
“รายได้ไม่พอรายจ่าย” วลีสั้นๆ ที่สะท้อนความจริงอันหนักอึ้งของคนไทยจำนวนมากในปัจจุบัน และนี่ไม่ใช่เพียงความรู้สึกส่วนตัว แต่ได้รับการยืนยันด้วยข้อมูลเชิงสถิติที่น่าตกใจ เมื่อสภาพัฒน์ฯ ชี้ว่าหนี้ครัวเรือนไทยในไตรมาสแรกของปี 2568 แตะระดับ 16.2 ล้านล้านบาท
ขณะที่รายได้เฉลี่ยของคนทำงานยังคงตามหลังรายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือนอยู่มาก สถานการณ์ยิ่งน่าเป็นห่วงเมื่อเครดิตบูโรเปิดเผยตัวเลขหนี้เสีย (NPL) ที่สูงถึง 1.19 ล้านล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้ส่วนบุคคลและหนี้รถ คำถามสำคัญคือ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้
"Thairath Money Roadshow 2025" ได้เปิดโลกการเงินให้คนไทย ในครั้งแรกของปี 2568 โดยจัดขึ้นที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัล โคราช
ซึ่ง เสาวรส ทวีบรรจงสิน ที่ปรึกษาทางการเงิน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้นำเสนอแนวคิด "Start Smart" เพื่อปูพื้นฐานการเงินที่แข็งแกร่งก่อนเริ่มลงทุน โดยชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นของการวางแผนการเงินอย่างชาญฉลาด เพื่อรับมือกับอนาคตและสานฝันให้เป็นจริง
เริ่มต้น เสาวรส อธิบายถึง 3 เหตุผลหลักที่ทุกคนควรให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงิน
ดังนั้นการแผนการเงินที่ดี จะช่วยให้สามารถสร้างความฝันเหล่านั้นให้เป็นจริงได้ และจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในชีวิต
เป้าหมายสูงสุดของการวางแผนการเงินคือการมี "อิสรภาพทางการเงิน" ที่ดี โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เสาวรส ได้แนะนำหลักการ "พีระมิดทางการเงิน" (Financial Pyramid) เป็นเครื่องมือนำทาง ซึ่งเปรียบเสมือนการสร้างบ้านที่มั่นคง โดยเริ่มจากฐานรากที่แข็งแรงสู่ยอดบนสุด ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลัก คือ สร้าง ปกป้อง สะสม ส่งต่อ
1.สร้าง (Create) เริ่มต้นจากการจัดการสภาพคล่องทางการเงิน ตรวจสอบรายรับรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ ("ออมก่อนใช้" คือสมการที่ถูกต้อง: รายได้ - เงินออม = ค่าใช้จ่าย) และจัดทำบัญชีเพื่อควบคุมและลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
2.ปกป้อง (Protect) โอนย้ายความเสี่ยงด้วยการทำประกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เงินที่อุตส่าห์เก็บสะสมมาต้องหมดไปกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรืออุบัติเหตุ
3.สะสม (Accumulate) สะสมความมั่งคั่งผ่านการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินในธนาคารเพียงอย่างเดียว (ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์ภาวะเงินเฟ้อ) เช่น การลงทุนในกองทุนรวม หุ้นกู้ หรืออสังหาริมทรัพย์ให้เช่า เพื่อให้เงินเติบโตและสร้างผลตอบแทน
4.ส่งต่อ (Pass on) วางแผนเพื่อส่งต่อความมั่งคั่งที่สร้างมาอย่างมั่นคงสู่คนรุ่นหลัง
เสาวรส เน้นย้ำว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนประสบความสำเร็จคือ "การจัดพอร์ตการลงทุน" (Asset Allocation) ซึ่งหมายถึงการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ หุ้น ทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์ เพื่อกระจายความเสี่ยง เนื่องจากไม่มีสินทรัพย์ใดให้ผลตอบแทนดีที่สุดตลอดเวลา การกระจายความเสี่ยงจะช่วยให้พอร์ตโดยรวมเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
ดังนั้นการลงทุนไม่ใช่เรื่องไกลตัวและไม่จำเป็นต้องใช้รูปแบบเดียวกันสำหรับทุกคน หัวใจสำคัญคือ การทำความเข้าใจระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ เพื่อจัดสรรการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ อย่างเหมาะสม โดยธนาคารกรุงเทพ มีทีมนักวิเคราะห์และ CIO (Chief Investment Officer) คอยให้ข้อมูลและคำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อนำเสนอแนวทางและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์นักลงทุนแต่ละราย
โดยสรุปแล้ว การวางแผนการเงินแบบ "Start Smart" คือการเริ่มต้นอย่างถูกต้องและครอบคลุม ตั้งแต่ การออม อย่างมีวินัย, การบริหารจัดการหนี้สิน อย่างมีประสิทธิภาพ, การโอนย้ายความเสี่ยง ด้วยการทำประกัน และ การลงทุน เพื่อสร้างความมั่งคั่ง อันจะนำไปสู่อิสรภาพทางการเงินที่ทุกคนปรารถนาได้ในที่สุด
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance