การวางแผนการเงินด้วย ChatGPT เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยสร้างวินัยทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะไม่สามารถทดแทนความเชี่ยวชาญของนักวางแผนการเงินได้ แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่นำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
"สงสัยอะไรก็ถาม ChatGPT สิ"
ในยุคที่หันไปทางไหนก็เจอแต่ Ai และเทคโนโลยีเหล่านี้ก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้กระทั่งเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
การเริ่มวางแผนการเงินส่วนบุคคลโดยใช้ ChatGPT จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ แต่มันจะทำได้จริงหรือเปล่า และอาชีพนักวางแผนการเงินยังมีบทบาทสำคัญในยุคนี้อยู่ไหม
จุดเริ่มต้นสำคัญ คือการศึกษาพฤติกรรมการเงินของตนเองร่วมกับโปรแกรม ChatGPT โดยป้อนข้อมูลทางการเงินพื้นฐานแบบง่าย ๆ ว่าใน 1 เดือน คุณมีรายรับหลังหักภาษีเท่าไหร่ และมีรายจ่าย แบ่งเป็น รายจ่ายคงที่ (Fixed Expenses) และรายจ่ายผันแปร (Variable Expenses) ต่อเดือนเท่าไหร่ มีแบ่งไว้เพื่อลงทุนเท่าไหร่
และป้อนคำสั่ง “ช่วยฉันวางแผนการเงินสำหรับ 30 วัน พร้อมกับคิดวิธีประหยัดเงินเพิ่มเติมให้หน่อย”
คำตอบของ ChatGPT คือ เลือกนำเสนอวิธีการออมเงินพื้นฐาน อย่างกฎ 50-30-20 (Needs-Wants-Savings) พร้อมกับคำแนะนำเพื่อให้สามารถประหยัดเงินได้มากขึ้น อย่าง “คุณใช้จ่ายกับค่าอาหารไปกว่า 10,000 บาทต่อเดือน สามารถลดได้ไหม” หรือ “ให้ฉันแนะนำบัตรเครดิตที่มีสิทธิประโยชน์ดีกว่านี้ไหม”
ในการใช้ ChatGPT จัดสรรเงิน สิ่งที่ได้ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวก แต่เหมือนได้เพื่อนคู่ใจที่คอยเตือนสติเรื่องเงิน เริ่มจากแบ่งเงินจำนวนหนึ่ง ไปในบัญชีสำรองฉุกเฉิน และจดบันทึกรายรับรายจ่ายตามหมวดหมู่ที่ ChatGPT แนะนำให้คือ หมวดรายรับ และหมวดรายจ่าย ที่แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มย่อยคือ
อาการหมดไฟช่วงกลางเดือน ทำให้ต้องเริ่มคิดเรื่องแผนเที่ยวขึ้นมา จึงเริ่มตั้งคำถามกับ ChatGPT ว่า “จะสามารถไปเที่ยวอย่างไรให้ประหยัดงบที่สุด”
และคำตอบที่ได้คือ “ถ้าคุณลดค่าใช้จ่ายช่วงสุดสัปดาห์ลง 50% ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า และโยกเงิน 3,000 รูปี จากหมวด ‘ของที่อยากได้’ ไปไว้ในหมวด ‘ประสบการณ์’ คุณก็ไปได้”
พร้อมข้อมูลเพิ่มเติมด้วยการแนะนำที่พัก Airbnb ราคาถูกให้ด้วยอีก แสดงให้เห็นว่าแม้ AI จะเข้มงวดแต่ก็สามารถยืดหยุ่น และพร้อมเรียนรู้ไปกับพฤติกรรมของเรา
แม้ว่า ChatGPT อาจจะไม่สามารถเข้าไปตั้งค่าการทำงานของเหล่าแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ได้ แต่มันก็สามารถช่วยแนะนำคำสั่ง และวิธีการเข้าไปตั้งค่าได้ เช่น ขั้นตอนการทำ Auto-Pay / Auto-Debit วิธีเปิดใช้งานการหักบัญชี หรือ การร่างคู่มือเปิด Auto SIP เป็นต้น
หรือการร่างข้อความถึงตัวแทนประกันเพื่อประกอบเป็นข้อมูลในการเจรจา เช่น การถามแผนประกันชีวิตแบบระยะยาว ถามเรื่องทุนประกัน เบี้ย หรือ ผู้รับผลประโยชน์ เป็นต้น
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงสิ้นเดือนของการทดลองใช้ ChatGPT คือ สามารถออมเงินได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถตัดค่าใช้จ่ายบริการสั่งอาหารไปได้ 60% จากปกติ และการเลือกสมัครบัตรเครดิตที่ให้สิทธิประโยชน์และอัตราเงินคืนที่สูงกว่า
และมากกว่านั้นคือ การให้ความสำคัญเรื่องเงินสำรองฉุกเฉิน ทำให้แต่ละวันที่ใช้จ่ายออกไปมีสติมากขึ้น ไม่ไร้ทิศทางอย่างที่เคยเป็น ทำให้การวางแผนเที่ยวหรือใช้จ่ายในกิจกรรมต่าง ๆ สามารถควบคุมงบประมาณได้มากกว่าที่เคยเป็น
คงจะเป็นแบบนั้นเลยไม่ได้ เพราะยังมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่เทคโนโลยีไม่สามารถมาแทนที่มนุษย์ได้ แม้ว่า ChatGPT จะสามารถอธิบายระบบภาษีได้ดีเยี่ยม แต่ก็ไม่สามารถลงลึกไปถึงรายละเอียดในแง่ของการวิเคราะห์ความผันผวนของตลาด หรือให้ข้อมูลเรื่องภาษีกฎหมาย
แต่การนำ ChatGPT มาใช้ในการบริหารจัดการเงิน ก็เปรียบเสมือนการมี “พี่เลี้ยงทางการเงิน” ที่ช่วยให้คำแนะนำ ติดตามพฤติกรรมการใช้จ่าย และกระตุ้นวินัยในชีวิตประจำวัน
สำหรับผู้ที่เริ่มต้นอยากวางแผนทางการเงินของตนเอง ไม่จำเป็นต้องคาดหวังถึงความสมบูรณ์แบบของแผน แต่ต้องเริ่มต้นจากความเข้าใจ และสร้างวินัยอย่างต่อเนื่อง แนวทางดังกล่าวจะนำไปสู่ รากฐานความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการบริหารการเงินส่วนบุคคลในยุคที่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงเป็นปัจจัยหลัก
ที่มา : Mint
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -
https://www.facebook.com/ThairathMoney