
จะเป็นอย่างไร ถ้าเกิดว่าการเลือกคู่ครองไม่ต่างกับดีลธุรกิจครั้งใหญ่ ? Materialist ภาพยนตร์ Romantic Comedy เรื่องล่าสุดจากผู้กำกับ เซลีน ซง (Celine Song) ที่พาเราไปอยู่กลางสมการความสัมพันธ์ที่มีตัวแปรสำคัญคือ เงิน และ หัวใจ
โดยแรงบันดาลใจของหนังมาจากประสบการณ์จริงของเธอกับการเป็นแม่สื่อ (Matchmaker) ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ที่ทำให้เธอได้สัมผัสถึงการตีค่าความรักออกมาเป็นตัวเลขและสถิติทั้งหมด
“พวกเขาตอบอย่างตรงไปตรงมา ทิ้งความโรแมนติกแบบดั้งเดิม แล้วหันมาใช้ตัวเลขอย่างชัดเจนแทน ฉันก็อยากให้เราสามารถใช้ตัวเลขหรือสูตรคำนวณความรักได้ แต่ความรักมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป” เซลีน ซง กล่าว
Materialist คือสมการที่มี 3 ตัวแปรสำคัญคือ Lucy (รับบทโดย Dakota Johnson) แม่สื่อจากบริษัทหาคู่ ผู้มองงานของตัวเองไม่ต่างจากนายธนาคารที่คอยประเมิน “มูลค่า” ของลูกค้าในตลาดหาคู่
และ John (รับบทโดย Chris Evans) แฟนเก่าของ Lucy ที่ประสบปัญหาทางการเงิน เขาต้องทำงานหลายทางเพื่อจุนเจือค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของตัวเอง ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับตัวแปรสุดท้ายอย่าง Harry (รับบทโดย Pedro Pascal) ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งที่มาพร้อมรูปร่างหน้าตา แบบที่ในวงการแม่สื่อเรียกกันว่า “ยูนิคอร์น”
ตลอดเกือบ 2 ชั่วโมง ของภาพยนตร์ Materialist จึงดำเนินไปด้วยภาพเส้นทางความรักของทั้งสามคน ที่ไม่ได้ดำเนินไปบนฐานความรู้สึกเพียงอย่างเดียว แต่แฝงไปด้วยความแตกต่างของสถานะทางการเงินและสังคมอย่างชัดเจน
สิ่งหนึ่งที่ผู้ชมตั้งคำถามได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้คือ ทุกความสัมพันธ์บนโลกมีปัจจัยบางอย่างที่คอยกำหนดมัน และปัจจัยเหล่านั้น “เงิน” มีอิทธิพลมากที่สุดหรือไม่
แน่นอนว่า เหล่านี้คงเป็นข้อเท็จจริงที่ผู้คนปฏิเสธไม่ได้ ในวันที่โลกขับเคลื่อนไปในลักษณะบริโภคนิยม คือ สังคมที่ให้ความสำคัญกับการบริโภคสินค้าและบริการเป็นศูนย์กลาง ขับเคลื่อนด้วยระบบทุนนิยมและเทคโนโลยี โดยผู้คนพึ่งพิงวัตถุเพื่อความสะดวกสบาย
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ความสัมพันธ์ของผู้คนจะเอนเอียงไปกับการแสวงหาความสะดวกสบายด้วยเช่นกัน
Lucy ในฐานะแม่สื่อ เธอมองว่า การแต่งงานนั้นเปรียบเสมือนการดีลธุรกิจ และคู่รักคือ พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่มองเห็นคุณค่าของกันและกัน
ซึ่งหากมองย้อนไปถึงความหมายของการแต่งงาน นับตั้งแต่ยุคเมโสโปเตเมีย การแต่งงานคือ การทำพันธะสัญญาทางสังคมและเศรษฐกิจ ไม่ได้เป็นเพียงข้อตกลงส่วนบุคคล แต่เปรียบเสมือนกลไกเพื่อขับเคลื่อนสังคม
จนถึงยุคปัจจุบันก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การแต่งงานหรือการเลือกคู่ครองยังคงมีปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมมาเกี่ยวข้องเสมอ ไม่ว่าปัจจัยเหล่านั้นจะมีอิทธิพลมากน้อยเพียงใด
Materialist ไม่ได้เพียงสะท้อนความต่างของ “คนรวย” กับ “คนจน” แต่สะท้อนว่าปัญหาการเงินในคู่รักเกิดได้ทุกสถานะ เพราะปัญหาแท้จริงไม่ใช่ตัวเลข แต่คือ ความเข้าใจการเงินส่วนบุคคล
ตัวอย่างเช่น:
คู่รักที่มีรายได้เท่ากันแต่ไม่มีการวางแผนการเงิน อาจเกิดความขัดแย้งเรื่องค่าใช้จ่าย
คู่ที่มีรายได้ต่างกัน แต่มีการสื่อสารเรื่องการเงินอย่างเปิดเผย มักจัดการชีวิตร่วมกันได้ราบรื่น
หลายประเทศเริ่มบรรจุ Financial Literacy ลงในโรงเรียน เพื่อให้เด็กเรียนรู้ตั้งแต่เรื่องรายได้ การใช้จ่าย หนี้สิน และการวางเป้าหมายทางการเงิน
สำหรับผู้ใหญ่ที่มีรายได้แล้วแต่จัดการทรัพย์สินไม่เป็น ภาระจะหนักและกระทบความสัมพันธ์โดยตรง ดังนั้น การทำความเข้าใจเรื่องเงินของตัวเองและคู่ครองจึงเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน
อย่างไรก็ตามภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเรื่องการเงินและความรักแบบไม่สอนตรง ๆ แต่ทำให้เราย้อนกลับมาสำรวจชีวิตคู่ของตัวเองว่า เข้าใจกันเรื่องเงินแค่ไหน ตั้งเป้าหมายร่วมกันหรือยัง และท้ายที่สุด เงินอาจไม่ใช่คำตอบของความรัก แต่ความเข้าใจเรื่องเงินต่างหากคือกุญแจให้รักยืนยาว
เครดิตภาพจาก : Materialist Movie
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance