สรุปเสวนาจากเวที Thairath Money Roadshow 2025 กับ “เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์” รองอันดับ 1 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ นางแบบ นักแสดง และนักเคลื่อนไหว กับกนวคิดที่เลือกใช้ชีวิตที่ต่างไปจากภาพลักษณ์ที่ใครหลายคนคาดหวัง “ไม่ได้ตามแบรนด์ ไม่ได้ใช้ของใหม่ทุกชิ้น และไม่ปล่อยให้ภาพลักษณ์ความสวยงามภายนอกมากำหนดคุณค่าภายใน” พร้อมเผยแนวคิดดี ๆ ในการจัดการและวางแผนการเงินที่ไม่ได้มองแค่เรื่องตัวเลข แต่คือวิธีใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน
ในยุคที่คนมองว่า “ความหรูหราคือความสำเร็จ” ให้ค่ากับภาพลักษณ์ภายนอกมากกว่าจะมองที่สถานะการเงินจริง ๆ จึงเป็นกับดักให้ใครหลายคนตกหลุมพรางทางการเงิน เลือกของมันต้องมีมากกว่าคุณภาพทางการเงินที่ดี
ยังมีหนึ่งคนที่ใช้ชีวิตแตกต่างจากสิ่งที่หลายคนคิด นั่นคือ “เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์” รองอันดับ 1 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ นางแบบ นักแสดง และนักเคลื่อนไหว ที่เลือกใช้ชีวิตที่ต่างไปจากภาพลักษณ์ที่ใครหลายคนคาดหวัง “ไม่ได้ตามแบรนด์ ไม่ได้ใช้ของใหม่ทุกชิ้น และไม่ปล่อยให้ภาพลักษณ์ความสวยงามภายนอกมากำหนดคุณค่าภายใน”
สรุปเวทีเสวนาจากงาน Thairath Money Roadshow 2025 ที่ครั้งนี้พาตะลุยหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และได้มีโอกาสพูดคุยบนเวที “เสวนาคนรุ่นใหม่จัดการเงินเป็น รู้ก่อน รอดก่อน” กับ เฌอเอม ชญาธนุส ที่ได้มาแลกเปลี่ยนแนวคิดดี ๆ ในการจัดการและวางแผนการเงินที่ไม่ได้มองแค่เรื่องตัวเลข แต่คือวิธีใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน
เฌอเอม ชญาธนุส เล่าบนเวที Thairath Money Roadshow 2025 ไว้ว่า รายได้ก้อนแรกของเฌอเอมมีเข้ามาในตอนที่เธอมีอายุเพียง 17 ปี จากการเล่นละคร โดยเธอได้รับบทเดินแบบในฉากหนึ่ง จนทำให้มีรายได้ถึง 8,000 บาทในเวลาเพียง 8 วัน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าตื่นเต้นในช่วงวัยนั้น
เฌอเอมเล่าต่อว่า แต่แทนที่จะนำเงินไปเก็บ กลับใช้เงินครึ่งหนึ่งซื้อการ์ตูน และอีกครึ่งก็เผลอทำหาย เหตุการณ์เล็ก ๆ นี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอเริ่มตั้งคำถามกับพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเอง และตระหนักว่า “เงินที่หามาได้ง่าย ก็หายไปง่าย หากไม่มีแผน”
จนต่อมาหลังจากที่ได้ใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เธอเล่าว่า มหาลัยสอนให้รู้ว่า “ถ้าไม่มีเงิน ก็ต้องเก่งให้มากกว่า” โดยเฌอเอมได้เข้าศึกษาในด้านศิลปะ ทำให้เธอต้องใช้เงินไปกับการซื้ออุปกรณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ สีกล่องละหลายพัน หรือวัสดุสำหรับงานโปรเจกต์ แต่เลือกที่จะไม่พึ่งเงินจากครอบครัว แต่หันมาทำงานหารายได้เองจากการเป็นนางแบบควบคู่กับการเรียน สิ่งที่เธอเรียนรู้ไม่ใช่แค่ทักษะศิลปะ แต่คือบทเรียนชีวิตว่า “ถ้าเราไม่มีทุน เราต้องทุ่มมากกว่าใคร” เพราะบางครั้งอุปกรณ์ดี ๆ ก็ช่วยให้เราทำงานออกมาได้ดี และแข่งขันได้ในระบบที่ไม่เท่าเทียม
เธอเปรียบเปรยไว้อย่างน่าสนใจว่า “ถ้าอยากได้ A แต่มีเงินน้อย เราต้องเก่งให้มาก แต่ถ้าเราไม่เก่งมากแต่มีเงินเยอะ เราก็ไปถึง A ได้เหมือนกัน” คำพูดนี้สะท้อนความจริงในสังคมที่ทุนและโอกาสยังไม่เท่ากัน เพราะความฝันหรือเป้าหมายในชีวิต ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่มันขึ้นอยู่กับว่าเรารู้จักวางแผน และใช้ทรัพยากรที่มีอย่างฉลาดแค่ไหนด้วย
นอกจากนี้ เฌอเอมได้เล่าอีกว่า เธอต้องมาเจอกับวิกฤติการเงินติดขัดในช่วงที่โควิด-19 ระบาด ซึ่งเป็นช่วงที่ตัดสินใจตกแต่งบ้านหลังใหม่ โดยใช้เงินสดถึง 3 ล้านบาทเพื่อรีโนเวทบ้านทั้งหลัง เฌอเอมเล่าว่า เธอคาดการณ์ว่าใช้เงินแล้วงานจะจบ แต่กลับพบว่า “บ้านก็บานตามงบ” ไปเรื่อย ๆ และยิ่งไม่มีรายได้เข้ามาเพราะอีเวนต์และงานฟรีแลนซ์ทั้งหมดถูกยกเลิก ทำให้สถานการณ์การเงินตึงมาก ช่วงนั้นจึงเป็นบทเรียนใหญ่ที่ทำให้เธอเริ่มมองหาแนวทางสร้างรายได้ใหม่ ๆ และเข้าใจว่าทุกการตัดสินใจทางการเงินควรมีแผนสำรองไว้เสมอ
นอกจากจุดเริ่มที่ทำให้เฌอเอมได้เริ่มคิดและวางแผนการเงินจากประสบการณ์ชีวิตแล้ว สิ่งที่เธอได้ค้นพบว่าเป็นเรื่องที่เราต้องลงทุนด้วยมากที่สุดนั่นก็คือ “สุขภาพ” ทั้งกายและใจ นอกจากนี้ เธอยังเรียกตัวเองว่าเป็นคนทำงานฟรีแลนซ์ ไม่มีเงินเดือนแน่นอน จึงเริ่มวางแผนจัดการการเงินในสไตล์ที่ทำให้ชีวิตและจิตใจมั่งคั่ง และมั่นคง
เฌอเอมเคยประสบเหตุที่เกือบเปลี่ยนชีวิตจากอาหารจานโปรดอย่างปูดอง ซึ่งทำให้เธอต้องเข้า ICU และจ่ายค่ารักษาพยาบาลก้อนใหญ่ภายในไม่กี่วัน ขณะนั้นเธอไม่มีประกันสุขภาพ และไม่มีเงินสำรองไว้ใช้จ่าย ทำให้เธอเริ่มมองเห็นช่องโหว่ใหญ่ในชีวิต และเข้าใจว่า “ความเจ็บป่วยไม่เคยแจ้งเตือนล่วงหน้า”
นอกจากความตกใจและความเสี่ยงด้านร่างกายแล้ว เหตุการณ์นี้ยังกลายเป็นแรงผลักสำคัญที่ทำให้เธอหันมาใส่ใจเรื่องการวางแผนการเงินมากขึ้น จากเดิมที่เคยคิดว่าเรื่องประกันหรือเงินสำรองเป็นเรื่องไกลตัว หรือยังไม่จำเป็น ก็เปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับการเตรียมแผนรับมือเรื่องฉุกเฉินในชีวิตอย่างจริงจัง เธอเริ่มลงทุนในกองทุนรวมที่ผูกกับประกันสุขภาพ และแยกบัญชีเงินสำรองเผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันโดยเฉพาะ
เธอเล่าว่า “เราไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เรากินบ่อยที่สุดอาจทำร้ายเราหนักที่สุดก็ได้” เพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตต้องมีพื้นที่รองรับความไม่แน่นอน และถ้ามีทางเลือกได้ เธออยากให้ทุกคนไม่ต้องรอจนเกิดเหตุการณ์แย่ ๆ ก่อนถึงจะเริ่มจัดการการเงินอย่างจริงจัง
การเป็นฟรีแลนซ์ทำให้เธอมีรายได้ที่ไม่แน่นอน บางเดือนมีงานเยอะ บางเดือนงานเงียบ เธอจึงใช้วิธีแบ่งเงินเป็น 3 ส่วนหลัก คือ 1) ค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า 2) เงินออมระยะสั้นและยาว และ 3) ค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ที่เธอกำหนดเพดานไว้ไม่เกิน 10-20% และหากเดือนไหนไม่มีภาระส่วนนี้ เงินจะถูกย้ายไปเป็นเงินออมทันที เธอยังตั้งบัญชีพิเศษที่ไม่แตะต้องเลย เว้นแต่เกิดเหตุฉุกเฉินจริง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ชีวิตมีความยืดหยุ่นและปลอดภัยมากขึ้น
เธอเสริมว่า การจัดการเงินแบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการวางแผน แต่คือการสร้างวินัยในชีวิต เพราะการไม่มีเงินประจำ หมายถึงต้องประเมินความเสี่ยงอยู่เสมอ ไม่ใช่แค่ในเรื่องรายได้ แต่รวมถึงการเลือกงาน การพักผ่อน หรือแม้กระทั่งการเข้าสังคม
“มีเงินเยอะแต่ไม่มีแผนก็รั่วไหลได้ง่ายมาก เพราะเงินกับเวลาในชีวิตมันหายไปเร็วเหมือนกัน” เฌอเอม กล่าว
เฌอเอม เล่าว่า เธอเลือกไม่ซื้อบ้านหรือคอนโดหรูตามค่านิยมทั่วไป แต่เธอตัดสินใจเช่าบ้านใกล้ที่ทำงาน เพื่อหลีกเลี่ยงรถติด ประหยัดเวลา และไม่ต้องแบกรับภาระระยะยาว เธอเปรียบเทียบว่า “ถ้าต้องผ่อนบ้าน 30 ปี เราอาจเสียอิสระในการใช้ชีวิตไปทั้งหมด”
เธอมองว่าการมีบ้านเป็นของตัวเองในยุคนี้ ไม่ได้จำเป็นต้องเป็นเป้าหมายหลักอีกต่อไป โดยเฉพาะถ้าการเป็นเจ้าของบ้านต้องแลกกับหนี้ระยะยาวและความกดดันที่ไม่จบสิ้น การเช่าบ้านอย่างมีแบบแผนกลับเปิดโอกาสให้เธอเลือกคุณภาพชีวิตตามที่ต้องการในแต่ละช่วงวัย เช่น เลือกอยู่ใกล้ที่ทำงาน เปลี่ยนที่อยู่อาศัยตามจังหวะชีวิต หรืออยู่ในทำเลที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากกว่า เธอยังเสริมด้วยว่า “การมีบ้านเป็นของตัวเองในแบบที่ทำให้เราหมดแรง ไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือกับดักที่ต้องคิดให้รอบด้าน”
แนวคิดนี้ช่วยให้เธอมีสภาพคล่องทางการเงินเหลือพอสำหรับใช้จ่ายที่จำเป็น ลงทุนในธุรกิจ หรือใช้พัฒนาตัวเองต่อ ซึ่งสำหรับเธอ นั่นคือ “ความมั่งคั่งในแบบที่ไม่ต้องเป็นหนี้” มากกว่าการมีบ้านเป็นชื่อของตัวเองบนโฉนด
เฌอเอมเป็นคนที่ชอบใช้ของมือสองมากกว่าของใหม่ เพราะนอกจากจะราคาถูกกว่าแล้วยังรู้สึกว่าของแต่ละชิ้นมีเสน่ห์และเรื่องราวในตัวเอง เช่น เสื้อผ้าที่มีดีไซน์เฉพาะ และไม่มีใครซ้ำ เธอมีหลักคิดว่า “ก่อนซื้อของ ให้ถามตัวเองว่า เราจะใช้มันเกิน 3 วันต่อสัปดาห์ไหม” เพื่อให้ทุกการใช้จ่ายมีความหมาย ไม่ใช่แค่ตามกระแสหรือเอาไว้โชว์ในโซเชียลเท่านั้น
เธอยังเสริมอีกว่า การเลือกใช้ของมือสองไม่ได้แค่ช่วยประหยัดเงิน แต่ยังเป็นการลดของเสีย ลดการบริโภคเกินความจำเป็น และสร้างสำนึกในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า หลายครั้งเธอค้นพบว่าของดีจากตลาดวินเทจ หรือชิ้นที่มีความคลาสสิกมักจะทนทานมากกว่าของใหม่ เธอจึงมองว่าของมือสองบางอย่างเป็น “ทรัพย์สินทางใจ” ที่ไม่ได้วัดค่าด้วยราคา แต่ด้วยเรื่องราวและคุณค่าทางอารมณ์ เช่น การได้ใส่เสื้อโค้ตวินเทจจากยุค 70 ที่หาไม่ได้อีกแล้ว หรือของตกแต่งบ้านที่สะท้อนตัวตน
แนวคิดนี้สอดคล้องกับการใช้เงินอย่างมีเป้าหมาย เพราะเธอเชื่อว่า “เงินที่ใช้แล้วรู้สึกดี คือเงินที่คุ้มค่าที่สุด” และการเลือกสิ่งที่ตอบโจทย์ชีวิตจริง มากกว่าสิ่งที่แค่ดูดีในสายตาคนอื่น คือหัวใจของความมั่นคงทางการเงินและความพอใจในระยะยาว
ในช่วงท้าย เฌอเอมเน้นย้ำว่า คนรุ่นใหม่ควรเริ่มวางแผนการเงินตั้งแต่เนิ่น ๆ แม้จะยังไม่มีเงินเยอะก็ตาม เพราะ “การรู้ว่าตัวเองอยากใช้ชีวิตแบบไหน คือจุดเริ่มต้นของแผนทางการเงินที่ดี” สำหรับเธอ “เงินไม่ใช่เครื่องหมายของความสำเร็จ แต่คือทรัพยากรที่ต้องบริหารให้สัมพันธ์กับชีวิตจริง” ไม่ว่าจะเป็นการเลือกงานที่รัก การใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ หรือการมีอิสระในการตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ เช่น การเดินทาง การดูแลครอบครัว หรือแม้แต่การพักผ่อน
เธอเตือนว่าหลายคนวางแผนการเงินไว้ดีแค่ในกระดาษ แต่ไม่ลงมือทำจริง เช่น บอกว่าจะออม แต่ไม่แยกบัญชี บอกว่าจะลงทุน แต่ไม่ศึกษาข้อมูล บอกว่าจะมีเงินเกษียณ แต่ไม่มีวินัยในการออม ซึ่งสุดท้ายแล้ว ความฝันก็อาจเป็นได้แค่ฝัน เพราะขาดการลงมือจริง
เธอจึงฝากแนวคิดทิ้งท้ายไว้อย่างลึกซึ้งว่า “ทรัพย์สินของชีวิตมี 3 อย่าง: กำลัง เงิน และเวลา ถ้าคุณไม่มีอย่างใดอย่างหนึ่ง คุณต้องใช้ที่เหลือให้คุ้มที่สุด”
คำพูดนี้เปรียบเสมือนเข็มทิศทางการเงิน เพราะชีวิตจริงไม่ได้มีทุกอย่างพร้อมกันเสมอ บางช่วงมีเวลาแต่ไม่มีเงิน บางช่วงมีเงินแต่ร่างกายไม่ไหว หรือบางครั้งมีแรงแต่ขาดเป้าหมาย หากเรารู้จักประเมินว่าอะไรคือสิ่งที่เหลืออยู่ในมือ แล้วใช้มันให้คุ้มที่สุด นั่นแหละคือทักษะการบริหารชีวิตที่แท้จริง
สำหรับเฌอเอม การเงินจึงไม่ใช่เรื่องของความมั่งคั่งเพียงอย่างเดียว แต่คือ “ศิลปะของการเลือก” เลือกใช้ เลือกเก็บ เลือกเสี่ยง และเลือกหยุดอย่างมีสติ
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney