
วันหยุด หลายคนใช้เวลาอยู่บ้าน พักผ่อน ใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามใจตัวเองแบบไม่รู้สึกผิด เพราะคิดว่า “แค่ไม่กี่บาท” หรือ “เผื่อใช้” หรือ “เดี๋ยวอีก 2 วัน เงินเดือนก็ออกแล้ว” แต่รู้ไหม ? เงินเหล่านี้อาจกลายเป็น “รูรั่ว” ที่ทำให้ทั้งปีเงินหายไปเป็น “หมื่นบาท” โดยไม่รู้ตัว
ยิ่งในยุคที่เศรษฐกิจต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าความสบายใจ การบริหารสภาพคล่องให้ดี จึงไม่ใช่เรื่องของคนที่มีรายได้น้อยเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของ “ทุกคน”
เพราะแม้เราจะไม่ได้ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย ไม่ได้ช้อปแบรนด์ และ ไม่เที่ยวหรู แต่ถ้าเรายังมีพฤติกรรมการใช้เงินแบบ “ไม่รู้ตัว” เงินเดือนก็อาจยังไม่เคยเหลืออยู่ดี
Thairath Money ชวนสำรวจไปพร้อมกันว่า 5 รูรั่วยอดฮิต ที่หลายคนคิดว่า “แค่นิดเดียว” แต่รวมปีแล้วหลักหมื่น มีอะไรบ้าง?
1. สมัครไว้แต่ไม่ได้ใช้ เท่ากับ “จ่ายทิ้ง”
ค่าสมาชิกรายเดือนอย่าง Netflix, Spotify, Disney+, YouTube Premium, iCloud, Canva ฯลฯ บริการเหล่านี้หลายคนสมัครไว้เพราะคิดว่า “เดี๋ยวก็ได้ใช้” หรือแค่ “อยากลองช่วงแรก”
แต่หากเราจ่ายเดือนละ 199–399 บาท กับ 2–3 บริการ โดยไม่ใช้งานจริงจัง หรือเปิดไว้แต่ไม่ได้ดู เรากำลังเสียเงินปีละ 7,000–12,000 บาท ไปแบบไม่รู้ตัว
ทางแก้ไขนั้น ให้ลองเช็กให้ชัดว่าอันไหนจำเป็น อันไหนซ้ำกัน ยกเลิกหรือหยุดไว้ก่อน ถ้ายังไม่ได้ใช้ในช่วงนี้
2. กินแพงแบบไม่มีแผน ระวังเปลืองโดยไม่รู้ตัว
แค่สั่งข้าวเดลิเวอรี่มื้อเดียวต่อวัน ราคาประมาณ 120 บาท คิดเป็นเดือน ตกเดือนละ 3,600 บาท แต่ถ้าเปลี่ยนมาทำกินเอง หรือซื้อเมนูง่าย ๆ ตามแผนที่วางไว้ อาจประหยัดได้วันละ 40–60 บาท รวมแล้วเดือนละ 1,500–2,000 บาท หรือ ปีละ 18,000–24,000 บาท
แนวทางนี้ ปรับเปลี่ยนง่ายๆ ด้วยการวางแผนการกิน ล่วงหน้า สั่งอาหารแบบรวมดีลกับเพื่อน หรือเก็บแต้มให้คุ้มแม้ไม่ถึงกับต้องทำกับข้าวเองทุกมื้อ แต่แค่ “ลดความบ่อย” ก็ช่วยประหยัดได้มาก
3. ค่าใช้จ่ายแฝงเล็ก ๆ แต่จ่ายซ้ำ ทำให้เงินไหลตลอดปี
หลายคนเสียค่าธรรมเนียม/ดอกเบี้ย/ค่าปรับ เช่น
รวม ๆ เดือนละ 100–300 บาท ดูน้อย แต่พอรวมทั้งปีกลายเป็น 1,200–3,600 บาท
แนวทางแก้ไข ถ้าเป็นคนขี้ลืม ให้ตั้งเตือนวันจ่ายบิลแทน และ เลือกใช้บริการทางการเงินที่ไม่มีค่าธรรมเนียมหรือโอนเงินก้อนให้พอใช้ในบัญชีเดียว ไม่ต้องกดข้ามบ่อย ๆ
4. ของจุกจิกที่ซื้อเพราะ “ถูก” แต่ไม่ได้ใช้จริง
ชานม 3 แก้ว/สัปดาห์ ตกเดือนละ 720 บาท = ปีละ 8,640 บาท ยังไม่รวมกาแฟ ขนม เครื่องเขียนน่ารัก ๆ หรือของที่ซื้อตามตลาดนัดแค่เพราะมัน “น่ารักดี” หรือ “ลดราคา” สุดท้าย บางชิ้นไม่ได้ใช้งานเลยด้วยซ้ำ
แนวทางแก้ไข หมั่นแยกให้ออกว่า “ชอบ” กับ “จำเป็น” ไม่เหมือนกัน และให้โควตากับตัวเอง เช่น เดือนละ 1–2 อย่างเท่านั้น ที่สำคัญ อันไหนหากซื้อแล้วไม่ใช้ ให้จดไว้เพื่อเตือนตัวเองไม่ให้ซ้ำอีก
5. ค่าเดินทางที่แพงขึ้น เพราะขี้เกียจวางแผน
นั่ง Grab แทนรถเมล์ หรือใช้แท็กซี่ตอนรีบ แม้แค่ 2 ครั้ง/สัปดาห์ ก็เพิ่มค่าเดินทางอีกเดือนละ 1,000–1,500 บาท หรือ ปีละ 12,000–18,000 บาท
ทางรอดแก้ได้ ผ่านการวางแผนเวลาเดินทางล่วงหน้าให้มากขึ้นอีกนิด ใช้โปรฯ เดินทาง เช่น Grab Unlimited หรือบัตรโดยสารเหมา รวมทางให้คุ้ม เช่น ไปซูเปอร์แล้วแวะซื้อของเข้าบ้านในรอบเดียว
สุดท้าย ถ้าใครเข้าข่ายทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมาในข้างต้น ถ้าไม่ปรับพฤติกรรม เราอาจมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินเหล่านี้ นับปีละ 20,000 – 50,000 บาท โดยไม่รู้ตัว ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ฟุ่มเฟือย หรือ ไม่เคยรู้สึกว่าใช้จ่ายอะไรผิดปกติเลย
เพราะฉะนั้น วันหยุดแบบนี้ ลองใช้เวลา 10 นาที เช็กบัญชี ดูพฤติกรรมการจ่าย แล้วถามตัวเองว่า “เงินที่จ่ายไป… ได้ใช้จริงไหม?” ถ้าไม่รีดรูรั่ววันนี้… แล้วเมื่อไหร่จะเหลือเงิน?
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney