
วันนี้ดื่ม “กาแฟ” แก้วโปรดไปแล้วกี่แก้ว?
เชื่อว่า สำหรับใครหลายๆคน กาแฟแก้วละร้อยอาจเป็นความสุขเล็ก ๆ ที่ช่วยให้การเริ่มต้นวันใหม่ หรือ ระหว่างวัน เป็นไปอย่างสดชื่น แต่ในมุมมองทางการเงิน เรื่องเล็ก ๆ แบบนี้อาจสะท้อนภาพใหญ่ของพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เรามองข้ามไป แบบไม่ทันคิด
ก่อนจะไปเจาะลึกเรื่องตัวเลข บทความนี้อยู่บนพื้นฐาน ที่เข้าใจดีว่า ทุกคนมีไลฟ์สไตล์และสถานการณ์ทางการเงินที่แตกต่างกัน บางคนอาจไม่ได้ดื่มกาแฟแก้วละ 100 บาททุกวัน หรือบางคนอาจดื่มกาแฟที่ราคาถูกกว่านี้ แต่ในบางวันก็ดื่ม 2-3 แก้ว หรือรวมกับเครื่องดื่มอื่นๆ ก็อาจมีค่าใช้จ่ายเกินร้อยบาทไปแล้ว
ประเด็นที่เรากำลังจะพูดถึง จึงไม่ได้เจาะจงที่ตัวเลข "100 บาท" หรือ "การดื่มทุกวัน" แต่อยากชวนให้มองภาพรวมว่า "ค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ" กำลังส่งผลกระทบต่อชีวิตทางการเงินของเราอย่างไร
อ้างอิงข้อมูลจาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยิ่งเผยให้เห็นตัวเลขที่น่าตกใจว่า ปัจจุบันรายได้เฉลี่ยของแรงงานไทย โตปีละ 1% เท่านั้น แต่รายจ่ายกลับโตถึงปีละ 1.5% นั่นทำให้เกิดคำถามที่สำคัญตามมาว่า การใช้จ่ายกับกาแฟที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ กำลังสะท้อนพฤติกรรมการเงินของคนไทยอย่างไร?
มาดูกันที่ตัวเลขที่เป็นจริงในชีวิตประจำวัน จากข้อมูลล่าสุดของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ในปี 2567 รายได้เฉลี่ยของแรงงานไทยอยู่ที่ 15,901 บาทต่อเดือน ขณะที่ ค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคเฉลี่ยอยู่ที่ 19,319 บาทต่อเดือน ตัวเลขนี้สะท้อนภาพที่ชัดเจนว่าคนไทยส่วนใหญ่มีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ในแต่ละเดือนอยู่แล้ว ทำให้ชีวิตการเงินอยู่ในภาวะที่เปราะบาง และไม่มีเงินเหลือเก็บสำหรับเหตุฉุกเฉิน แล้วถ้าเงินส่วนหนึ่งต้องถูกใช้ไปกับกาแฟ (ราคาแพง)ทุกวัน มันจะยิ่งซ้ำเติมวิกฤติทางการเงินของเราแค่ไหน?
ลองเอาตัวเลขนี้ไปเทียบกับรายได้ของเราดู สำหรับคนที่มีรายได้ไม่มาก ตัวเลขนี้สะท้อนว่ากาแฟแก้วเดียว อาจกลายเป็น "รายจ่ายประจำ" ที่ใหญ่กว่าที่คิดไปแล้ว และเมื่อมองเป็นรายปี เงินจำนวน 36,500 บาทนี้แทบจะเท่ากับเงินเดือน 2.3 เดือนของคนส่วนใหญ่ในประเทศเลยทีเดียว
สิ่งที่น่าสนใจคือ ในขณะที่เศรษฐกิจไทยยังเปราะบาง ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ กลับพบว่าอุตสาหกรรมกาแฟยังเติบโตสวนทาง ความนิยมจากกาแฟสำเร็จรูป สู่กาแฟสดที่ราคาสูงขึ้น ทำให้การบริโภคเพิ่มจากเฉลี่ย 180 แก้วต่อคนต่อปี กลายเป็นกว่า 340 แก้วต่อคนต่อปี ส่งผลให้มูลค่าตลาดกาแฟในไทยปี 2568 พุ่งถึง 65,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 8.33%
ตัวเลขเหล่านี้ไม่เพียง สะท้อนพฤติกรรม และค่านิยมของคนไทยที่เปลี่ยนไป จะด้วยต้องการคุณภาพ รสชาติ และประสบการณ์ที่สูงขึ้น แต่พฤติกรรมเล็กๆนี้ อาจเป็นเพียง "ตัวแทน" ของการใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สะสมจนกลายเป็นปัญหาทางการเงินในที่สุดสำหรับบางคนได้
ลองจินตนาการถึงทางเลือกอื่นที่อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับการเงินของเรา
อาจทำให้เราประหยัดได้ปีละ 15,600 บาทนี้ จะนำเงินส่วนนี้ เก็บออม หรือ นำไปลงทุนในกองทุนที่มีผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปี จะดูจะน่าสนใจกว่า และถ้าเราทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เป็นเวลา 10 ปี เงินก้อนนี้อาจจะเติบโตขึ้นไปเป็น หลักแสน ได้เลยทีเดียว
ท้ายที่สุดแล้ว การดื่มกาแฟแก้วละ 100 บาทไม่ได้เป็นเรื่องผิดแต่อย่างใด ถ้าเรามีรายได้มากพอและตั้งใจที่จะจ่ายเพื่อความสุขของตัวเองอย่างแท้จริง แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ที่รายได้ยังอยู่ในระดับเฉลี่ยและมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้อยู่แล้ว คำถามสำคัญ จึงไม่ใช่เรื่องว่า "ควรดื่มกาแฟแพง ๆ ไหม" แต่เป็นเรื่องของ "การบริหารจัดการเงิน" ที่ควรหันกลับมาใส่ใจอย่างเร่งด่วน
เพราะเรื่องเล็ก ๆ ที่เราใช้จ่ายไปในแต่ละวัน อาจส่งผลกระทบต่ออนาคตทางการเงินของเรามากกว่าที่คิดจริง ๆ และ อาจเป็นตัวกำหนดคุณภาพชีวิตและเส้นทางการเงินในอนาคตของเราได้โดยที่ไม่ทันสังเกตนั่นเอง .
ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย , กระทรวงพาณิชย์
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney