่วมมือระหว่างธนาคารกลางของสิงคโปร์ และกระทรวงแรงงาน เพื่อช่วยให้ชาวสิงคโปร์จัดการเงินได้อย่างชาญฉลาด

จุดมุ่งหมายของ MoneySense คือ

1. ให้ความรู้พื้นฐานทางการเงินที่ทุกคนควรรู้ เช่น การจัดทำงบประมาณส่วนตัว การออม การลงทุน การใช้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ และการวางแผนเกษียณ

2. ช่วยให้คนสิงคโปร์รู้ เข้าใจ และตัดสินใจเรื่องเงินได้ ผ่านสื่อการสอน เช่น บทความ เกมออนไลน์ คลิปวิดีโอ และหลักสูตรการเรียนรู้สำหรับเยาวชน

3. สร้างสังคมที่มีวินัยทางการเงินและป้องกันหนี้เกินตัว

โดย MoneySense มีโปรแกรมเพื่อเยาวชนที่ชื่อว่า “Financial Education for Youth” ซึ่งสอนผ่านโรงเรียน มหาวิทยาลัย และกิจกรรมของหน่วยงานรัฐ โดยครอบคลุมหัวข้อหลัก เช่น

  • การจัดงบประมาณและควบคุมการใช้จ่าย
  • ดอกเบี้ยและผลของการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต
  • ความสำคัญของการออม
  • การลงทุนอย่างเข้าใจความเสี่ยง
  • การวางแผนใช้เงินหลังเรียนจบ
  • การป้องกันภัยทางการเงิน (เช่น การหลอกลวงทางออนไลน์)

อีกทั้งยังมุ่งเน้นให้เยาวชนเข้าใจระบบ CPF คือการวางแผนเกษียณอายุตั้งแต่วันแรก นั่นคือ Central Provident Fund (CPF) แกนหลักของการออมและการเกษียณของพลเมืองสิงคโปร์ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเงินกู้เพื่อการศึกษาที่ได้รับการอุดหนุน

ในไทยยังเป็นความรู้เฉพาะกลุ่ม ?

หน่วยงานรัฐอย่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก็มีโครงการส่งเสริม Financial Literacy ให้แก่บุคคลโดยทั่วไปเช่นกัน

และในระดับมหาวิทยาลัยอย่าง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการสอดแทรกเนื้อหาการเงินในหลายรูปแบบ ทั้งในรายวิชาของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี เช่น “การวิเคราะห์การเงินเพื่อการตัดสินใจ” หรือหลักสูตรสั้น Finance for Non-Financial Executives สำหรับผู้เรียนที่ไม่ได้มาจากสายเศรษฐศาสตร์โดยตรง

นอกจากนี้ ยังมีการจัดสัมมนาร่วมกับภาคเอกชนและธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้ความรู้เรื่องเครดิต การออม และการบริหารงบประมาณส่วนบุคคลด้วยเช่นกัน

โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมมือกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดทำโครงการสำรวจการติดตามระดับความรู้และการเข้าถึงบริการทางการเงินของครัวเรือน ประจำปี 2567 พบว่า สถานการณ์การเงินของครัวเรือนไทยยังประสบปัญหาเรื่องการออม หรือสำรองเงินฉุกเฉิน

เมื่อครัวเรือนต้องหยุดทำงานกะทันหันโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาที่แน่ชัด ครัวเรือนที่สามารถนำเงินออม มาใช้ดำรงชีพได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป มีไม่ถึง 1 ใน 4 ของครัวเรือนทั้งสิ้นหรือคิดเป็นร้อยละ 22.7 เท่านั้น เช่นเดียวกับข้อมูลที่พบว่า ครัวเรือนทั่วประเทศไทยเคยประสบปัญหาเงินไม่พอจ่ายสูงถึงร้อยละ 56.8

จากข้อมูลสถานการณ์ดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์การเงินของครัวเรือนไทยที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปัญหาเรื้อรังระยะยาว หากเยาวชนหรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่ได้เข้าใจพื้นฐานเรื่องการเงินอย่างแท้จริง

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance  ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

Content Partnership

Content Partnership