ทฤษฎีมาร์ชเมลโลว์ เป็นการศึกษาทางจิตวิทยาเด็กในเรื่องของ การควบคุมตนเอง และ การรู้จักยับยั้งชั่งใจเพื่อรอคอยผลลัพธ์ที่ดีกว่า โดยนักจิตวิทยาชื่อดัง Walter Mischel
โดยเป็นการเสนอทางเลือกให้เด็ก ๆ ว่าจะรับขนมชิ้นเล็ก ๆ (เช่น มาร์ชเมลโลว์) ทันที หรือจะรอเป็นเวลาสั้น ๆ (ประมาณ 15 นาที) เพื่อรับรางวัลที่ใหญ่กว่า (มาร์ชเมลโลว์สองชิ้น)
แนวคิดหลักของทฤษฎีมาร์ชเมลโลว์ คือ ความสามารถในการควบคุมตนเองและรอคอยเพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่าในอนาคต
การประยุกต์ใช้ทฤษฎีมาร์ชเมลโลว์ ในการบริหารจัดการเงิน
1.การจัดลำดับความสำคัญของรายจ่าย
- สิ่งจำเป็น (Needs) vs. สิ่งที่อยากได้ (Wants) คล้ายกับการตัดสินใจว่าจะกินมาร์ชเมลโลว์ตอนนี้ (ความสุขระยะสั้น) หรือรอเพื่อได้สองชิ้น (ผลประโยชน์ระยะยาว) การจัดลำดับความสำคัญของรายจ่ายที่จำเป็นก่อนสิ่งฟุ่มเฟือยเป็นสิ่งสำคัญ
- การตั้งงบประมาณ การสร้างงบประมาณช่วยให้สามารถจัดสรรเงินสำหรับสิ่งจำเป็นก่อน และเหลือเงินสำหรับการออมและการลงทุน ซึ่งเป็นการฝึกวินัยและ "การรอคอย" เพื่อเป้าหมายทางการเงินที่ใหญ่กว่า
- อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ยอมลดการใช้จ่ายในปัจจุบัน (อดทนไม่กินมาร์ชเมลโลว์ตอนนี้) เพื่อนำเงินไปออมหรือลงทุน จะทำให้ได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าในอนาคต เช่น การลงทุนในหุ้น กองทุน
- เป้าหมายระยะยาว การกำหนดเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน เช่น การเกษียณอายุ ให้สามารถฝึกการควบคุมตนเองและอดทนรอคอย เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
- หลีกเลี่ยงหนี้ที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะหนี้ที่เกิดจากการใช้จ่ายเกินตัว เสมือนการไม่สามารถยับยั้งชั่งใจและกินมาร์ชเมลโลว์ทันที นำไปสู่ปัญหาทางการเงินในอนาคต
- วางแผนชำระหนี้ : หากมีหนี้สิน การมีวินัยในการชำระหนี้อย่างสม่ำเสมอและตามแผน เป็นการฝึก "การรอคอย" และความรับผิดชอบ เพื่อให้หลุดพ้นจากภาระหนี้สิน
แก่นแท้ของทฤษฎีนี้คือ วินัย การควบคุมตนเอง และการอดทนเพื่อผลประโยชน์ระยะยาว ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการบริหารจัดการเงินส่วนบุคคลให้ประสบความสำเร็จ