
ปัจจุบัน "การจัดการเงิน" ได้กลายเป็นทักษะจำเป็นที่ไม่อาจมองข้าม การรู้เร็ว เริ่มต้นก่อน ย่อมหมายถึงโอกาสในการสร้างความมั่นคงและเอาตัวรอดได้ก่อนใคร ซึ่งแนวคิดนี้ได้ถูกตอกย้ำอย่างทรงพลังในเวที “คนรุ่นใหม่จัดการเงินเป็น รู้ก่อนรอดก่อน” ภายในงาน Thairath Money Roadshow 2025 ณ หาดใหญ่ ที่ได้จุดประกายความคิด และมอบแนวทางที่จับต้องได้ให้กับคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาเข็มทิศทางการเงินของตนเอง
เวทีนี้ได้รวบรวมมุมมองจากสองผู้มีประสบการณ์ตรงที่มีเส้นทางแตกต่างกันอย่างน่าสนใจ ได้แก่ นาโอมิ-ธนัชภรณ์ นิชิยาม่า อินฟลูเอนเซอร์ด้านการเงินชื่อดัง และ น้ำ-ธนธร กาญจนิศากร เจ้าของเพจ NamFinance และ YEC หอการค้าจังหวัดสงขลา
ทั้งสองคนได้ร่วมกันถ่ายทอดบทเรียนที่ไม่ได้มาจากตำรา แต่กลั่นกรองจากประสบการณ์จริง ทั้งความสำเร็จ ความผิดพลาด และจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต ให้สามารถเรียนรู้และสร้างอิสรภาพทางการเงินในแบบฉบับของตัวเองได้
จุดเริ่มต้นการบริหารเงินของทั้งสองคน มาจากประสบการณ์ที่แตกต่างกัน เริ่มที่ น้ำเติบโตในครอบครัวสายการเงิน ที่ปลูกฝังเรื่องการออมมาตั้งแต่เด็ก ผ่านกุศโลบายต่างๆ เช่น การให้เงินเพิ่มเป็นสองเท่าเมื่อนำเงินหยอดกระปุกไปฝากธนาคาร ทำให้เธอมองว่าการเงินเป็นเรื่องสนุก
แต่จุดที่เธอเริ่มบริหารเงินอย่างจริงจัง คือช่วงมหาวิทยาลัย เมื่อต้องจัดการเงินที่ได้รับเป็นรายเดือนด้วยตัวเอง โดยมีเงื่อนไขว่าต้องทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายส่งให้คุณพ่อก่อน จึงจะเบิกเงินเดือนถัดไปได้ ซึ่งเป็นการสร้างวินัยทางการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ
ในทางกลับกัน นาโอมิ มาจากครอบครัวที่คุณแม่เป็นเลี้ยงเดี่ยวและต้องทำงานหนัก เธอจึงเริ่มหาเงินใช้เองตั้งแต่สมัยมัธยมด้วยการทำงานพาร์ทไทม์ต่างๆ จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อคุณแม่ฝากเงินก้อนใหญ่หลักหมื่นไว้ให้เธอจัดการค่าใช้จ่ายในบ้านเอง เพราะต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด
แต่ด้วยความที่ยังไม่เข้าใจการบริหารเงิน ทำให้เธอใช้เงินจนเกือบหมดเหลือเพียง 2,000 บาท คำพูดของคุณแม่ที่ว่า “นี่แหละ ต่อจากนี้ ต้องจัดการให้ดีแล้วนะ” กลายเป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่ทำให้เธอเริ่มเรียนรู้และจัดการการเงินอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก
สำหรับแนวคิดเรื่อง "อิสรภาพทางการเงิน" ทั้งสองคนมองว่าไม่ใช่เรื่องของจำนวนเงิน แต่เป็นสภาวะของชีวิต ซึ่ง น้ำ นิยามว่าคือ “อิสระในการเลือก” ที่จะใช้ชีวิตและใช้เงินในแบบที่ต้องการได้โดยไม่กระทบผู้อื่น และสามารถรับผิดชอบตัวเองได้ ซึ่งเป้าหมายของแต่ละคนไม่เท่ากัน แนวคิดนี้ชัดเจนขึ้นเมื่อเธอทำงานเป็นที่ปรึกษาการเงินส่วนบุคคล เพราะตระหนักว่าก่อนจะไปวางแผนให้ใครได้ ตัวเราเองต้องมีเป้าหมายและแผนที่ชัดเจนก่อน
ด้าน นาโอมิ มองว่าอิสรภาพทางการเงิน คือ การมีเงินเพียงพอที่จะ “เติมความสุขให้ตัวเองและคนรอบข้างได้” ในทุกๆ เดือน สัญญาณที่ชัดเจนว่าเรายังไม่มีอิสรภาพคือการที่ในหัวต้องคิดเรื่องเงินตลอดเวลา จนกลายเป็นความเครียดโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้น อิสรภาพที่แท้จริงคือสภาวะที่ไร้ความกังวลเรื่องเงิน มีทั้งเงินออม เงินลงทุน และเงินฉุกเฉินที่เพียงพอรับมือทุกสถานการณ์ ทำให้สามารถใช้ชีวิตและทำงานได้อย่างมีความสุข
บทเรียนทางการเงินที่จำไม่ลืมของทั้งสองคน นับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ โดย น้ำ เล่าถึงเหตุการณ์สมัยมหาวิทยาลัยที่เงินค่าขนมจากพ่อแม่โอนมาช้า ทำให้เงินในบัญชีเหลือเพียง 50 บาท จนต้องไปธนาคารเพื่อปิดบัญชีและนำเงินนั้นมาประทังชีวิต เหตุการณ์นั้น ทำให้เธอตั้งคำถามกับตัวเองและตระหนักถึงความสำคัญของ “เงินสำรองฉุกเฉิน” ว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แม้จะยังอยู่ในวัยเรียนก็ตาม
ส่วนนาโอมิ ได้แบ่งปันบทเรียนราคาแพงจากการลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี เธอเข้ามาในตลาดด้วยความมั่นใจเกินร้อย หวังรวยเร็วข้ามคืน โดยขาดความรู้เรื่องการบริหารความเสี่ยง หลังจากได้กำไรในช่วงแรก ความโลภก็นำพาเธอไปสู่ตลาดฟิวเจอร์สที่มีความเสี่ยงสูง และผลลัพธ์คือการสูญเสียทั้งเงินต้นที่เป็นเงินเก็บทั้งหมดและกำไรไปในคืนเดียว
บทเรียนครั้งนั้นสอนให้เธอรู้ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตลาด แต่อยู่ที่ “ตัวเอง” ที่ขาดความรู้ ไม่มีการวางแผน และไม่จัดสรรเงินลงทุนให้ดี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอหันมาศึกษาและกระจายความเสี่ยงอย่างจริงจัง
ทั้งสองคนเน้นย้ำว่า การวางแผนการเงิน คือทักษะพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของชีวิต นาโอมิ กล่าวว่า “เงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ทุกอย่างในชีวิตล้วนเกี่ยวข้องกับการเงิน” การวางแผนไม่ใช่การตั้งเป้าเพื่อเป็นคนรวยที่สุด แต่เพื่อให้สามารถ “ควบคุมชีวิตของตัวเองได้” และเหมาะสมกับเป้าหมายของแต่ละคน
การจัดสรรเงินเป็นส่วนๆ ทั้งเงินออม เงินลงทุน และเงินฉุกเฉิน จะช่วยให้ชีวิตไปต่อได้เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ยิ่งเริ่มต้นเร็วยิ่งได้เปรียบ เพราะจะทำให้เรามีชีวิตในวัยเกษียณที่สุขสบายและไร้กังวล
ขณะที่ น้ำ เสริมว่า “การวางแผนการเงินก็คือการวางแผนชีวิต” เป็นการกำหนดเส้นทางจากจุดที่เราอยู่ไปยังจุดที่เราอยากไป เธอยังเชื่อในพลังของการเปลี่ยนแปลง ที่ส่งผลเป็นวงกว้างว่า “เพียงหนึ่งชีวิตวางแผนการเงิน อีกหลายชีวิตจะเปลี่ยนแปลง” เพราะเมื่อเราจัดการชีวิตการเงินของตัวเองได้ดี คนรอบข้างก็จะได้รับผลดีนั้นไปด้วย
ในช่วงท้าย นาโอมิ ได้ฝากคำแนะนำถึงคนรุ่นใหม่ว่า “ให้เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ เพราะวันนี้คือวันที่เราอายุน้อยที่สุด” ทำให้เรามีความได้เปรียบในการวางแผนการเงินมากที่สุด และอย่าปล่อยให้ความอยากรวยเร็ว หรือแรงกดดันทางสังคมมาทำให้เราเครียด อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับใคร แต่ให้โฟกัสที่ความสุขของตัวเองทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพราะความสุขคือเชื้อเพลิงที่ทำให้เราทำสิ่งต่างๆ ได้ในระยะยาว
ด้าน น้ำ ได้ให้คำแนะนำว่า “ไม่ต้องออมให้เยอะเหมือนใครเขา ให้เราออมเท่าที่เราจะออมไหว เงินที่ออมไม่จำเป็นต้องเท่าใคร ออมเท่าที่ไหวและไปให้ถึงเป้าหมายเท่านั้นพอ” นอกจากนี้ ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ “กระแสเงินสด” ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงชีวิต หากใครที่กระแสเงินสดติดลบ ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ ให้ค่อยๆ ตั้งเป้าลดการติดลบ จากนั้นทำให้เป็นบวก เมื่อกระแสเงินสดเป็นบวกแล้ว จึงจะสามารถต่อยอดไปสู่การสร้างเงินสำรอง การออม และการลงทุนในขั้นต่อไปได้