
ล่าสุด 7 ต.ค. 68 คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. มีมติเห็นชอบโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งคาดว่าจะทันให้ร้านค้า และประชาชนลงทะเบียนภายในเดือน ต.ค. นี้ และเริ่มใช้จ่ายภายในไตรมาส 4/68
แต่คำถามสำคัญที่เหล่าร้านค้ากังวลคือข้อมูลรายได้ การใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจะถูกรายงานต่อสรรพากรไหม วันนี้ Thairath Money รวบรวมทุกข้อมูลและสรุปทุกข้อสงสัยไว้ที่นี่แล้ว
โครงการคนละครึ่งพลัส เป็นหนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาลอนุทินที่จะมากระตุ้นเศรษฐกิจไทยแบบ "Quick Big Win" หลายคนสงสัยว่าจะต่างกับโครงการคนละครึ่งในยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เบื้องต้นมี 3 ข้อหลัก คือ
1. ลดอายุผู้เข้าร่วมโครงการมาอยู่ที่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป (จากเดิม 18 ปีขึ้นไป)
2. เพิ่มวงเงินที่รัฐสมทบเป็น 200 บาท/วัน จากเดิมที่ 150 บาท/วัน
3. เพิ่มสัดส่วนเงินที่รัฐสมทบให้ "กลุ่มผู้ยื่นแบบภาษี" เช่น รัฐอุดหนุน 60: จ่ายเอง 40 เป็นต้น
ทั้งนี้ คุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งพลัส มีอยู่ 5 ข้อ คือ
โดยวงเงินที่ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับนั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
ส่วนที่หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้วลงทะเบียนคนละครึ่งพลัสไม่ได้? นั่นเพราะคลังจะ “เติมเงิน” ให้คนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจากเดิม 300 บาท/เดือน กลายเป็น 850 บาท/เดือน รวม 2 เดือนผู้มีบัตรจะได้รับเงิน 1,700 บาท/คน (ตั้งแต่เดือน พ.ย. - ธ.ค. 2568)
ปัญหาเดิมจากคนละครึ่งรอบที่ผ่านมา เหล่าพ่อค้าแม่ค้ามีข้อสงสัยว่าเมื่อเข้าโครงการแล้วข้อมูลรายได้ รายรับของร้านจะถูกส่งต่อไปที่สรรพากรมากแค่ไหน บางส่วนกังวลว่าจะเจอเรื่องภาษีย้อนหลังไหม ส่งผลให้หลายร้านค้ายังกังวลและลังเลว่า ควรจะลงทะเบียนร่วมคนละครึ่งพลัสหรือไม่
ล่าสุด นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ย้ำว่า กรณีที่พ่อค้าแม่ค้ากังวลเหล่านี้ ข้อมูลต่าง ๆ จะเป็นข้อมูลลับไม่มีการเปิดเผยให้บุคคลภายนอก จะไม่มีการส่งให้กรมสรรพากร เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าจะได้สบายใจ
ทั้งนี้ ฝั่งร้านค้าจะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 15 ต.ค. - 19 ธ.ค. 68 ร้านค้ากลุ่มเดิมที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ในปี 2565 ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ แต่หากเป็นร้านค้ากลุ่มใหม่นั้นต้องมีบัญชีธนาคารกรุงไทย และสมัครผ่านร้านค้าถุงเงินผ่าน www.ถุงเงินกรุงไทย.com
นอกจากนี้ เอกนิติ ยังกล่าวต่อว่า โครงการคนละครึ่งพลัสจะให้โอกาส Micro SME หรือร้านค้ารายย่อยที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท/ปี ให้เข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งต่างจากเดิมที่เคยให้แค่บุคคลธรรมดาเท่านั้น
ฝั่งประชาชนทั่วไปจะเปิดให้เริ่มลงทะเบียน วันที่ 20 - 26 ต.ค. 68
ลงทะเบียนรับสิทธิผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” และหากเป็นผู้ใช้ใหม่ให้ยืนยันตัวตนที่ G-Wallet ก่อน หลังจากนั้นจึงจะได้รับวงเงินตามสิทธิของตัวเอง
เปิดให้เริ่มใช้จ่าย วันที่ 29 ต.ค. - 31 ธ.ค. 68
สามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. ปี 68 เวลา 06:00 น. เป็นต้นไป และที่สำคัญคือต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. ปี 68 ก่อนเวลา 23:59 น. ไม่งั้นสิทธิที่ได้มาจะถูกยกเลิกตามเงื่อนไขของโครงการ
ใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี 7 พ.ย. 68 - 31 ธ.ค. ปี 68
และอีกหนึ่งสิ่งใหม่ที่โครงการคนละครึ่งพลัสมีนั้นคือเราสามารถใช้สิทธิในการจ่ายฟู้ดเดลิเวอรีได้ โดยมีเวลาในการสั่งคือ 06:00 น. - 21.00 น. ของทุกวันจนกว่าจะสิ้นสุดโครงการ
ทั้งนี้ แม้ว่าการใช้จ่ายคนละครึ่งนั้นจะช่วยให้เราสามารถประหยัดไปได้ครึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่าย ทว่า ในบางครั้งก็อาจทำให้เกิดการใช้จ่ายเกินตัวได้ และจะดีกว่าไหมหากเรามีการวางแผนสำหรับใช้จ่าย เช่น
1. เลือกซื้อเฉพาะสิ่งที่จำเป็น : ถึงเราจะได้จ่ายแค่ครึ่งเดียว แต่ก็อย่าลืมที่จะถามตัวเองก่อนว่าเราต้องการจะซื้อสิ่งนี้จริง ๆ ไหม เพราะบางครั้งถ้าเราไม่ได้ใช้หรือวางทิ้งไว้เฉย ๆ อาจทำให้ตัวเองรู้สึกเสียดายทีหลังได้แม้จะเป็นเงินจำนวนน้อยก็ตาม
2. ระวังการซื้อเกินงบ : บางคนเผลอซื้อเยอะเกินเพราะคิดว่าจ่ายแค่ครึ่งเดียว ไม่เป็นไรหรอก จนกลายเป็นเผลอใช้จ่ายเยอะกว่าปกติด้วยซ้ำ วิธีป้องกันคือกำหนดไปเลยว่าวันนี้เราจะใช้เท่าไหร่ เช่น ใช้จ่ายไม่เกินวันละ 200 บาทตามวงเงินคนละครึ่งที่ได้รับในแต่ละวัน
3. มองหาร้านที่ลดราคา : ถ้าเราซื้อของที่ลดราคาด้วยการจ่ายคนละครึ่งก็ยิ่งจะทำให้เราซื้อของได้คุ้มกว่าเดิม เช่น ร้านลดราคาจากเดิม 500 บาท เหลือ 400 บาท และเราจ่ายด้วยคนละครึ่งนั้นหมายความว่าเราจะได้ของชิ้นนั้นมาในราคา 200 บาทเท่านั้น
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney