เปิด “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 “จ่าย ตัด ต้น” เพื่อคนไทย เหมาะกับใคร ครึ่งปีแรกแก้หนี้ 4.6 แสนล้านบาท

ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 ซึ่งเป็นมาตรการเพื่อช่วยให้ลูกหนี้รายย่อย และลูกหนี้วิสาหกิจขนาดกลางไปจนถึงขนาดย่อม (SMEs) ให้ปลดหนี้ได้ไวขึ้น โดยเผยว่า ในช่วง 12 ธันวาคม 2567 - 30 มิถุนายน 2568 มีลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 1.9 ล้านราย และมียอดหนี้รวม 8.9 แสนล้านบาท

ซึ่งทาง ธปท. ได้มีการคัดกรองคุณสมบัติลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ของโครงการเหลือ 6.3 แสนราย และได้ช่วยเหลือลูกหนี้ 4.6 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 52% ของยอดหนี้ทั้งหมดที่เข้าร่วมโครงการ แยกย่อยออกเป็น 3 มาตรการ คือ

• จ่ายตรง คงทรัพย์

จำนวนลูกหนี้ 5.5 แสนราย

ยอดหนี้ 4.6 แสนล้านบาท

• จ่าย ปิด จบ

จำนวนลูกหนี้ 7.5 หมื่นราย

ยอดหนี้ 216 ล้านบาท

• ลดผ่อน ลดดอก

จำนวนลูกหนี้ 1.2 หมื่นราย

ยอดหนี้ 874 ล้านบาท

สะท้อนให้เห็นว่าโครงการนี้ตอบโจทย์และสามารถช่วยเหลือคนไทยให้ปลดหนี้ได้ไวมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังคงมีความไม่แน่นอนและผันผวนสูง รวมถึงยังมีลูกหนี้ที่เป็นกลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่ประสบปัญหาการชำระหนี้ และให้ความสนใจในโครงการนี้แต่บางส่วนมีคุณสมบัติที่ไม่เข้าเงื่อนไข จึงทำให้เสียโอกาสในโครงการรอบแรกไป

เปิด 3 มาตรการช่วยลูกหนี้ โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 

จากกระแสตอบรับที่ดีในรอบแรก ทำให้กระทรวงการคลัง, ธปท., สภาพัฒน์, ธนาคารพาณิชย์, สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ Non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ จับมือร่วมกันขยายโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ให้มีเฟส 2 เพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ยังไม่ได้รับสิทธิช่วยเหลือในการชำระหนี้

โดยโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" เฟส 2 ได้มีการปรับปรุงเงื่อนไขในมาตรการเดิม และมีมาตรการใหม่เพิ่มเติม เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางได้ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และผู้ประกอบธุรกิจ Non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ ดังนี้

• มาตรการที่ 1 "จ่ายตรง คงทรัพย์"

เป็นมาตรการที่เหมาะกับลูกหนี้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ที่มีหนี้บ้าน / รถ / มอเตอร์ไซค์ / SMEs ไม่สูงมาก โดยในเฟส 2 มีการขยายคุณสมบัติลูกหนี้ที่เข้ามาตรการให้ครอบคลุมมากขึ้น ดังนี้

1. เป็นสินเชื่อสัญญาที่ทำก่อน 1 ม.ค. 2567
2. ไม่ค้างชำระ หรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน นับจากวันครบกำหนดชำระ
3. ค้างชำระเกิน 365 วัน นับจากวันครบกำหนดชำระ

รูปแบบการให้ความช่วยเหลือ

1. ลดค่างวด เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยลูกหนี้ชำระค่างวดขั้นต่ำที่ 50% 70% และ 90% ของค่างวดเดิม ในปีที่ 1 ปีที่ 2 และปีที่ 3 ตามลำดับ (เพิ่มแบบขั้นบันได) ซึ่งค่างวดทั้งหมดจะนำไปตัดเงินต้น
2. พักดอกเบี้ย เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยดอกเบี้ยที่พักไว้จะได้รับยกเว้นทั้งหมด หากลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขตลอดช่วงระยะเวลา 3 ปีของมาตรการ และไม่ก่อหนี้เพิ่มในช่วง 12 เดือนแรกหลังเข้าร่วม

ทั้งนี้ ลูกหนี้สามารถชำระมากกว่าค่างวดขั้นต่ำที่กำหนด เพื่อตัดเงินต้นเพิ่มและปิดจบหนี้ได้ไวขึ้น

• มาตรการที่ 2 "จ่าย ปิด จบ"

เป็นมาตรการที่เหมาะกับผู้มีหนี้เสีย และยอดหนี้ไม่สูง จะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน เพื่อให้สามารถชำระหนี้ ปิดบัญชีได้เร็วขึ้นพร้อมเริ่มต้นใหม่ โดยในเฟส 2 มีการขยายเพดานภาระหนี้ของบุคคลธรรมดาที่มีหนี้เสีย (สถานะ NPL) เพื่อให้ความช่วยเหลือเพิ่มขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มที่มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ ดังนี้

1. กลุ่มที่มีภาระหนี้ ไม่เกิน 5,000 บาท/บัญชี ทุกประเภทสินเชื่อ
2. กลุ่มที่ภาระหนี้ ไม่เกิน 10,000 บาท/บัญชี สำหรับสินเชื่อไม่มีหลักประกัน
3. กลุ่มที่มีภาระหนี้ ไม่เกิน 30,000 บาท/บัญชี สำหรับสินเชื่อที่มีหลักประกันที่ถูกบังคับหลักประกันแล้ว

รูปแบบการให้ความช่วยเหลือคือลูกหนี้สามารถชำระหนี้บางส่วน เพื่อให้สามารถจ่าย และปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น

• มาตรการที่ 3 “จ่าย ตัด ต้น”

มาตรการใหม่ที่เหมาะกับลูกหนี้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ที่มียอดหนี้คงค้างไม่เกิน 50,000 บาทต่อบัญชี และมีหนี้เสียของสินเชื่อไม่มีหลักประกัน (เช่น บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด)

โดยเฟส 2 จะมีการขยายเพดานภาระหนี้ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้

1. เป็นสินเชื่อที่ทำก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567
2. สถานะหนี้ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 เป็นหนี้เสีย (NPL) ซึ่งต้องค้างชำระเกิน 90 วัน นับแต่วันครบกำหนดชำระ และมียอดหนี้ไม่เกิน 50,000 บาท/บัญชี

ซึ่งจะให้การช่วยเหลือด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ให้มีเงื่อนไขการผ่อนชำระคืนเป็นงวด (term loan) และผ่อนชำระ 2% ของเงินต้นที่ยังคงค้าง เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยค่างวดที่ชำระจะนำไปตัดเงินต้นทั้งจำนวน ดอกเบี้ยจะถูกพักไว้ก่อน และจะได้รับยกเว้นดอกเบี้ยในระหว่างมาตรการหากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดได้ ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้กับลูกหนี้ทั้งในปัจจุบันและระยะต่อไปได้

ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่เคยเข้าร่วมโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ในเฟสที่ 1 แล้ว แต่มีสัญญาอื่นที่เข้าเกณฑ์เงื่อนไขเฟสที่ 2 หรือเคยลงทะเบียนรอบแรกแต่ไม่ผ่านเงื่อนไข สามารถลงทะเบียนโครงการอีกครั้งได้ แต่ต้องลงทะเบียนใหม่เพื่อให้โครงการช่วยให้เราปลดหนี้ได้เร็วขึ้น

ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย [1],[2]

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney