เงินล้านก็หมดได้! จากบทเรียนราคาแพงของแชร์ลูกโซ่ วิกฤติครอบครัว สุขภาพคนในบ้าน สู่การเงินที่เกือบพังทลาย ส่องเรื่องจริงจาก 3 คนดัง ที่เคยล้มและเรียนรู้ด้วยตัวเอง ที่พิสูจน์ว่า “การวางแผนการเงิน” ไม่ใช่ “ทางเลือก” แต่คือ “ทางรอด”
ในยุคที่ทุกอย่างหมุนเร็ว การ 'รู้ก่อน' คือความได้เปรียบที่ประเมินค่าไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่อง 'การเงิน' ที่เป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ของชีวิต เวทีเสวนา “คนรุ่นใหม่ จัดการเงินเป็น รู้ก่อนรอดก่อน” ที่ Thairath Money Roadshow 2025 จัดขึ้น ณ เซ็นทรัลเชียงใหม่แอร์พอร์ต
ได้กลั่นบทเรียนสำคัญจาก 3 บุคคล ที่เคยล้ม ลุก และเรียนรู้ จนค้นพบสูตรสำเร็จในการบริหารเงินของตัวเอง จากภาระครอบครัวที่หนักอึ้ง บทเรียนราคาแพงจากแชร์ลูกโซ่ สู่การรับมือวิกฤติสุขภาพของพ่อ-แม่ นี่คือเรื่องจริงที่จะทำให้ตระหนักว่า การวางแผนการเงินไม่ใช่แค่ 'ทางเลือก' แต่คือ 'ทางรอด' ที่ทุกคนต้องมี
นัน - อนันต์ อาศัยไพรพนา แชมป์รายการไมค์ทองคำ ซีซั่น 6 เล่าว่า เขาเริ่มทำงานและได้เงินก้อนแรก ตอนอายุ 18 ปี จากการชนะการประกวดร้องเพลง ด้วยความที่ยังไม่มีความรู้ด้านการเงิน วิธีที่ง่ายที่สุดคือ "เอาไปฝากธนาคาร"
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ อนันต์ ต้องบริหารเงินอย่างจริงจังคือ ภาระในการดูแลครอบครัว โดยเฉพาะการสร้างบ้านให้พี่น้องทั้ง 5 คน ส่วนอื่นๆ คือเอาไว้ลงทุน และสำหรับการฉุกเฉิน เนื่องจาก ค่ารักษาพยาบาลของคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่มีประกันสุขภาพทำให้ค่าใช้จ่ายสูง เขาจึงต้องแบ่งเงินเป็นส่วนๆ ทั้งสำหรับดูแลครอบครัว, เงินสำรองฉุกเฉิน
ดังนั้น อนันต์ จึงได้เริ่มมองหาประกันสำหรับครอบครัว พร้อมทั้งได้มีการลงทุน แม้จะเคยมีประสบการณ์ขาดทุนกับหุ้นและเจ็บตัวกับสินทรัพย์ดิจิทัลมาบ้าง อีกทั้งทองคำแท่งที่ซื้อขายไม่ถูกจังหวะ การบริหารจัดการร้านอาหารไม่เป็นระบบ รวมทั้งธุรกิจสนามฟุตบอลให้เช่าที่ปัจจุบันยังมีการทำอยู่
“ความรู้ทางการเงิน สำคัญกับเราอย่างมาก เพราะถ้าเราไม่รู้จักบริหารมีเท่าไรก็หมด หากมีการแยกเป็นสัดส่วนและให้เงินทำงานจะทำให้เงินก้อนนั้นงอกเงยได้” อนันต์ กล่าว
นอกจากนี้ อนันต์ ได้ฝากแง่คิดถึงคนรุ่นเดียวกัน “ต้องใช้เงินอย่างมีสติ” และทางลัดที่ดีที่สุดคือ “เรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น” ที่เคยใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมาก่อน เพราะประสบการณ์จริงนั้นประเมินค่าไม่ได้ และก่อนจะซื้ออะไรก็ตาม ให้ถามตัวเองเสมอว่ามันเป็นเพียง “ความอยาก” หรือ “ความจำเป็น”
อ้อ - จุฑารัตน์ รัตนจุฑากูล เจ้าของเพจ MONEY MANEE by aor เล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของเงินก้อนแรกในชีวิต นั่นคือ การขายการ์ดในโรงเรียน และคุณพ่อคุณแม่ฝากแคตตาล็อกไปขายคุณครูที่โรงเรียน ซึ่งวัยประถมก็ได้ค่าขนม
โดยเธอมีจุดเปลี่ยนที่เจ็บปวดแต่ล้ำค่า ตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ เธอเคยนำเงินเดือนเกือบทั้งเดือนไปลงทุนกับการลงทุนในต่างประเทศที่การันตีเงินปันผลสูง แต่สุดท้ายก็กลายเป็น "แชร์ลูกโซ่" และสูญเงินหลักหมื่นไปในเวลาเพียง 2 สัปดาห์
ประสบการณ์ที่เปรียบเสมือน "ค่าเทอมราคาแพง" นี้ ผลักดันให้เธอหันมาศึกษาเรื่องการเงินอย่างจริงจัง จนกลายมาเป็นที่ปรึกษาและเปิดบริษัทของตัวเอง มีทั้งการบริหารทีมงานและดูแลลูกค้าส่วนบุคคล เงินก็มีทั้งเงินของบริษัท และเงินจากฝั่งของบุคคลธรรมดา ดังนั้นเธอจึงมีการจัดการภาษีที่ชัดเจน จัดการความเสี่ยงขั้นพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ
รวมทั้งการที่เธอเป็น “เสาหลัก” ของครอบครัว จากนั้นเมื่อได้เงินมาจะมีการแบ่งสันปันส่วนเป้าหมายทางเงิน ทั้งการวางแผนเกษียณ ค่าเทอมลูก ใช้จ่ายในครอบครัว สินค้าทางการเงินที่เธอใช้จึงมีหลายอย่าง ตั้งแต่ประกัน การสะสมในกองทุน หุ้น ธนาคาร ครบทุกรูปแบบ
“เรามีโอกาสศึกษาการเงิน การลงทุน ประกันต่างๆ เป็นความโชคดีที่ได้เรียนรู้เรื่องการเงินไว และเริ่มวางแผนการเงินส่วนบุคคล หาให้ได้มากกว่าใช้ ผ่านการออมก่อนใช้ และมีเป้าหมายการเงินอย่างไร ต่อยอดด้วยการเปิดบริษัท และแยกกระเป๋าให้ชัดเจน” อ้อ จุฑารัตน์ กล่าว
รวมทั้งการมีครอบครัว ทำให้เธอต้องมีการจัดสรรเงินอย่างเป็นระบบ จากที่หาเองใช้เอง แต่เมื่อมีครอบครัว ลูก 2 คนต้องใช้เงิน ค่าเทอมปีละหลักแสน ค่าใช้จ่ายในบ้านต้องรับผิดชอบ ดังนั้น ในช่วงแรกๆ จึงได้พยายามทำให้มี Clash Flow หลังจากนั้นก็ทำค่าใช้จ่ายเป็นรายปีเพื่อเงินที่จะใช้จ่ายสำหรับทั้งปีของครอบครัว
ส่วนความรู้ทางการเงินที่อยากเพิ่มเติม มองว่าจะเป็นในส่วนของการลงทุน เน้นการวางแผนอย่างครบวงจรทั้งระบบ อีกทั้งเรื่องของภาษีบุคคลธรรมดา และภาษีนิติบุคคล
ทั้งนี้ คุณอ้อยังได้ลงทุนทั้งในหุ้น กับกองทุนที่มีการจัดสรรไว้เรียบร้อย โดยมีการลงทุนแบบ DCA ในทุก ๆ เดือน โดยมีนักวางแผนการเงินช่วยให้คำปรึกษา
“ความรู้ทางการเงินสำคัญมากๆ คนไทยจำนวนมากยังไม่เข้าใจเรื่องการวางแผนทางการเงิน ซึ่งการวางแผนทางการเงินเป็นเรื่องของทุกคน”
และสิ่งที่คุณอ้อฝากถึงคนรุ่นใหม่คือ ควรให้ความสำคัญของการวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ ในฐานะ "Sandwich Generation" ที่ต้องดูแลทั้งพ่อแม่และลูกๆ โดยต้องไม่ลืมที่จะเก็บเงินเพื่อตัวเองในวัยเกษียณด้วย เพราะบางคนอาจทุ่มทุนไปกับลูก แต่อย่าลืมว่าเราไม่สามารถคาดหวังใครได้เลย ฉะนั้นอย่าลืมเก็บเงินให้ตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก
ด้าน ลาบีม ภาณุพงศ์ เลขาธิการผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เล่าว่า ตนเองเริ่มหาเงินตั้งแต่ในวัย 18 ปี ในช่วงเริ่มเข้ามหาวิทยาลัย เพราะอยากมีรายได้เป็นของตัวเองจึงเริ่มทำงาน โดยจดบริษัทเองช่วงปีที่ 2 เป็นธุรกิจอาหาร ยา และเครื่องนุ่งห่ม รวมทั้งธุรกิจของที่บ้านคือที่อยู่อาศัย และปัจจุบันมีธุรกิจที่เกี่ยวกับมีเดียเป็นของตัวเอง
ส่วนการเก็บเงินนั้น ลาบีม แชร์ว่า เขาเป็นนักธุรกิจที่มีบริษัทตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย ช่วงแรกเขาหาเงินเก่ง แต่ก็ใช้เงินเก่งเช่นกัน ไม่ได้มีการบริหารจัดการทางการเงินเลย เพราะด้วยความที่เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง มุ่งหาเงินเพียงอย่างเดียว เพราะช่วงอายุก่อนหน้านี้เรียกว่าเป็นเด็ก “ได้เงินมาเท่าไร ก็นำไปต่อยอด” สุดท้ายเงินหายไปจนหมด เนื่องจากไม่เคยแยกเงินส่วนตัวกับเงินบริษัท จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาหันมาศึกษาการวางแผนการเงิน
กระทั่งจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อ คุณพ่อป่วยเป็นมะเร็ง และต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก แต่มีประกันชีวิตแต่ขาดส่ง และไม่มีค่ารักษาพยาบาลมีแต่สะสมทรัพย์เพียงอย่างเดียว จึงเริ่มตระหนักได้ว่า “หากหาเงินได้มาก เงินจะต้องเติบโต” ทำให้เกิดการหักโหมหาช่องทางในการลงทุน
ทั้งยังให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงิน โดยมองว่า “วันหนึ่งเมื่อเราหาเงินได้เยอะมากอาจมีวิกฤติที่เข้ามาจนเราตั้งตัวไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็นโควิด-19 ร้านอาหาร บริษัทเกิดผลกระทบ แต่เมื่อพอเราวางแผนการเงินผ่านการแยกกระเป๋าเงินอย่างชัดเจน, บริหารความเสี่ยงด้วยประกัน และลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้าง Passive Income จะทำให้การเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
ส่วนความรู้ทางการเงินที่อยากเพิ่มเติม ลาบีม อยากเรียนรู้เรื่องของการวางแผนเกษียณ เพราะหากเริ่มต้นได้เร็วก็จะเกษียณได้เร็ว อีกทั้งเรื่องของภาษีที่มีความสำคัญอย่างมากในยุคปัจจุบัน
“การวางแผนการเงินเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากเงินอยู่ถูกที่กำไรก็จะเกิดขึ้น ดังนั้นคนรุ่นใหม่ไม่ว่าจะเป็นการออม การลงทุน ทุกอย่างมีความเสี่ยง อยากให้ทุกคนศึกษาอย่างถี่ถ้วน โดยการหาความรู้ และค่อยๆ ลงทุน เพราะบางคนใจร้อนเห็นผลประกอบการดีจึงลงทุนแต่อาจนำมาซึ่งหายนะได้”
จากประสบการณ์ของทั้ง 3 คน สามารถสรุปเป็นข้อคิดและแนวทางที่น่าสนใจได้ดังนี้
เวทีเสวนาครั้งนี้ได้สะท้อนภาพความจริงที่ว่า การจัดการเงินไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขในบัญชี แต่คือเครื่องมือในการออกแบบชีวิต การปกป้องคนที่เรารัก และการสร้าง "ทางเลือก" ให้กับอนาคตของตัวเอง
ไม่ว่าความฝันของคุณคือการมีบ้าน ดูแลครอบครัวให้ดีที่สุด หรือเกษียณอย่างมีความสุข ทุกอย่างล้วนมี "การเงิน" เป็นส่วนประกอบสำคัญ ดังนั้น "เงินร้อยล้านก็หมดได้ถ้าอยู่ผิดที่" แต่เงินจำนวนน้อยก็สามารถเติบโตเป็นเงินล้านได้หากมีการวางแผนที่ดีและเริ่มต้นลงมือทำตั้งแต่วันนี้
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney