
บ้านหนึ่งหลังราคาหลักร้อยล้านบาท ตัวเลขระดับนี้สูงในระดับที่พอ ๆ กับมูลค่าบริษัทขนาดกลางในตลาดหุ้น บางคนอาจฟังแล้วรู้สึกเกินความจำเป็น แต่ในอีกมุมหนึ่ง กลับมีคนที่มองว่า “คุ้มค่า” และ “มีเหตุผล” ในการซื้อบ้านระดับนี้อย่างชัดเจน เพราะมันเป็นสิ่งที่สามารถสะท้อนภาพของวิธีคิดเรื่องเงิน และการใช้ชีวิตของคนที่มีความมั่งคั่งสูงในระดับหัวแถวของประเทศได้
สะท้อนจากความเชื่อมั่นของ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC Asset เจ้าตลาดคฤหาสน์หรู ที่ล่าสุด เปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อมาตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนเหล่านี้ ภายใต้ชื่อ “SONLE RESIDENCES” ราคาสูงสุดหลังละ 400 ล้านบาท และมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 260 ล้านบาท โดยมีเพียง 5 หลังเท่านั้นในโครงการ และทั้งหมดตั้งอยู่บนทำเลรัชดาภิเษก ติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วน ใกล้ห้าง ใกล้โรงพยาบาล ซึ่งนับเป็นทำเลกลางเมืองที่ดินมีราคาสูงที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
แต่ความน่าสนใจไม่ใช่แค่ราคาหรือจำนวนหลังที่จำกัด จุดที่น่าจับตาคือ กลุ่มเป้าหมายของโครงการ และแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจซื้อบ้านระดับนี้ คนที่ซื้อบ้านราคา 260 - 400 ล้าน ไม่ได้ซื้อเพราะต้องมีบ้านอยู่ แต่ซื้อเพราะต้องการ “คุณค่าบางอย่าง” ที่ตอบสนองทั้งอารมณ์ สังคม และการเงิน หรือที่หลายคนเรียกว่า Emotional Asset สินทรัพย์ที่ตอบสนองความสุข และส่งต่อความมั่งคั่งในเวลาเดียวกัน
Thairath Money พาไปเจาะข้อมูลว่าบ้านแบบนี้ขายได้จริงหรือ? แล้วกลุ่มคนที่ซื้อเป็นคนกลุ่มไหน
บ้านราคา 400 ล้าน ไม่ได้ออกแบบมาให้ขายใครก็ได้ แต่ถูกสร้างขึ้นเพื่อกลุ่มเฉพาะเจาะจงคนที่มีพร้อมในเรื่องของฐานะ และวิธีคิดเรื่องการใช้เงิน โดยกลุ่มเป้าหมายของโครงการแบบนี้คือ เศรษฐีระดับ Ultra High Net Worth หรือกลุ่มที่มีทรัพย์สินระดับพันล้านบาทขึ้นไป
แต่อีกคำถามนึงก็คือ “จะต้องมีเงินแค่ไหนถึงซื้อบ้านหลังละ 400 ล้านได้?” ถ้าหากว่าเรายึดตามหลักวางแผนการเงิน คนทั่วไปไม่ควรซื้อบ้านเกิน 3-5 เท่าของรายได้ต่อปี หรือไม่เกิน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินรวม แปลว่า ถ้าจะซื้อบ้าน 400 ล้านได้แบบไม่กระทบฐานะทางการเงิน คนคนนั้นควรมีทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 1,200 – 2,000 ล้านบาท หรือที่เราเรียกกันว่าเศรษฐี!
การที่จะซื้อทรัพย์สินเหล่านี้ คนกลุ่มนี้จะคิดล่วงหน้าไปถึงเรื่องที่ว่า ถ้าซื้อแล้วตอบโจทย์อะไรในพอร์ตทรัพย์สิน บางคนซื้อเพื่ออยู่จริง แต่บางคนซื้อเพื่อกระจายความเสี่ยง ด้วยการถือสินทรัพย์ที่จับต้องได้ในทำเลที่มีแนวโน้มเติบโต และบางคนซื้อเพราะมันคือวิธีส่งต่อความมั่งคั่งให้คนในครอบครัว เพราะสำหรับเศรษฐีไทยหลายคน บ้านคือส่วนหนึ่งของแผนจัดพอร์ตความมั่งคั่งระยะยาว ที่ซื้อด้วยเหตุผลทางอารมณ์ และตรรกะทางการเงินในเวลาเดียวกัน
แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว แต่ความต้องการบ้านระดับ Ultra Luxury ในกรุงเทพฯ กลับแข็งแกร่งสวนทาง ตลาดบ้านหรู 10 ล้านขึ้นไปมีอัตราขายถึง 65.6% และบ้านราคาสูงสุด 70 - 100 ล้าน บาทขายได้ 84% ซึ่งสามารถชี้ได้อย่างชัดเจนว่าความต้องการซื้อบ้านราคาแบบนี้มีอยู่จริง แต่เป็นความต้องการจริงจากกลุ่ม HNW ไปจนถึง Ultra High Net Worth ที่ซื้อด้วยเงินสดและไม่ผ่อน ล้วนมองว่าบ้านบนทำเลพรีเมียมคือทรัพย์สินที่แข็งแกร่งในสภาวะเศรษฐกิจผันผวน
นอกจากนี้ ราคาที่ดินบนถนนรัชดาภิเษกช่วงแยกประชานุกูลก็เติบโตถึง 2 เท่าในรอบ 10 ปี จาก 130,000 บาท/ตร.ว. สู่ 400,000 บาท/ตร.ว. ในปัจจุบัน บ้านราคา 400 ล้านจึงเป็นราคาที่สมเหตุสมผลสำหรับคนกลุ่มนี้ และยังเป็นราคาที่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของทำเล และโอกาสการเติบโตในอนาคต
“ณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์” รองกรรมการผู้จัดการสายงานการตลาด และนวัตกรรม SC Asset ได้ให้ข้อมูล กับ Thairath Money ว่า บ้านราคาหลัก 400 ล้านแบบนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ Emotional Asset แต่มันเป็น Asset ที่มีมูลค่าสูง และเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างแท้จริง ส่วน Emotional คือประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เปรียบเหมือนกับของแถมที่ลูกค้าจะได้รับ
นอกจากนี้ การซื้อบ้านราคาหลัก 400 ล้านก็สามารถมองเป็นการลงทุนได้เหมือนกัน บ้านลักษณะแบบนี้มีความต้องการที่จะเช่าสูง เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าบางกลุ่มต้องการที่จะอยู่บ้านในลักษณะแบบนี้ แต่มีงบประมาณที่ไม่สูงพอที่จะซื้อ และมีทำเลที่ตั้งของโครงการก็อยู่ในใจกลางเมือง สามารถเดินทางได้สะดวก โดย Yield จากการปล่อยเช่าในกรุงเทพฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 6–10% ถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเมืองหลวงอื่นในภูมิภาค ทำให้สามารถที่จะลงทุนปล่อยเช่าได้
บ้านระดับ 400 ล้านบาทอาจไม่ใช่ตัวเลขที่คนทั่วไปจินตนาการถึงได้ง่าย แต่ในมุมของคนที่มีทรัพย์สินระดับพันล้านขึ้นไป มันไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย และไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะบ้านในระดับนี้ไม่ได้ถูกซื้อด้วยความอยากได้เพียงอย่างเดียว แต่ถูกซื้อด้วยวิธีคิดที่มองบ้านเป็นทรัพย์สิน มีมูลค่าทั้งในเชิงอารมณ์ สังคม และการเงิน ไม่ว่าจะเพื่ออยู่เอง เพื่อปล่อยเช่า เพื่อจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยง หรือเพื่อส่งต่อเป็นมรดก
บ้านกลายเป็นหนึ่งใน Asset ที่ถูกเลือกโดยเศรษฐีไทย ที่ใช้ทั้งความรู้สึก และเหตุผลในการตัดสินใจ และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมบ้านราคาหลักหลายร้อยล้านบาท จึงยังขายได้จริงแม้ในวันที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน
ที่มา : realestateasia.com
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney