บ้านราคาเท่าบริษัท 1 ในวิธีจัดการเงินของ"เศรษฐีไทย" SC เปิดขายบ้าน หลังละ 400 ล้าน ใครกันคือคนซื้อ

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

บ้านราคาเท่าบริษัท 1 ในวิธีจัดการเงินของ"เศรษฐีไทย" SC เปิดขายบ้าน หลังละ 400 ล้าน ใครกันคือคนซื้อ

Date Time: 9 ก.ค. 2568 19:28 น.

Video

อธิบายทีเดียวว่า ทำไมฟองสบู่ AI จะไม่แตกซ้ำรอยดอทคอม? | Digital Frontiers EP.51

Summary

SC เปิดตัวบ้านเดี่ยวกลางเมือง “SONLE RESIDENCES” ราคาสูงสุด 400 ล้าน กลุ่มเป้าหมายคือเศรษฐีระดับพันล้าน Real Asset ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย 1 ในวิธีจัดการเงินของ "เศรษฐีไทย"

บ้านหนึ่งหลังราคาหลักร้อยล้านบาท ตัวเลขระดับนี้สูงในระดับที่พอ ๆ กับมูลค่าบริษัทขนาดกลางในตลาดหุ้น บางคนอาจฟังแล้วรู้สึกเกินความจำเป็น แต่ในอีกมุมหนึ่ง กลับมีคนที่มองว่า “คุ้มค่า” และ “มีเหตุผล” ในการซื้อบ้านระดับนี้อย่างชัดเจน เพราะมันเป็นสิ่งที่สามารถสะท้อนภาพของวิธีคิดเรื่องเงิน และการใช้ชีวิตของคนที่มีความมั่งคั่งสูงในระดับหัวแถวของประเทศได้ 

สะท้อนจากความเชื่อมั่นของ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ  SC Asset เจ้าตลาดคฤหาสน์หรู ที่ล่าสุด เปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อมาตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนเหล่านี้ ภายใต้ชื่อ “SONLE RESIDENCES” ราคาสูงสุดหลังละ 400 ล้านบาท และมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 260 ล้านบาท โดยมีเพียง 5 หลังเท่านั้นในโครงการ และทั้งหมดตั้งอยู่บนทำเลรัชดาภิเษก ติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วน ใกล้ห้าง ใกล้โรงพยาบาล ซึ่งนับเป็นทำเลกลางเมืองที่ดินมีราคาสูงที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

แต่ความน่าสนใจไม่ใช่แค่ราคาหรือจำนวนหลังที่จำกัด จุดที่น่าจับตาคือ กลุ่มเป้าหมายของโครงการ และแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจซื้อบ้านระดับนี้ คนที่ซื้อบ้านราคา 260 - 400 ล้าน ไม่ได้ซื้อเพราะต้องมีบ้านอยู่ แต่ซื้อเพราะต้องการ “คุณค่าบางอย่าง” ที่ตอบสนองทั้งอารมณ์ สังคม และการเงิน หรือที่หลายคนเรียกว่า Emotional Asset สินทรัพย์ที่ตอบสนองความสุข และส่งต่อความมั่งคั่งในเวลาเดียวกัน

Thairath Money พาไปเจาะข้อมูลว่าบ้านแบบนี้ขายได้จริงหรือ? แล้วกลุ่มคนที่ซื้อเป็นคนกลุ่มไหน

กลุ่มคนซื้อคือใคร ต้องมีทรัพย์สินเท่าไหร่?

บ้านราคา 400 ล้าน ไม่ได้ออกแบบมาให้ขายใครก็ได้ แต่ถูกสร้างขึ้นเพื่อกลุ่มเฉพาะเจาะจงคนที่มีพร้อมในเรื่องของฐานะ และวิธีคิดเรื่องการใช้เงิน โดยกลุ่มเป้าหมายของโครงการแบบนี้คือ เศรษฐีระดับ Ultra High Net Worth หรือกลุ่มที่มีทรัพย์สินระดับพันล้านบาทขึ้นไป

แต่อีกคำถามนึงก็คือ “จะต้องมีเงินแค่ไหนถึงซื้อบ้านหลังละ 400 ล้านได้?” ถ้าหากว่าเรายึดตามหลักวางแผนการเงิน คนทั่วไปไม่ควรซื้อบ้านเกิน 3-5 เท่าของรายได้ต่อปี หรือไม่เกิน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินรวม แปลว่า ถ้าจะซื้อบ้าน 400 ล้านได้แบบไม่กระทบฐานะทางการเงิน คนคนนั้นควรมีทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 1,200 – 2,000 ล้านบาท หรือที่เราเรียกกันว่าเศรษฐี!

การที่จะซื้อทรัพย์สินเหล่านี้ คนกลุ่มนี้จะคิดล่วงหน้าไปถึงเรื่องที่ว่า ถ้าซื้อแล้วตอบโจทย์อะไรในพอร์ตทรัพย์สิน บางคนซื้อเพื่ออยู่จริง แต่บางคนซื้อเพื่อกระจายความเสี่ยง ด้วยการถือสินทรัพย์ที่จับต้องได้ในทำเลที่มีแนวโน้มเติบโต และบางคนซื้อเพราะมันคือวิธีส่งต่อความมั่งคั่งให้คนในครอบครัว เพราะสำหรับเศรษฐีไทยหลายคน บ้านคือส่วนหนึ่งของแผนจัดพอร์ตความมั่งคั่งระยะยาว ที่ซื้อด้วยเหตุผลทางอารมณ์ และตรรกะทางการเงินในเวลาเดียวกัน


บ้านราคาหลายร้อยล้าน ยังมี Demand อยู่จริง 

แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว แต่ความต้องการบ้านระดับ Ultra Luxury ในกรุงเทพฯ กลับแข็งแกร่งสวนทาง ตลาดบ้านหรู 10 ล้านขึ้นไปมีอัตราขายถึง 65.6% และบ้านราคาสูงสุด 70 - 100 ล้าน บาทขายได้ 84% ซึ่งสามารถชี้ได้อย่างชัดเจนว่าความต้องการซื้อบ้านราคาแบบนี้มีอยู่จริง แต่เป็นความต้องการจริงจากกลุ่ม HNW ไปจนถึง Ultra High Net Worth  ที่ซื้อด้วยเงินสดและไม่ผ่อน ล้วนมองว่าบ้านบนทำเลพรีเมียมคือทรัพย์สินที่แข็งแกร่งในสภาวะเศรษฐกิจผันผวน

นอกจากนี้ ราคาที่ดินบนถนนรัชดาภิเษกช่วงแยกประชานุกูลก็เติบโตถึง 2 เท่าในรอบ 10 ปี จาก 130,000 บาท/ตร.ว. สู่ 400,000 บาท/ตร.ว. ในปัจจุบัน บ้านราคา 400 ล้านจึงเป็นราคาที่สมเหตุสมผลสำหรับคนกลุ่มนี้ และยังเป็นราคาที่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของทำเล และโอกาสการเติบโตในอนาคต


บ้านร้อยล้านไม่ได้เป็นเพียงแค่ Emotional Asset แต่คือ Asset ที่แท้จริง และลงทุนได้

“ณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์” รองกรรมการผู้จัดการสายงานการตลาด และนวัตกรรม SC Asset ได้ให้ข้อมูล กับ Thairath Money ว่า บ้านราคาหลัก 400 ล้านแบบนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ Emotional Asset แต่มันเป็น Asset ที่มีมูลค่าสูง และเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างแท้จริง ส่วน Emotional คือประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เปรียบเหมือนกับของแถมที่ลูกค้าจะได้รับ

นอกจากนี้ การซื้อบ้านราคาหลัก 400 ล้านก็สามารถมองเป็นการลงทุนได้เหมือนกัน บ้านลักษณะแบบนี้มีความต้องการที่จะเช่าสูง เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าบางกลุ่มต้องการที่จะอยู่บ้านในลักษณะแบบนี้ แต่มีงบประมาณที่ไม่สูงพอที่จะซื้อ และมีทำเลที่ตั้งของโครงการก็อยู่ในใจกลางเมือง สามารถเดินทางได้สะดวก โดย Yield จากการปล่อยเช่าในกรุงเทพฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 6–10% ถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเมืองหลวงอื่นในภูมิภาค ทำให้สามารถที่จะลงทุนปล่อยเช่าได้


บ้านระดับ 400 ล้านบาทอาจไม่ใช่ตัวเลขที่คนทั่วไปจินตนาการถึงได้ง่าย แต่ในมุมของคนที่มีทรัพย์สินระดับพันล้านขึ้นไป มันไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย และไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะบ้านในระดับนี้ไม่ได้ถูกซื้อด้วยความอยากได้เพียงอย่างเดียว แต่ถูกซื้อด้วยวิธีคิดที่มองบ้านเป็นทรัพย์สิน มีมูลค่าทั้งในเชิงอารมณ์ สังคม และการเงิน ไม่ว่าจะเพื่ออยู่เอง เพื่อปล่อยเช่า เพื่อจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยง หรือเพื่อส่งต่อเป็นมรดก 

บ้านกลายเป็นหนึ่งใน Asset ที่ถูกเลือกโดยเศรษฐีไทย ที่ใช้ทั้งความรู้สึก และเหตุผลในการตัดสินใจ และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมบ้านราคาหลักหลายร้อยล้านบาท จึงยังขายได้จริงแม้ในวันที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน


ที่มา : realestateasia.com 


อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ