
ไม่ว่าจะยุคไหน คนเป็นพ่อแม่มักทุ่มสุดตัวเพื่อให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา อย่างการส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ เพราะนี่ไม่ใช่แค่การเพิ่มพูนความรู้ แต่คือการยอมควักเงินให้ไปเจอโลกใบใหม่ เพิ่มทักษะชีวิต หรืออาจเป็นใบเบิกทางอนาคตได้
จากหลายเหตุผลที่เล่ามาพ่อแม่หลายคนเลยมองว่า การส่งลูกไปเรียนนอกคือ ‘การลงทุนที่คุ้มค่า’ แต่ต้องจ่ายเท่าไร?
ถ้าคุณพ่อคุณแม่วางแผนไว้แล้วว่าเป้าหมายคือ การเรียนที่ต่างประเทศ ดังนั้นค่าใช้จ่ายจึงขึ้นอยู่กับว่า ลูกอยากเรียนที่ประเทศไหน โดย Thairath Money รวบรวมสรุป “ค่าครองชีพ-ค่าเทอม” ใน 3 ประเทศยอดฮิตอย่าง อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย จาก Hands On มาเป็นตัวอย่างให้เลือกกัน
1.ประเทศอังกฤษ
ค่าเทอม (ขึ้นอยู่กับคอร์สและมหาวิทยาลัยที่เลือก)
ค่าครองชีพ
ภาพรวมการเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่อังกฤษ ในระดับปริญญาตรีอาจต้องเตรียมเงินอย่างน้อย 1.04 ล้านบาท/ปี ส่วนการไปเรียนต่อปริญญาโท อย่างน้อยต้องใช้เงินประมาณ 1.03 ล้านบาท/ปี
2. ประเทศสหรัฐอเมริกา
ค่าเทอม (ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยที่เลือก)
ค่าครองชีพ
ดังนั้นการเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ สำหรับปริญญาตรี อย่างน้อยต้องเตรียมเงินราว 1.11 ล้านบาท/ปี และ 9.68 แสนบาท/ปี สำหรับการไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
3. ประเทศออสเตรเลีย
ค่าเทอม
ตัวอย่างค่าครองชีพในแต่ละเมือง
และสุดท้าย การเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย สำหรับปริญญาตรีอย่างน้อยต้องเตรียมเงินราว 7.51 แสนบาท/ปี และ 1.22 ล้านบาท/ปี สำหรับการไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศออสเตรเลีย
ไม่ว่าคุณพ่อแม่อยากส่งลูกเรียนที่ประเทศไหน ค่าใช้จ่ายก็อาจสูงถึงหลักล้านบาท ดังนั้นเราควรเริ่มวางแผนให้เร็วที่สุด เพราะจะมีระยะเวลาการออมที่นานขึ้น และถ้านำเงินนั้นไปลงทุนอาจมีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นด้วย
ขั้นตอนง่ายๆ คุณพ่อคุณแม่เริ่มสำรวจ “รายรับ - รายจ่าย” ของครอบครัว ว่าสามารถออมเงินเพื่ออนาคตของลูกได้มากแค่ไหน ซึ่งเงินออมนี้ไม่ควรส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในบ้าน
ขั้นตอนที่ 2 ตั้งเป้าหมาย ประเทศ มหาวิทยาลัยที่จะไปเรียน เพื่อจะได้วางแผนคร่าวๆ ว่าจะใช้เงินประมาณเท่าไร
เมื่อได้เป้าหมายเงินที่ต้องเก็บ และยอดเงินออมต่อเดือน เราก็ต้องนำไปวางแผนในระยะยาวได้ เช่น ถ้าเราวางเป้าหมายออมเงินเพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศของลูก 1.5 ล้านบาท
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยกตัวอย่างวิธีออมไว้ 2 แบบ คือ
1. เริ่มออมเงินตั้งแต่ลูกแรกเกิด
จุดเด่นของแผนนี้คือเรามีเวลาเก็บเงินราว 20 ปี โดยสมมติฐานนี้มาจากการทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ในกองทุนรวมหุ้น ปีแรกแบ่งเงินมาลงทุนเดือนละ 1,500 บาท จากนั้นในปีถัดมา ค่อยๆเพิ่มเงินลงทุนของเราอย่างน้อย 10% ต่อเดือน ซึ่งในตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ปีที่ 22 จากเงินออมรายเดือนของเราก็กลายเป็นเงินก้อนประมาณ 1.73 ล้านบาท ไว้ให้ลูกไปเรียนต่อได้
2. ออมเงินตั้งแต่ลูกเริ่มเรียนปริญญาตรี
แต่ถ้าใครมีเวลาน้อย หรือจะเตรียมเงินสำหรับส่งลูกไปเรียนปริญญาโท เราลองยกตัวอย่างระยะเวลาออม 4 ปี ซึ่งอาจเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงไม่สูงมากนัก เช่น กองทุนตราสารหนี้ โดยอาจออมประมาณเดือนละ 29,700 บาท จำนวน 48 เดือน ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.45% ต่อปี ก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายออมเงินเพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศของลูก 1.5 ล้านบาทได้
อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้คือค่าใช้จ่ายในการส่งลูกไปเรียนต่างประเทศและวิธีวางแผนการเงินเพื่อเป็นแนวทางให้ทุกครอบครัวได้เตรียมความพร้อม ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับเป้าหมายและสถานะทางการเงินของแต่ละครอบครัวได้เพื่อส่งเสริมอนาคตของลูก
หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนที่ 43.24 บาทต่อปอนด์ และ 31.92 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และ 21.12 บาทต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย
ที่มา: Hands On Education Consultants [1] [2], ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, Finnomena, Moneyadwise, Wise *เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 17 กันยายน ปี 68
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney